15 ก.ค. 2020 เวลา 15:48 • สุขภาพ
สหรัฐฯประสบความสำเร็จ
ทดลองวัคซีนโควิด19ในมนุษย์เฟสหนึ่ง
ปีหน้าผลิตได้ 500 ล้านเข็ม !!!
2
บริษัท Moderna Inc.ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯอยู่ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ได้ตีพิมพ์เผยแพร่งานวิจัยการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในมนุษย์เฟสหนึ่ง จนได้ขนาดวัคซีนที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
1
จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดัง
(NewEngland Journal of Medicine)เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม2563 โดย Lisa A.Jackson และคณะ
รายงานผลการศึกษาวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่เรียกว่า mRNA
2
โดยการที่วัคซีน(mRNA)จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ร่างกายมนุษย์สร้างส่วนที่เป็นหนาม(S-protein)หรือเปลือกของไวรัส แล้วส่วนของไวรัสนี้จะไปทำให้ร่างกายมนุษย์สร้างโปรตีนขึ้นมาชนิดหนึ่งซึ่งมีคุณสมบัติ สามารถทำลายวรัส หรือป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์มนุษย์ได้ ที่เรียกว่า ภูมิคุ้มกัน หรือภูมิต้านทานนั่นเอง(Antibody)
วิธีการศึกษา : เป็นการวิจัยศึกษาระยะที่หนึ่งในมนุษย์ เพื่อดูขนาดของวัคซีนที่เหมาะสม และดูความปลอดภัย เป็นการทดลองแบบเปิด ในผู้ป่วยอาสาสมัคร 45 คน อายุระหว่าง 18-55 ปี โดยใช้การฉีดวัคซีนสองเข็มห่างกัน 28 วัน
ขนาดของวัคซีนมี 3 ขนาด ได้แก่ 25,100 และ 250 ไมโครกรัม แบ่งฉีดในอาสาสมัครกลุ่มละ 15คน
ผลการวิจัย : หลังจากฉีดเข็มแรก ได้ทำการเจาะเลือดตรวจในวันที่ 29 ห่างออกไป1เดือนพบว่า
ขนาด 25 ไมโครกรัมได้ระดับภูมิต้านทานที่ 40,227 GMT(Geometric Mean Titer)
ขนาด 100 ไมโครกรัมได้ 109,209
ขนาด 250 ไมโครกรัมได้ 213,526
1
เมื่อฉีดเข็มสองห่างจากเข็มแรก 28 วันและทำการตรวจเลือดในวันที่ 57 ได้ผล
ที่ระดับภูมิต้านทานสูงกว่าเข็มแรกมาก
ขนาดวัคซีนที่ 25 ไมโครกรัมได้ 299,751
ขนาด100 ไมโครกรัมได้ 782,719
ขนาด 250 ไมโครกรัมได้ 1,192,154
จากการติดตามผลข้างเคียง หรือการดูความปลอดภัยของอาสาสมัครพบว่า มีความปลอดภัยค่อนข้างดี ยกเว้นในกลุ่มที่ฉีดขนาดสูง 250 ไมโครกรัม จะมีผลข้างเคียงมากกว่าวัคซีนขนาดต่ำกว่า
อาการดังกล่าวประกอบด้วย อาการอ่อนเพลีย(Fatigue) หนาวสั่น(Chills)
ปวดหัว(Headache) ปวดเมื่อยตามตัว(Myalgia) และเจ็บในตำแหน่งที่ฉีดวัคซีน
และมักจะมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง ในการฉีดวัคซีนเข็มที่สอง โดยเฉพาะในกลุ่มขนาดสูง 250 ไมโครกรัม(พบ 3 รายจาก 15 รายคิดเป็นร้อยละ 20 )
สรุป : วัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้(mRNA) มีชื่อว่าวัคซีน mRNA-1273 ที่สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯให้งบสนับสนุนบริษัทถึง 483 ล้านยูเอสดอลล่าร์ สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้ดีและมีความปลอดภัยดี
1
ขนาดของวัคซีนที่จะทดลองต่อไปจะเป็นขนาด 100 ไมโครกรัม เพราะให้ผลระดับภูมิต้านทานสูงกว่า 25 ไมโครกรัม และมีความปลอดภัยสูงกว่าขนาด 250 ไมโครกรัมซึ่งแม้จะมีภูมิต้านทานขึ้นสูงมากกว่า แต่ก็มีผลข้างเคียงมากกว่าเช่นกัน
จากข้อมูลดังกล่าวนี้เอง
ทำให้ทีมวิจัยวัคซีนของคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯซึ่งใช้เทคนิคเดียวกันคือmRNA และเพิ่งเสร็จสิ้นการทดลองในลิงระยะสุดท้ายแล้ว จะเริ่มทดลองในมนุษย์เฟสหนึ่งในเดือนตุลาคมนี้ ตามหลังบริษัทModerna ไม่มากนัก จึงตัดสินใจทดลองใช้วัคซีนที่ขนาด 10,30 และ100 ไมโครกรัม โดยจะไม่ทดลองที่ขนาด 250 ไมโครกรัม โดยอ้างอิงผลการวิจัยของบริษัทดังกล่าว แต่เราจะทำในอาสาสมัคร2กลุ่มอายุ คือ18-60ปี และ61-80ปี ซึ่งดีกว่าที่Moderna ทดลองกลุ่มเดียว(18-55ปี) ทำให้ไทยสามารถฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุได้ถึง80ปี ในขณะที่สหรัฐจะฉีดได้เพียงอายุไม่เกิน55ปี
2
นับเป็นข่าวดีของชาวโลกที่จะมีโอกาสใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ปีหน้า และการทดลองในเฟสสามจะเริ่มในอาสาสมัคร 30,000 คนในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้
ในฝั่งของประเทศจีนก็มีความก้าวหน้าในการทดลองวัคซีนในมนุษย์เฟสหนึ่งและสองแล้วเช่นกันครับ
Reference
2
โฆษณา