14 ก.ค. 2020 เวลา 10:59 • ความคิดเห็น
3 จิตวิทยาในการดึงดูดคนให้เชื่อสิ่งที่ไม่เป็น"ความจริง"
จิตตวิทยาเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมนุษย์มาก เพราะมันเปรียบเสมือนกระจกที่สะท้อนสิ่งที่เป็นตัวเราเองและตัวของผู้อื่นออกมา และสิ่งที่เราจะได้เห็นนั่นก็คือ ความจริงของชีวิตในคนๆนั้นและไม่ว่ามันจะสวยงามหรือสกปรกซักเพียงใด มนุษย์ก็ยังคงปกปิดความจริงของตัวเองแต่อยากรู้ความจริงของผู้อื่นอยู่ดี โดยเฉพาะ ความจริงที่ไม่น่าดูซักเท่าไหร่
และความจริงที่ไม่น่าดูนี้เอง ก็ทำให้มนุษย์เราได้สร้างจิตตวิทยาใดการดึงดูดคนเพื่อให้คนส่วนใหญ่มองเห็นสิ่งที่สวยงามมากกว่าความเป็นจริงด้วยการใช้จิตวิทยาเพื่อให้ความจริงที่ไม่น่าดูนี้บิดเบี้ยวไป และคนที่หากินบนความบิดเบี้ยวนี้ก็คือ พวก Life Coach นั่นเอง
และจิตตวิทยาที่Life Coach ที่เขาใช้นั้นเป็นอย่างไร Near us จะเล่าให้ฟังครับ
Rolf Dobelli อดีต CEO ของบริษัทในเครือสวิสต์แอร์และนักเขียนหนังสือที่ชื่อ 52 วิธีตัดสินใจไ่ให้พลาด ซึ่งติดอันดับขายดีในเยอรมันนีได้เขียนถึงหลุมพลางทางจิตตวิทยาที่ทำให้มนุษย์เราสามารถตัดสินใจได้อย่างไร้เหตุผลโดยที่เราไม่รู้ตัว และทำให้เราสามารถหลงเชื่อสิ่งที่ไม่เป็นความจริงได้อย่างง่ายดายโดยเกิดมาจากอคติของตัวเราเอง
Rolf Dobelli
และพวก Life Coach เหล่านี้รู้เรื่องพวกนี้ดีครับ เขารู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนที่ผู้ฟังอย่างเราเมื่อฟังแล้วจะเชื่อใจแบบสนิททันทีเลยโดยที่เราแทบไม่รู้สึกตระหนิดๆหรือมีพิรุธอะไร ถ้าเราไม่ได้สังเกตุจริงๆ
1
จิตตวิทยาที่พวก Life Coach ใช้ ได้แก่
1.จิตตวิทยา"ความอ่อนล้าจากการตัดสินใจ"
Rolf Dobelli ได้อธิบายว่า "ความอ่อนล้าจากการตัดสินใจเป็นสิ่งที่อันตราย ถ้าคุณเป็นผู้บริโภค มันจะทำให้คุณอ่อนไหวต่อคำโฆษณาและอารมณ์ชั่ววูบของตัวเองมากขึ้น ถ้าคุณเป็นคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจ มันจะทำให้คุณอ่อนไหวต่อสิ่งล่อใจมากขึ้น
ซึ่งหากเราลองดูกรณีคำคมของ Life Coach ที่ชอบPostลงใน Facebook เราก็จะพบว่า คำคมส่วนใหญ่นั้นมักจะมาจากการประกอบความคิดและประโยคให้ดูสวยหรูเอาไว้เรียบร้อยแล้วนำมาPost ลงใน Social Media ซึ่งถ้าจิตใจของเรายังคงมีเหตุผลและแยกแยะว่าสิ่งไหนReal สิ่งไหนFake เราก็จะรู้ทันที
แต่ถ้าช่วงชีวิตหนึ่งของหัวใจของเรามีความอ่อนล้าจากการตัดสินใจเพราะอาจมีมรสุมเข้ามาในชีวิต เราจะมีความหลงไหลและเชื่อสิ่งที่อยู่ใน Social Media ได้ง่ายกว่าปกติครับ เพราะความอ่อนล้าจากการตัดสินใจมันทำให้เรา"รู้สึก"มากกว่า"คิดอย่างรอบคอบ" ผลก็คือ เราก็จะLike&Follow เพจของเขาในที่สุดโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่าทำไปทำไม
1
2.จิตวิทยา"ปรากฎการณ์บาร์นั่ม"
ขอบคุณรูปภาพจากเพจของ ฌอน บูรณะหิรัญ ด้วยนะครัช
Rolf Dobelli ได้อธิบายว่า "สมองคนเรามักจะเชื่อมโยงบุคลิกลักษณะของตัวเองเข้ากับคำอธิบายแบบครอบจักรวาลแบบไม่รู้ตัว โดยเป็นประโยคหรือคำพูดที่ดูกว้างมากจนสามารถนำมาเชื่อมกับใครก็ได้ เช่น
"คุณภูมิใจที่มีความคิดเป็นของตัวเอง" ความจริงก็คือ 1.มีใครอยากเป็นผู้ตามแบบไร้สมอง? 2.มีใครบ้างที่ไม่ชอบให้ใครชม(เหมือนกับในรูปภาพข้างต้น เพียงแต่คนทั้งประเทศไม่ชอบ"ป."มากๆก็เลยทำให้จิตตวิทยานี่ใช้ไม่ขึ้นผลก็เลยทำให้เกิดดราม่าตามมา)
Rolf Dobelli ยังได้อธิบายอีกว่า "อคติจากการเลือกรับข้อมูลก็เป็นสิ่งที่คนเรายอมรับข้อมูลที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของตัวเองและกรองข้อมูลอื่นๆทิ้งไปโดยไม่รู้ตัว
2
ซึ่งกลยุทธทางจิตตวิทยานี้ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธที่พวก Life Coach บางคนก็ใช้เหมือนกันครับ เพราะเอาเข้าจริงๆแล้วพวก Life Coach ไม่ได้รู้จักคุณไปมากกว่าคุณรู้จักตัวเองเลย แต่เขาใช้จิตตวิทยาบาร์นั่มก็เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เขาสามารถที่จะชื่นชมหรืออธิบายบุคลิกใครก็ได้กับทุกคน เพราะแบบนี้ใงเราถึงรู้สึกว่าพวก Life Coach ถึงดูรู้จักเราดีจัง
ซึ่งกลยุทธนี้ก็เป็นกลยุทธที่ Life Coach บางคนใช้เหมือนกันครับ โดยการที่เขาจะใช้้คำพูดเชิงบวกหว่างล้อมคนที่มีชื่อเสียงอย่างดาราและนักแสดงอย่างน้าเน็กและคนอื่นๆเข้าไปร่วมด้วยเพื่อเป็นการดึงฐานะตัวเองด้วยการสร้าง Connection ขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปชื่นชมคนที่ไม่สมควรไปพูดเข้า เรื่องมันก็เลยเละแบบนี้
3.จิตวิทยา "อคติจากสิ่งที่โดดเด่น"
สิ่งที่ณอนพยายามจะสื่อให้เรารู้
ที่มา https://news.trueid.net/detail/4bO7Rx2ZdmAb
ความจริง
ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Csila ด้วยครับ
Rolf Dobelli ได้อธิบายว่า "อคติจากสิ่งที่โดดเด่นคือสิ่งที่สะดุดตาหรือเตะตาและได้รับความสนใจมากจนเกินควรโดยมันมีอิทธิพลต่อความคิดและการกระทำมากกว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ เรามักมองข้ามปัจจัยอื่นๆที่ไม่โดดเด่น ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะ "ความจริง" เพราะฉะนั้น อย่าให้ความโดดเด่นมาทำให้คุณหลงทาง"
Rolf Dobelli ยังอธิบายต่ออีกว่า "ภาพลวงตาที่ว่าด้วยจุดสนใจ คือการที่เรามั่นใจว่าตัวเองมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่ความจริงแล้วเรามักจะมองเห็นเฉพาะสิ่งที่เราให้ความสนใจเท่านั้นโดยมองข้ามสิ่งที่ไม่คาดคิดหรือถูกซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง"(เหมือนกับสิ่งที่ณอนบอกนั่นแหละครับ แล้วความจริงก็เป็นอีกเรื่องเลย)
และไม่ใช่เพียงแค่ Life Coach คนนี้เท่านั้นนะครับที่ทำแบบนี้ เพราะยังมีLife Coach ที่ใช้จิตวิทยาอคติจากสิ่งที่โดดเด่นโดยใช้"คะแนนความสงสาร"มาเป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน เพราะฉะนั้น เราต้องระวังให้ดีว่าอะไรFact อะไร Fake
มาดูกันอีกตัวอย่างก็ได้ครับ อันนี้สดๆร้อนๆเลย
สิ่งที่ณอนสื่อให้เรารู้
ขอบคุณรูปภาพจากYoutube ฌอน บูรณะหิรัญ ด้วยนะครัช
ผลก็คือ Life Coach คนนี้ได้ยอด Like ยอด Share และยอด Follow อย่างถล่มถลายจากความดีที่เขาเอาเงินไปดับไฟป่าเพราะหลายๆคนเชื่อในสิ่งที่โดดเด่นนี้จนเราลืมมองอีกด้านของคนที่เขาทำหน้าที่ดับไฟจริงๆ(ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มองพลาด)
และเมื่อความจริงได้ปรากฎขึ้น สุดท้ายจิตวิทยาอคติจากสิ่งที่โดดเด่นก็ต้องจบลง ดังรูป
ที่มา https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/886946
และนี่ก็คือ 3 จิตตวิทยาในการดึงดูดคนให้เชื่อสิ่งที่ไม่เป็น"ความจริง"ครับ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราอยากจะเชื่อในทัศนคติเชิงบวกของพวก Life Coach ล่ะก็ คุณต้องมองเบื้องหลังของจิตวิทยาเหล่านี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นคนที่เดินตามเกมของเขาแทน
ปิดท้ายด้วยจิตวิทยาที่น่าสนใจ
Rolf Dobelli ได้อธิบายถึงจิตวิทยา"การบิดเบือนความจริง"เอาไว้ว่า "คนที่อยู่รอดอาจไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่สุด แต่คือคนที่กุเรื่องเหลวไหลออกมาพูดได้น่าเชื่อถือที่สุด"
แล้วคุณล่ะครับ คิดว่าพวก Life Coach กุเรื่องเหลวไหลออกมาได้เก่งที่สุดหรือไม่?
โฆษณา