สวัสดีค่ะทุกคนเรามาเล่าประสบการ์การสอบ TOEFL ITP ครั้งแรกน้า
เริ่มจากการสมัครควรดูรอบที่มีสอบซึ่งสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์หรือเพจบนเฟสบุ้คได้เลย หลังจากที่ดูวันที่จะสอบแล้วทางประกาศจะระบุช่วงเปิดรับสมัครด้วย ซึ่งวิธีการสมัครมีสองวิธีคือ ออนไลน์และไปติดต่อที่ห้อง Information กับทางสถาบันภาษาได้เลย ซึ่งเราได้สมัครทางออนไลน์โดยดาวน์โหลดไฟล์รับสมัครแล้วกรอกพร้อมกับชำระเงินตามช่องทางที่ระบุไว้บนเว็บไซต์ 1600 บาท ถ้าต้องการให้ส่ง ems ผลสอบที่บ้านเพิ่มอีก 50 บาทโดยระบุความต้องการไปในแบบฟอร์มสมัครเลย จากนั้นก็ส่งเอกสารที่กรอกแบฟอร์มการสมัคร เราเขียนในไอแพดเลยพร้อมแนบหลักฐานการชำระเงิน 1650 บาท เพราะให้ส่งผลสอบทาง ems มาที่บ้าน แล้วส่งแนบไปในอีเมลล์ที่เว็บไซต์เค้า กำหนด นอกจากนี้ยังมีช่องทางส่งเอกสารไม่ว่าจะส่งแฟกซ์หรือส่งไปรษณีย์ก็ได้นะแล้วของเราสอบวันที่ 12 ของเดือนประมาณวันที่ 2 เค้าก็ประกาศรายชื่อผู้เข้าสอบพร้อมหมายเลขห้องสอบแล้ว หากใครไม่ได้ดูที่สถาบันภาษาเค้าก็ได้แปะบอร์ดไว้ตรงทางขึ้นอาคารด้วย
ด้วยครั้งนี้คือประสบการณ์สอบ TOEFL ITP ครั้งแรกของเราด้วยเหตุผลที่ว่าสอบไปเผื่อได้ยื่นประกอบสมัครทุนแลกเปลี่ยนหรือแข่งขันอะไรตามแต่ เพียงอยากให้รู้ระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษเราด้วย อีกอย่างมีความใฝ่ฝันต่อนอกหลังจบป.ตรีแหละค่ะ(ปีการศึกษา 63 นี้เราจะขึ้นปี 3 และเรียนภาคปกไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษ)
เราจะมารีวิววันที่สอบนะคะว่าเราพบเจออะไรมาเลยจะมาเล่าประสบการณ์ดู เริ่มจากทางศูนย์สอบเนี่ยเค้าให้มาถึงที่หน้าห้องสอบก่อนประมาณ 30 นาที เราเริ่มสอบ 9.30 น. มาถึงหน้าห้องตั้งแต่ 8.40 น. มีเจ้าหน้าที่เรียกให้เตรียมตัวเข้าสอบได้ตอนเก้าโมง เริ่มจากเอากระเป๋าใส่ล็อกเกอร์เอาเพียงดินสอ 2B ยางลบ(ถอดปลอกออกด้วย) กบเหลาและบัตรแสดงตัวตนที่ราชการออกให้ เราใช้บัตรนศ.ค่ะเห็นบางคนใช้บัตรประชาชน เก็บกุญแจล็อกเกอร์ที่ตนเองด้วยนะ ช่วงที่สอบ 12 กรกฎาคม 2563 เค้าให้ใส่แมสก์ขณะสอบด้วยค่ะจนกว่าจะสอบเสร็จช่วง 9.00-9.30 พอใครเข้าไปในห้องเอาของไปวางที่โต๊ะยังอนุญาตให้เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำได้ค่ะ จากนั้นก็จะเริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวซึ่งทาง supervisor ผู้คุมสอบอธิบายทุกช่องอย่างครบถ้วนเลยค่ะโดยใช้ดินสอ 2B กรอกนะคะ
เริ่มพาร์ทแรก การฟัง (Listening) ซึ่งเป็นพาร์ทที่รู้สึกว่าในห้องสอบทำได้ดีกว่าตอนซ้อมทำ เพราะในห้องแม้ว่าห้องที่สอบมีลำโพงตัวเดียวแล้วเรานั่งกลางห้องได้ยินชัดเจนมาก ชัดเจนกว่าใส่หูฟังซ้อมทำจากไฟล์เสียงที่แจกในยูทูป ช่วงที่เค้าอธิบายตัวอย่างควรตั้งสติให้มากค่ะหายใจเข้าออกลึกๆทุกครั้งเวลาจะเริ่มพาร์ทใหม่จริงๆ555 ข้อไหน ไม่ทันก็ประข้อที่ลังเลไว้หลังจากตัดช้อยท์แล้วเพราะมีเวลาแค่ 10-13 วินาทีในการตอบคำถามหลังฟังไฟล์เสียงเสร็จ Section แรกคือบทสนทนาของคนสองคนสั้นๆ ปุ๊ปปั๊ปมากข้อไหนตอบไวก็แอบเหลือบดูข้อข้างล่างไว้หน่อยๆค่ะ อีกอย่างเค้ามีคำถามมาด้วยในแต่ละข้อคือไม่ยากมากแต่อาศัยสติล้วนๆส่วน Section 2-3 ของการฟังคือจับใจความจากเรื่องจริงๆแรกๆเราใช้ทริคแยกแยะว่าใครทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่อย่างไรแต่หลังๆเรารู้สึกว่าพอฟังไปดูคำถามไปก็เวิร์คนะคะเหมือนเรียงคำถามตามลำดับเนื้อความที่พูดออกมา ข้อไหนไม่ไหววิธีตัดช้อยคือเวิร์คที่สุดค่ะ อีกอย่างคือคำตอบแวบแรกมักถูกเสมอเหมือนเราสปาร์คจอยกับช้อยนั้นๆเลย(แต่อาจใช้ไม่ได้บางสถานการณ์นะคะ)
ต่อมาเป็นพาร์ท โครงสร้างและหลักภาษา พวกแกรมม่าต่างๆ เจอไป 40 ข้อ 25 นาที เราค่อนข้างพลาดเรื่องคำนวณเวลาค่ะจริงๆเลยคือคิดว่าง่ายและประมาทว่าคงทันใช่ค่ะทำไม่ทันเหลือ Written expression อีกสี่ข้อแต่แอบใช้ความสปาร์คจอยเข้าแลกค่ะตอน 1 นาทีสุดท้าย เพราะว่าผู้คุมสอบคุมเข้มมากย้อนกลับมาทำไม่ได้เลย รูสึกว่าเรื่อง Word order, Part of speech, tense เจอค่อนข้างเยอะค่ะในรอบที่เราสอบนะคะ แนะนำว่าครูพี่ยูริ XChange (associated with Enconcept) แนะนำพวกทริคเรื่องแกรมม่าแอบตรงมากที่พี่เค้าลงเป็นวิดิโอย่อยๆบนเพจ Xchange ค่ะ พาร์ทนี้คืออย่าวอกแวกข้อไหนไม่มั่นใจข้ามไปก่อนจริงๆค่ะ กลับมายังทันอันไหนเราชัวร์ก็อย่ามัวสองจิตสองใจเช็คข้ออื่นอีกทำไปก่อนค่ะ ข้อละ 30 วินาทีกำลังดีแล้วข้อไหนไม่มั่นใจวงไว้แล้วกลับมาดูตอนเหลือ 5 นาทีสุดค่ะจะได้ไม่พลาดแบบเรา
พาร์ทสุดท้าย Reading Comprehension เจอไป 4 -5 passage นี่แหละค่ะ 50 ข้อ 55 นาที เราเห็นหลายๆคนแนะนำว่าดูทุกพารากราฟแบบคร่าวๆเช่น 1-2 ประโยคแรกของพารากราฟ ต่อด้วยสกรีนดูคำถามอันนี้คือชัดเจนมากเรื่องคำถามทุก passage จะมีพวกคำนี้มีความหมายเหมือนคำไหนข้อสอบแบบนี้เกือบครึ่งเลยค่ะใครท่องศัพท์ไปได้เปรียบจริงค่ะแนะนำหนังสือ Barron’s รวมศัพท์ TOELF ค่อนข้างตรง ข้อไหนตอบไม่ได้ดูประโยครอบข้าง เราดูประโยคก่อนและหลังประโยคที่มีคำที่กำหนด 1-2 ประโยคเดาจากบริบทด้วยนะเพราะบางคำใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ จากนั้นค่อยมาทำคำถามที่ Refer หรืออ้างถึงประโยคนั่นนี่ในพารากราฟซึ่งมักจะถามย่อยพารากราฟอันใดอันหนึ่ง จากนั้นก็มีคำถามพวกที่ข้อใดไม่ได้กล่าวถึง ข้อใดเกี่ยวข้อน้อยที่สุด ก็ต้องไล่ดูประโยคที่เกี่ยวข้อง ละก็มีคำถามว่า main topic เอย purpose เอย จริงๆอันนี้เราใช้เวลาฉิวเฉียดมากเลยค่ะแต่ก็พวก passage พวกนี้เท่าที่เคยศึกษามาจากผู้มีประสบการณ์สอนติวโทเฟลโดยเฉพาะหรือบทความต่างๆเค้าบอกว่าส่วนใหญ่มักเป็น America/Canada’s culture หรือ สถานที่สิ่งที่เกิดแบบอเมริกาเหนือ ที่เราเจอจะมีเรื่องการล่าอาณานิคมของอังกฤษในอเมริกาที่พูดคุยเรื่องไม้ในป่าอุดมสมบูรณ์ เรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างเราเจอเรื่องถ่านหิน เรื่องศิลปะแบบอิมเพรสชั่นนิส (Impressionism) เป็นต้นค่ะ ถ้าเกิดว่าเคยซ้อมมือมารับรองว่ามันดูคับคล้ายคับคลาไปหมดแต่ไม่ได้ตรงเผลงกับที่เคยทำมาเสียทีเดียว พาร์ทการอ่านนี่ต้องไปคำนวณเวลาตามสถานการ์จริงๆค่ะ แต่ละ passage สั้นยาวไม่เท่ากันแต่สังเกตได้ว่าข้อหลังๆต้องใช้ความสามารถการวิเคราะห์ข้อมูลออกมาจริงๆ คำตอบมันเป็นประโยคที่มีความหมายเหมือนหรือคล้ายคลึงกับสิ่งที่เจอในบทความที่อ่าน
ก่อนหมดเวลาแต่ละพาร์ทในพาร์ท Structure and Written Expression กับพาร์ท Reading Comprehension ผู้คุมสอบก็จะประกาศ 5 นาทีและ 15 นาทีจะหมดเวลาตามลำดับเลย โดย 5 นาทีสุดท้ายศูนย์สอบเราผู้คุมสอบแจกใบเสร็จที่จ่ายค่าสอบไปค่ะ พอหมดเวลาผู้คุสอบจะบอกหมดเวลาและวางดินสอลงพร้อมเก็บกระดาษคำถามและคำตอบของเรารอประกาศผลสอบ 9 วันค่ะ ทุกคนที่มาสอบสวมชุดไปรเวทมาค่ะแล้วยิ่งใกล้หมดเวลาแอร์ยิ่งเย็นมาก แนะนำใส่ชุดเสื้อแขนยาวมาด้วยนะคะ ของห้องเราไม่ให้เอาเสื้อแขนยาวเข้าไปเผื่อค่ะต้องสวมเข้าไปเลยแต่แรก บางคนสวมสูทลำลองมาเลยก็มีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สอบ ไปเจอคนอื่นๆที่สอบได้ยินบ้างเอาไปสมัครงานเพราะที่ทำงานไม่รับโทอิค บ้างเอาไปสมัครเป็นอาจารย์สอน บ้างเอาไปประกอบการจบหลักสูตร ทุกคนล้วนมีความตั้งใจในการสอบมากจริงๆค่ะ สัมผัสบรรยากาศได้เลย หวังว่าการรีวิวจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่สนใจจะสอบหรือว่าข้อมูลทุกท่านนะคะหวังว่าจะโชคดีและได้คะแนนสอบดั่งที่หวังไว้ค่ะ