22 ก.ค. 2020 เวลา 05:00 • อาหาร
คั่วไข่ใส่ไข่มดส้ม🤭
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ไข่มดส้ม = ไข่มดแดง
มด เป็นแมลงในอันดับ Hymenoptera ในกลุ่มเดียวกับ ผึ้ง ต่อ และ แตน การเจริญเติบโต จะผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปร่างแบบสมบูรณ์ มีวงจรชีวิต 4 ระยะ คือ ไข่ หนอน ดักแด้ และตัวเต็มวัย มดอยู่ในวงศ์ Formicidae ลักษณะเด่นที่ใช้ในการจำแนกมดได้แก่ หนวดแบบข้อศอก ( geneiculate ) และ เอว ( pedicel ) เอวของมด คือ ส่วนอกที่ลดรูป มดแต่ละวงศ์อาจมีส่วนเอว 1 – 2 ปล้อง และมีลักษณะที่แตกต่างกัน เราจึงมองเห็นสัดส่วนของร่างกายมดมี 4 ส่วนคือ ส่วนหัว ( head ) ส่วนอก ( alitrunk ) ส่วนเอว ( pedicel ) และส่วนท้อง ( gaster )
ส่วนมดแดงส้ม จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Formicinae สกุล Oecophylla ลักษณะเด่นของมดชนิดนี้คือ ส่วนเอวมี 1 ปล้อง ส่วนของกราม ( mandible ) มีฟัน 10 ซี่ หนวดมีปล้องจำนวน 12 ปล้อง ส่วนท้องยกขึ้นเหนือส่วนอก ทั่วโลกพบมดในสกุล Oecophylla 13 ชนิด ในประเทศไทยมีเพียงหนึ่งชนิด คือ Oecophylla smaragdina และมีชื่อสามัญว่า Weaver ants หรือ Green ants ลักษณะเด่นของมดชนิดนี้ คือ มีขนาดใหญ่ และทำรังบนต้นไม้ แต่มีการสำรวจพบการทำรังในบ้านเรือนด้วยเช่นกัน มดแดงส้มมีพฤติกรรมการสร้างรังที่เป็นเอกลักษณ์ คือ มดจะต่อตัวโดยมดงานและใช้กรามคาบส่วนประกอบของร่างกายมดภายในรังด้วยกัน เพื่อดึงใบไม้มาชิดติดกัน และเชื่อมขอบใบไม้ภายในและภายนอกด้วยสารจากส่วนท้องของตัวอ่อนมด มาถักทอรังให้เชื่อมคิดกัน ลักษณะของใย มีลักษณะคล้ายใยแมงมุม มดแดงส้ม เป็นสัตว์กินเนื้อ และอาจเสริมด้วยน้ำหวานจาก เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น และผีเสื้อบางชนิด มดแดงส้มมีวรรณะภายในรังเช่นเดียวกับมดชนิดอื่นๆ คือ มี 3 วรรณะ คือ นางพญา ( Queen ) ราชา ( King ) และ มดงาน ( Workers ) มดงานยังแบ่งการทำหน้าที่แตกต่างกันตามขนาดที่ต่างกัน เช่น มดงานขนาดเล็ก มีหน้าที่ดูแลตัวอ่อนและไข่ มดงานขนาดย่อมมีหน้าที่ดูแลซ่อมแซมรังและหาอาหาร ส่วนมดแดงส้มขนาดใหญ่มีหน้าที่ หาอาหารและปกป้องรังจากผู้รุกราน มดแดงส้มไม่มีเหล็กในเพื่อปกป้องจากศัตรู แต่พวกมันใช้วิธีกัดและฉีดสารที่มีคุณสมบัติเป็นกรด ที่ชื่อ Formic acid มดจะฉีดสารนี้เพื่อขับไล่ศัตรู หรือฉีดเข้าใส่บาดแผลของศัตรูทำให้เกิดอาการระคายเคืองและแสบสารนี้นอกจากมีค่าความเป็นกรดแล้วยังมีกลิ่นฉุน ทำให้ศัตรูร่นถอย
ในประเทศไทยมีการบริโภคตัวอ่อนดักแด้ และตัวเต็มวัยของมดแดงส้มมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยจะใช้ชะลอมหรือกระบุงผูกติดปลายไม้ไผ่และแหย่ไปที่รัง ทำให้ตัวอ่อนและดักแด้ของมดงานร่วงลงภาชนะรองรับ จากนั้นจะใช้ไฟผามดงานเพื่อไม่ให้มดงานคาบตัวอ่อนและดักแด้หนีไปบริเวณอื่น มาถึงยุคปัจจุบัน ภาชนะพลาสติกที่มีคุณสมบัติ เบาและคงทนเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ภาชนะสอยไข่มดแดงจึงเปลี่ยนจากการใช้กระบุงหรือชะลอม เป็นถังพลาสติก หรือ กระสอบพลาสติกผูกติดปลายไม้แทน และเปลี่ยนวีธีไล่มดงานป้องกันการคาบไข่หนีโดยการใช้ แป้งมันสำปะหลัง มดแดงจะไม่คาบไข่หนี นับเป็นภูมิปัญญาที่เป็นผลผลดี มดงานเหล่านั้นจะสามารถเข้าซ่อมแซมรังและดูแลนางพญาเพื่อผลิตไข่ชุดใหม่ต่อไป ฤดูร้อนเป็นช่วงที่เหมาะสมต่อการสอยไข่มดแดง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่นางพญาผลิตทายาท เพื่อขยายอาณาเขตประชากรของรัง พอถึงฤดูฝนอาหารในธรรมชาติมีมาก มดนางพญารองจะออกจับคู่ผสมพันธุ์เพื่อไปสร้างอาณาจักรใหม่ต่อไป
นอกจากมนุษย์แล้วมดแดงส้มยังมีศัตรูในธรรมชาติได้แก่
- ด้วงดอกไม้ อกเหลืองแต้ม
- หนอนของผีเสื้อมอธ ( moth butterfly ) ซึ่งอยู่ในวงศ์ Lycaenidae วงศ์ย่อย Lipharinae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Liphyra brassolis พบแพร่กระจายตั้งแต่ อินเดีย ไทย พม่า มาเลเซีย ไปจนถึง ออสเตรเลีย เป็นเสื้อขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับผีเสื้อในวงศ์เดียวกัน ตัวอ่อนเป็นศัตรูที่สำคัญของมดแดงส้ม เพศเมียจะหาที่วางไข่ที่เหมาะสมนั่นก็คือ บริเวณต้นไม้ที่มีรังมดแดงอยู่นั่นเอง หนอนจะตามกลิ่นของฟีโรโมนของมดที่ติดอยู่บริเวณเส้นทางเดินของมดจากนั้นจะเริ่มปล่อยฟีโรโมนเลียนแบบมด เพื่อแปลงกายเป็นสมาชิกภายในรัง จากนั้นจึงมุ่งหน้าเข้าสู่ห้องเก็บตัวอ่อนเพื่อกินตัวอ่อนมดเป็นอาหาร จนเติบโตเป็นตัวเต็มวัยต่อไป
- แมงมุม เลียนมด แมงมุมกระโดดในวงศ์ Saltisidae ที่มีชื่อสามัญว่า Kerengga ant-like jumper และชื่อวิทยาศาสตร์คือ Myrmarachne plataleoides เป็นแมงมุมที่กินมดแดงส้มเป็นอาหาร โดยการ ที่มันมีตารวม ( compound eyes ) ที่มีประสิทธิภาพสูงมันจึงหลีกเลี่ยงจากการถูกมดโจมตี จากมดได้อย่างง่ายดาย จากนั้นจะเข้าไปขโมยตัวอ่อนของมดกินเป็นอาหาร และบางครั้งก็พบว่ามันโจมตีมดตัวเต็มวัยเป็นอาหารด้วยเช่นกัน
รูปแบบการนำไข่มดแดงไปประกอบอาหาร
- ไข่เจียวไข่มดแดง
- แกงส้มไข่มดแดง
- ดอง
- คลุกเกลือห่อใบตองย่างไฟ
- ห่อหมกไข่คลุกไข่มดแดง
- เอาะไข่มดแดง
โฆษณา