17 ก.ค. 2020 เวลา 15:43 • สุขภาพ
เรื่องวุ่นวุ่นของนักการทูตกับโควิด-19
“นางฟ้าอยู่ที่หลักการ
ซาตานอยู่ในรายละเอียด”
Cr.ไทยรัฐออนไลน์
นับจากกรณีทหารอียิปต์ที่จังหวัดระยอง ออกจากสนามบินอู่ตะเภา ไม่ได้เข้าพักในที่กักตัวที่รัฐจัดไว้ให้(State Quarantine) แต่ไปพักโรงแรมที่ระยองแทน แล้วออกไปเดินห้างสรรพสินค้า ต่อมาพบว่าติดเชื้อโควิด19 สร้างความตื่นตระหนกไปทั้งจังหวัดระยอง
ต่อเนื่องมาสู่กรณีลูกสาวอุปทูตซูดานที่กรุงเทพฯ ที่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยไม่ได้รอฟังผลการตรวจหาไวรัส ไปพักอาศัยที่คอนโดของสถานทูตที่ย่านสุขุมวิท ต่อมาป่วยปอดอักเสบติดเชื้อโควิด19 สร้างความตื่นตระหนกไปทั้งย่านสุขุมวิท
เรื่องนี้มีหลักการที่ดีอยู่แล้ว(นางฟ้า)คือ
ทุกคนที่จะเข้ามาในประเทศไทยต้องตรวจหาเชื้อไวรัสที่ประเทศต้นทาง และตรวจหาเชื้ออีกครั้งเมื่อมาถึงประเทศไทย
รายละเอียด(ซาตาน)คือ ตรวจแล้วผลยังไม่ออกทันที เลยมีบางรายไ่ม่รอ ขอกลับไปรอฟังผลที่พักของตนเอง เช่นกรณีลูกสาวอุปทูตซูดาน หรือมาถึงดึกแล้วในสถานที่ไม่มีความพร้อมในการตรวจ ปล่อยให้ออกไปพักข้างนอกก่อน แล้วตามไปตรวจทีหลัง เช่นกรณีทหารอียิปต์
นางฟ้าอีกหลักการหนึ่งคือ ทุกคนที่เข้ามาในประเทศไทยต้องกักตัวเป็นเวลา14วันในสถานที่ที่มีคุณภาพที่รัฐกำหนดไว้ คือ สถานที่ราชการ(State Quarantine) หรือสถานที่เอกชนที่รัฐตรวจสอบและรับรองแล้วว่าใช้กักตัวได้(Alternative State Quarantine)
ถ้าอยู่สั้นกว่า 14 วัน ก็กักตัวเท่าระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย
ซาตานในรายละเอียดก็คือ เจ้าหน้าที่ทางการทูตและครอบครัวมีข้อตกลงพิเศษว่าให้ไปกักตัวอยู่ในสถานทูตของประเทศนั้นกันเองได้ แต่ซาตานที่เกิดขึ้นคือ บางประเทศไม่มีที่ทำการสถานทูตเป็นอาคารที่แยก เฉพาะเป็นของตนเอง ไม่ได้แยกเป็นอิสระ
แต่ไปเช่าคอนโดอยู่ร่วมกับประชาชนทั่วไป เช่น กรณีลูกสาวอุปทูตซูดาน หรือเจ้าหน้าที่ยอมให้ออกไปพักทในโรงแรมที่ไม่ได้เป็นสถานที่กักกันตัวเลย ในกรณีของทหารอียิปต์
2
ยังคงมีเหตุการณ์วุ่นวุ่น ให้คนไทยเกิดความตื่นเต้นและไม่สบายใจต่อเนื่องกันอีก
จากกรณีล่าสุด นักการทูตยุโรปที่เดินทางมาจากเยอรมัน จะเดินทางเข้าสู่ที่พักของตนเอง ลักษณะเป็นคอนโดที่มีประชาชนอื่นร่วมอยู่อาศัยด้วยเพื่อกักตัว แต่ได้รับการปฏิเสธจากคณะกรรมการนิติบุคคลของคอนโดไม่ให้เข้าพัก
ประเด็นปัญหาของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน
แล้วเราควรจะทำอย่างไร ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดสามารถปฏิบัติและเข้าใจตรงกันทุกฝ่าย จะได้อยู่กันด้วยความสบายใจ
ข้อเท็จจริง ได้แก่
1)กรณีดังกล่าวนี้
เป็นนักการทูตยุโรป
(EU:European Union)
ไม่ใช่นักการทูตของประเทศเอสโตเนีย เข้าใจว่ามีเชื้อชาติเป็นคนเอสโตเนีย
(จากคำแถลงจากท่านกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนียประจำประเทศไทย ดร.วีระชัย
เตชะวิจิตร)
2)ไทม์ไลน์
นักการทูตยุโรปรายดังกล่าว
ออกเดินทางในวันที่ 15 กรกฎาคม 22:00 น. จากนครแฟรงค์เฟิร์ต เยอรมนี โดยก่อนจะออกเดินทางนั้นได้ทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโดยวิธีPCR ผลออกมาเป็นลบ (แปลว่าตรวจไม่พบเชื้อไวรัส ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไม่มีการติดเชื้อ อาจตรวจเจอเชื้อไวรัสภายหลังได้)
16 กรกฎาคม 14:00 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ทางการของประเทศไทยได้เข้าทำการตรวจเชื้อโควิด-19 จากนักการทูตยุโรปคนดังกล่าว และได้ขอร้องให้อยู่รอฟังผลการตรวจเชื้อก่อน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดี ผลออกมาเป็นลบ
หมายความว่า มีผลลบคู่แล้ว ทั้งประเทศต้นทางและปลายทางที่เรียกว่า Double Negative
แต่ที่ต้องย้ำและทำความเข้าใจกับทุกคน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่หน้างานที่สนามบิน หรือที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศก็คือ แม้ผลตรวจเป็นลบทั้งสองครั้ง ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จะไม่มีการติดเชื้อในอีก 14 วันข้างหน้า “จึงต้องไปกักตัว14วันทุกราย”
Cr.ไทยรัฐออนไลน์
ขั้นถัดไปก็คือ
จะต้องไปกักกันตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
ในกรณีที่เป็นคนไทย หรือบุคคลธรรมดาทั่วไป ก็ให้เลือกไปกักตัวในสถานที่ที่รัฐดำเนินการ(State Quarantine : SQ)
หรือสถานที่ของเอกชนที่รัฐรับรอง
(Alternative State Quarantine : ASQ)
เช่นโรงแรม แต่ต้องเป็นสถานที่ที่รับเฉพาะผู้กักตัวเท่านั้น ไม่ปะปนกับประชาชนทั่วไปหรือผู้มาใช้บริการในสถานที่นั้น
แต่ในกรณีที่เป็นนักการทูตรวมทั้งครอบครัวของนักการทูตด้วย การกักตัวนั้นยังคงต้องทำอยู่ แต่ผ่อนปรนให้สถานทูตสามารถจัดการที่พักของทางสถานทูตเองให้ เป็นสถานที่กักตัวได้
ปัญหา(ซาตานในรายละเอียด)
อยู่ตรงนี้แหละครับ เน้นครับ อยู่ตรงนี้เลย สถานทูตในประเทศไทยนั้น ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมีสถานที่ทำการทูตเป็นเอกเทศแยกต่างหาก(เช่นสถานทูตสหรัฐอเมริกา) ซึ่งจะมีความเหมาะสมสามารถจัดให้นักการทูตหรือครอบครัวพักอาศัยกักตนเองอยู่ภายในบริเวณสถานทูตได้จนครบ14วัน
สถานทูตหลายประเทศ ไปเช่าคอนโดเป็นที่ทำการ หรือบางประเทศก็เช่าคอนโดเพื่อให้นักการทูตและครอบครัวอยู่อาศัย ซึ่งไม่สามารถแยกเป็นอิสระจนเข้าคำนิยามของสถานกักตัว(Quarantines)ได้ แต่อยู่ร่วมกับบุคคลภายนอกทั้งคนไทยและคนต่างชาติ
ดังนั้นเมื่อให้นักการทูตไปกักตัวเอง 14 วันแม้ตั้งใจจะกักตัวจริงๆ 14 วัน แต่ในระหว่างเดินทางเข้าไปเพื่อพักอาศัยในคอนโดนั้น
ก็สร้างความเสี่ยงให้กับผู้ที่อยู่ในคอนโดเดียวกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่บริเวณโถงต้อนรับข้างล่าง หรือการขึ้นลิฟท์แล้วเดินไปตามทางเดิน
Cr.ไทยรัฐออนไลน์
ตรงนี้จุดที่น่าจะแก้ไขได้ไม่ยากก็คือ กำหนดให้นักการทูตและครอบครัวของทุกประเทศที่ไม่มีที่ทำการสถานทูตของตนเองที่แยกเป็นอิสระชัดเจน(Isolation) ต้องเข้าอยู่ ASQ คือโรงแรมหรูอยู่สบายตามที่นักการทูตต้องการ ต้องเป็นโรงแรมที่รับผิดชอบเรื่องการกักตัวตามที่ตกลงกับทางการไว้แล้วเท่านั้น ไม่สามารถจะอนุญาตให้ไปอยู่ในคอนโดหรืออาคารที่พักอาศัยที่ปะปนกับผู้อื่นได้อีกต่อไป
จากการแถลงของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะท่านอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ก็ยืนยันว่า นักการทูตและครอบครัวนั้นแม้จะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองตามอนุสัญญาเวียนนาเพื่อให้สามารถปฎิบัติหน้าที่ตัวแทนของรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องเคารพและปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายของประเทศเจ้าบ้าน
ซึ่งในที่นี้ ประเทศไทยเราก็สามารถออกระเบียบที่สมเหตุสมผลในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยกำหนดให้นักการทูตและครอบครัวที่ไม่มีบ้านพักอยู่ในสถานทูตที่เป็นลักษณะเฉพาะแยกตัวออกต่างหาก ต้องเข้าอยู่ในState Quarantine หรือ Alternative State Quarantine ทุกรายครับ
Reference
โฆษณา