Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Common sense investor
•
ติดตาม
26 ก.ค. 2020 เวลา 04:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Ep.9 ทฤษฏีระบบผลประโยชน์(คุณพิชัย จาวลา)
1
คุณพิชัย จาวลา ได้นำเสนอทฤษฎีระบบผลประโยชน์ไว้ได้อย่างน่าสนใจมากครับ ว่าแต่มันคืออะไรล่ะ เรามาทำความเข้าใจกันเลย เพราะมันจะช่วยให้เราลงทุนได้ง่ายขึ้น
คุณพิชัย จาวลา
ระบบคิดใหม่ หรือทฤษฎีผลประโยชน์ ให้แนวคิดไว้ว่าในตลาดหุ้น ระบบทุนนิยมคือภาพใหญ่ที่สำคัญที่สุด และระบบทุนนิยมจะไม่เปิดช่องให้คนส่วนใหญ่ทำกำไรได้พร้อมๆกัน เพราะว่ามันขัดแย้งกับระบบทุนนิยมในโลกของความเป็นจริง ทำให้ในตลาดหุ้นจะมีแต่
คนส่วนน้อยเท่านั้น(20% )ที่จะได้กำไรมากๆจากคนส่วนใหญ่(80%)
4
สิ่งที่ขับเคลื่อนเงินตราคือผลประโยชน์ของคนกลุ่มน้อย โดยที่คนกลุ่มน้อยนั้นมีเม็ดเงิน
จำนวนมหาศาลมากกว่าคนส่วนใหญ่ เงินจำนวนมหาศาลของคนกลุ่มน้อยนั้นสามารถกำหนดทิศทางของราคาหุ้นได้ชนิดที่เรียกว่า ถ้าคนกลุ่มน้อยนั้นซื้อหรือขาย ก็จะมีผลต่อราคาหุ้นให้ขึ้นหรือลงทันที และคำถามสำคัญในตลาดหุ้นก็คือ ในเวลาที่หุ้นถูก
ถล่มขายจนราคาดิ่งเหว " ใครเป็นคนรับซื้อ? " เพราะซื้อจะต้องเท่ากับขายเสมอจึงจะเกิดการจับคู่ซื้อขายได้ ซึ่งคุณพิชัย เรียกเหตุการณ์นี้ไว้ว่า ระบบหรือคนส่วนน้อยเป็นคนซื้อหุ้นไว้(ในขณะที่คนส่วนใหญ่เป็นคนขาย)
1
ทฤษฎีผลประโยชน์ นำเสนอแนวทางไว้ว่า ถ้าคุณอยากจะเป็นคนส่วนน้อยในตลาดคุณต้องทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ เมื่อคนส่วนใหญ่ซื้อคุณจะต้องขาย หรือเมื่อคนส่วนใหญ่ขายคุณจะต้องซื้อ ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ได้ทำกันง่ายๆแบบนั้น เพราะเราไม่รู้ว่าคนส่วนใหญ่ซื้อหรือขายตอนไหน
1
แนวทางการใช้ทฤษฎีผลประโยชน์ คือ ถ้าคุณอยากจะตีความว่าคนส่วนน้อยซื้อหุ้นเมื่อไหร่ให้ดูที่ ในช่วงเวลานั้นเหตุผลของการซื้อหุ้นจะต้องไม่มีเลย เช่น ตัวเลขทางเศรษฐกิจไม่ดี หนี้ครัวเรือนสูง อัตราว่างงานสูง ปัจจัยพื้นฐานไม่ดี ข่าวร้าย กราฟไม่สนับสนุน เหตุการณ์ในอดีตบ่งชี้ว่าราคาต้องลงต่อ ทุกๆอย่างที่อยู่รอบตัวจะต้องชี้ว่าห้ามซื้อหุ้นในเวลานี้ ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบที่ว่ามานี้จริงๆ ก็ให้คุณ " ซื้อหุ้น " เพราะในสถานณะการณ์แบบนี้คุณจะต้องทำตรงข้ามกับคนส่วนใหญ่ คุณถึงจะเป็นคนส่วนน้อยในตลาดได้ครับ
3
เมื่อคนส่วนน้อยเริ่มซื้อหุ้น ราคาหุ้นก็จะค่อยๆขยับขึ้นจากจุดที่ทุกคนไม่คิดว่าจะเป็นจุดต่ำสุด ราคาจะค่อยๆขยับขึ้นทั้งๆที่ยังมีข่าวร้ายอยู่เต็มตลาด ขึ้นไปจนถึงจุดๆหนึ่งแล้วก็เริ่มจะมีข่าวดีขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้นทุกคนในตลาดก็จะเริ่มกล้าซื้อหุ้นมากขึ้นแล้วก็ถยอยกันมาซื้อจนหุ้นเต็มพอร์ต และเมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่ทุกคนคิดว่าราคาจะไปต่ออีก หลังจากนั้นราคาหุ้นก็จะค่อยๆลดต่ำลงเพราะมีคนอีกกลุ่มเริ่มขายหุ้นทิ้ง
2
ส่วนตัวผมนำเอาทฤษฎีผลประโยชน์มาใช้ควบคู่กับแนวทางของ VI ครับเพราะหลังจากใช้ควบคู่กันแล้วเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ (ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้อย่างเชี่ยวชาญก็ตาม)
ผมจะซื้อหุ้นแบบจัดเต็มตอนที่ตลาดลงแรงๆ โดยอาศัยการดูกราฟเข้าช่วย แต่ไม่ได้ใช้Technical นะครับ ผมใช้กราฟเพื่อดูราคาย้อนหลังเท่านั้น และผมก็ซื้อหุ้นทางเดียวมาโดยตลอด เรียกได้ว่าซื้อไม่ขายเลยดีกว่า จะมีขายทิ้งบ้างเพื่อเอาเงินไปเข้าตัวอื่นที่เห็นว่าดีกว่า นอกนั้นก็จะเอาเงินปันผลทั้งหมดกลับมาซื้อหุ้นเมื่อจังหวะเหมาะสม โดยที่คำว่าจังหวะเหมาะสมหมายถึงราคาอยู่ในโซนราคาถูก ซื้อแล้วหุ้นอาจจะลงต่อได้
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีการแบ่งไม้ซื้อตามราคาอยู่แล้ว ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆพอร์ตหุ้นจะค่อยๆโตครับ เงินปันผลก็จะมากขึ้นทุกๆปีด้วย
7
ผมเป็นนักลงทุนอิสระคนหนึ่งที่ชื่นชอบในแนวคิดของคุณพิชัย และได้นำมาเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนของตัวเองเท่านั้น สำหรับรายละเอียดของทฤษฏีระบบผลประโยชน์ที่ได้กล่าวมานี้อาจจะมีการตกหล่นไปบ้าง ก็ขอให้ผู้อ่านที่ต้องการศึกษาอย่างจริงจังไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเอาเองนะครับและถ้ามีข้อมูลอะไรที่ผิดพลาดไปก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้เป็น
อย่างสูงด้วย เพราะผมอาจจะไม่ได้อธิบายได้อย่างถูกต้อง100%
2
อ้างอิงหนังสือ : รวยด้วยระบบผลประโยชน์ หรือ VI และ เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง
2
63 บันทึก
37
9
68
63
37
9
68
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย