Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Jamez Shengzu 聖祖
•
ติดตาม
19 ก.ค. 2020 เวลา 11:54 • ประวัติศาสตร์
รู้จักกับ...หนู่เอ่อร์ฮาชื่อ ปฐมจักรพรรดิแห่งชาวแมนจู
Nurhaci : ปฐมจักรพรรดิของชาวแมนจู
หลังราชวงศ์จิน (Jin : 金) ของชาวหนวี่เจิน (Nüzhen : 女真) หรือกลุ่มเชื้อชาติจูรเชิน (Jurchen) ถูกจักรวรรดิมองโกล (Mongol Empire) ล้มล้าง ยุคสมัยที่รุ่งเรืองของชาวหนวี่เจินก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลยเป็นเวลากว่า 300 ปี เพราะถูกปกครองอยู่ใต้อำนาจของทั้งชาวมองโกลในสมัยราชวงศ์หยวนและชาวฮั่นในสมัยราชวงศ์หมิง ตามลำดับ
ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1559 ในครอบครัวขุนนางตำแหน่งเจ้าเมืองเจี้ยนโจว (Jianzhou : 建州) ซึ่งเป็นบริเวณเขตของชนเผ่าจูรเซินใต้การปกครองของจักรวรรดิต้าหมิง (Ming Empire : 大明) มีเด็กชายคนหนึ่งลืมตาดูโลกขึ้นมา ตรงกับรัชกาลจักรพรรดิเจียจิ้ง (Jiajing Emperor : 嘉靖帝) หรือฮ่องเต้หมิงซื่อจง (Ming Shizong : 明世宗) ช่วงเวลาที่ราชสำนักหมิงถูกชักใยโดยกลุ่มขันที กังฉินตีปีกพึ่บพั่บได้เป็นใหญ่และคอยรังแกผู้อุทิศให้กับส่วนรวม
เด็กชายคนนั้นชื่อ หนู่เอ่อร์ฮาชื่อ (Nurhaci : 努尔哈赤) ตระกูลของเขาก็คือ อ้ายซิน-เจว๋หลัว (Aisin-Gioro : 爱新觉罗) ในวัยเด็กเคยถูกแม่เลี้ยงขับไล่ออกจากบ้าน ทำให้ชีวิตรู้จักความลำบากตั้งแต่อายุยังน้อยและกลายเป็นบุคคลเฉลียวฉลาด มีสกิลเอาตัวรอดได้ดี อย่างไรก็ดีในช่วงแรกของชีวิตเขาก็ยังคนธรรมดาที่ห่างไกลกับชีวิตบนคมหอกคมดาบ จนกระทั่งถึงเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
ช่วงปี ค.ศ. 1582 หนีคาน ว่ายหลาน (Nikan Wailan : 尼堪外兰) หัวหน้าเผ่าหนึ่งของชาวจูรเชินและเป็นทหารรับใช้หมิง ได้ร้องเรียนต่อราชสำนักว่าพวกของหนู่เอ่อร์ฮาชื่อคิดการไม่ซื่อ แล้วนำกองกำลังทหารชาวฮั่นมาบุกเจี้ยนโจว ส่งผลให้ ถ่าเค่อซื่อ (Taksi : 塔克世) บิดาและ เจว๋ชางอัน (Giocangga : 觉昌安) ปู่ของหนู่เอ่อร์ฮาชื่อต้องถูกสังหารในเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เขาผูกใจเจ็บและเคียดแค้นราชวงศ์หมิงนับแต่นั้น ประกาศว่าต้องตามล่าผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ปี ค.ศ. 1584 หนู่เอ่อร์ฮาชื่อในวัย 25 ปี สืบตำแหน่งปกครองเมืองเจี้ยนโจวต่อจากปู่แล้วทำการไล่ล่าหนีคาน ว่ายหลานอย่างบ้าคลั่ง อีกฝ่ายก็ยุแหย่ให้หัวหน้าเผ่าอื่น ๆ เป็นปฏิปักษ์ต่อหนู่เอ่อร์ฮาชื่อ แต่ด้วยความกล้าหาญและใจเด็ดของเขาทำให้เกิดตำนานความยิ่งใหญ่ นั่นคือ กองทัพหลังม้ากับชุดเกราะอีกแค่ 13 ตัว หนู่เอ่อร์ฮาชื่อทราบว่าศัตรูของเขาถูกให้ท้ายโดยแม่ทัพหมิงนาม หลี่เฉิงเหลียง (Li Chengliang : 李成梁) เขาจึงทำเป็นไปนอบน้อมแม่ทัพหลี่ ผูกมิตรด้วยการมอบของกำนัลให้มากมายพร้อมกับยื่นข้อเสนอตกลงที่น่าสนใจ ในที่สุด ค.ศ. 1587 หลี่เฉิงเหลียงผู้กลับกลอก ได้ทำการส่งตัวหนีคาน ว่ายหลานให้หนู่เอ่อร์ฮาชื่อสำเร็จโทษ
หลี่เฉิงเหลียน แม่ทัพหมิงที่ต่อมาจับมือกับหนู่เอ่อร์ฮาชื่อ
นับจากนี้ กองกำลังของหนู่เอ่อฮาชื่อก็มีผู้มาสวามิภักดิ์เข้าร่วมด้วยจำนวนมากทำให้กองทัพเขายิ่งใหญ่อย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายเขาก็สามารถพิชิตกองทัพของกลุ่มเย่เฮ่อได้เป็นด่านสุดท้าย หัวหน้าฝ่ายเย่เฮ่อถึงขนาดสาปแช่งกับตระกูลอ้ายซิน-เจว๋หลัวไว้ว่า
… “แม้สกุลเย่เฮ่อจะเหลือเพียงสตรีคนสุดท้าย ก็จะล้างผลาญพวกอ้ายซิน-เจว๋หลัวให้หมดสิ้น” ...
ปี ค.ศ. 1601 จัดตั้งกองทัพธงขึ้น ครั้งแรกมีเพียง 4 สีคือ เหลือง ขาว แดง น้ำเงิน และมีมังกรเป็นสัญลักษณ์กลางธง การจัดหน่วยอย่างที่ว่าจะมีหน่วยละ 300 คนที่เรียกว่า “หนิวลู่” (牛录) มีกองหน้าที่ถือหอกยาวง้าวใหญ่ (长矛大刀) คอยกระชับวงล้อมแล้วยึดพื้นที่ และกองหลังที่คอยตามเคลียร์พื้นที่ต่อเป็นกองขมังธนู (善射队) ต่อมาในปี ค.ศ. 1615 มีการปรับปรุงกู้ซาน (固山) เพิ่มอีก 4 กองทัพธง โดยให้ใช้สีเหมือนเดิมที่มีอยู่ เพิ่มเติมคือใส่ขอบล้อม จึงถือกำเนิดเป็น
“กองทัพ 8 กองธง (Eight Banners : 八旗)” หรือ ‘ปาฉี’ นั่นเอง พร้อมทั้งชื่อเรียกในภาษาแมนจูแต่ละกองธง ได้แก่
1. กองธงเหลือง : กุลุ สุวะยัน อิ กูสะ
2. กองธงขลิบเหลือง : คูบุเฮอ สุวะยัน อิ กูสะ
3. กองธงขาว : กูลุ ซ่างงิยัน อิ กูสะ
4. กองธงขลิบขาว : คุบุเฮอ ซ่างงิยัน อิ กูสะ
5. กองธงแดง : กุลุ ฟูลงิยัน อิ กูสะ
6. กองธงขลิบแดง : คุบุเฮอ ฟูลงิยัน อิ กูสะ
7. กองธงน้ำเงิน : กุลุ ลามึน อิ กูสะ
8. กองธงขลิบน้ำเงิน : คุบุเฮอ ลามึน อิ กูสะ
1
เมื่อชื่อเสียงของหนู่เออร์ฮาชื่อดังกระฉ่อนไปทั่วในด้านขุนศึกที่ไม่รู้จักคำว่าพ่ายแพ้ ทางเผ่ามองโกลถึงขนาดยกย่องให้เป็นถึง “คุนดูลุนข่าน” (Kundulun Khan) ทำให้เขาเริ่มคิดการใหญ่ ไม่ยอมสยบใต้อำนาจชาวฮั่นอีก และแล้วในปี ค.ศ. 1616 หนู่เออร์ฮาชื่อยกตนขึ้นเป็นข่าน หรือ “จอมกษัตริย์” (King of kings ; High king) สถาปนาราชวงศ์จินขึ้นในวันตรุษจีน นักประวัติศาสตร์เรียกราชวงศ์นี้ไว้ว่า “ราชวงศ์โฮ่วจิน” เพื่อไม่ให้สับสนกับกิมก๊กในยุคต้าซ่ง
8 กองธงอันเลื่องชื่อของชาวจูรเซิน (แมนจู)
มีรับสั่งใช้ชื่อรัชศก “เทียนมิ่ง” (Tianming : 天命) แปลว่า ‘สวรรค์ลิขิต’ เป็นศักราชประจำอาณาจักร ทั้งยังท้าทายอำนาจจักรวรรดิจีนด้วยการประกาศความแค้นยิ่งใหญ่ 7 ประการ (Seven Grievances : 七大恨) เพื่อรอสะสางกับราชวงศ์หมิงด้วยข้อหาต่อไปนี้
- แค้นที่ต้าหมิงมีส่วนพัวพันการสังหารปู่กับบิดาของปฐมกษัตริย์อย่างไร้เหตุผล
- แค้นที่ต้าหมิงเข้าข้างสกุลเย่เฮ่อ ศัตรูของหนู่เอ่อร์ฮาชื่อ แถมยังแทรกแซงการปกครองภายในของเมืองเจี้ยนโจว
- แค้นที่ต้าหมิงชอบล้วงล้ำและวางอำนาจข่มขู่แถวชายแดน พื้นที่ของชาวจูรเซิน
- แค้นที่ต้าหมิงเอาเปรียบการค้าขายกับชาวจูรเซิน
- แค้นที่ต้าหมิงให้ท้ายกลุ่มศัตรูของหนู่เอ่อร์ฮาชื่อด้วยการอนุญาตให้ไปฉุดคร่าหญิงสาวโฮ่วจินมาทำเป็นนางบำเรอ
- แค้นที่ต้าหมิงวางก้ามในเขตเจี้ยนโจวได้ แต่ถ้าหนู่เอ่อร์ฮาชื่อเพลี่ยงพล้ำภายในจักรวรรดิ ก็จะถูกกล่าวหาว่าละเมิดความปลอดภัยของชาวฮั่นทันที
- แค้นที่ต้าหมิงเข้ามายักยอกเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตรของโฮ่วจิน
หนู่เอ่อร์ฮาชื่อต้องการเปลี่ยนชะตาครั้งใหญ่ ท่านข่านสั่งเคลื่อนพลบุกต้าหมิงทันที สงครามระหว่างชาวจูรเซินและชาวฮั่นจึงอุบัติขึ้นนับแต่นี้ ในระยะแรกราชสำนักกรุงปักกิ่ง แทบไม่ใส่ใจกับการบุกของต้าจินเลย มัวแต่ประมาทที่สั่งให้ถอนทัพหลวงกลับเข้าพระนคร ต้าหมิงต้องสูญเสียดินแดนและประสบความปราชัยครั้งแล้วครั้งเล่า
ตัวอย่างการพ่ายแพ้ของกองทัพหมิง ปรากฏในสมรภูมิฝู่ซุ่น (Fushun : 抚顺) สมรภูมิชิงเหอ (Qinghe : 清河) ยุทธการซ่าเอ๋อร์หู่ (Battle of Sarhū : 萨尔浒之战) ในฤดูหนาว ปี ค.ศ. 1619 ซึ่งครั้งนี้ ต้าหมิงได้สนธิกำลังกับพันธมิตรอย่างอาณาจักรโชซอน แต่ก็ยังพ่ายให้กับอาณาจักรโฮ่วจิน นอกจากนี้ก็มี สมรภูมิไคหยวน (Kaiyuan : 开原) สมรภูมิเถียหลิ่ง (Tieling : 铁岭) ซึ่งส่วนใหญ่นั้นล้วนเกิดในละแวกมณฑลเหลียวหนิงในปัจจุบันทั้งสิ้น
ในที่สุด ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1626 โฮ่วจินเปิดศึกกับต้าหมิงในยุทธการหนิงหย่วน (Battle of Ningyuan : 宁远之战) หลังฝ่ายจูรเซินเป็นฝ่ายได้ชัยมาตลอดหลายปี มาถึงศึกครั้งนี้ที่นับได้ว่าเป็นสมรภูมิที่หนักหน่วงไปตามกันทั้งคู่ ราชสำนักหมิงได้ส่งขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่งมารับหน้าที่เป็นแม่ทัพในศึกนี้ เขาก็คือ “หยวนฉงฮ่วน” (Yuan Chonghuan : 袁崇焕)
แม่ทัพหยวนใช้คติว่า “แม้มีแค่คนเดียวก็ปกป้องเมืองได้” เขาคุมกำลังพลเพียงหลักหมื่น หนำซ้ำยังไม่ได้รับเหลียวแลด้านเสบียงจากราชสำนักอีก แต่ก็ยังเรียกขวัญและกำลังใจชาวฮั่นให้กลับมาเต็มร้อยได้ จุดน่าสนใจอยู่ที่ หยวนฉงฮ่วน เป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือน ไม่เคยรบทัพจับศึก แต่เพราะอุปนิสัยของเขาเป็นหนอนหนังสือ ทำให้เขาศึกษาตำราพิชัยสงครามมากมายจนแตกฉาน เชี่ยวชาญการศึกถึงขนาดที่ว่าสามารถคิดกลยุทธ์อะไรได้ใหม่ ๆ ตลอด ทำให้เขากล้าอาสามารับหน้าที่นี้
หยวนฉงฮ่วน ขุนนางฝ่ายบุ๋นผู้รับหน้าที่แม่ทัพรักษาเมืองหนิงหย่วน
ฝ่ายกองทัพหมิงมีจุดได้เปรียบก็ตรงที่ยังคงมีปืนใหญ่ที่ตั้งรับบนกำแพงเมือง แม้จำนวนไพร่พลของโฮ่วจินจะเป็นต่อหลายเท่าตัวนัก กล่าวคือต้าหมิงมีหลักหมื่น แต่ข้าศึกมีมากถึงหลักแสน ข้าศึกก็ยังใช้เวลาร่วมเดือนในการจะพิชิตเมืองหนิงหย่วนนี้แต่ก็ทุลักทุเล
ท้ายที่สุด กองทัพอันเกรียงไกรก็ของโฮ่วจินที่ได้ชื่อว่าไม่รู้จำคำว่าพ่ายแพ้ ต้องประสบกับความล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะทหารหมิงระดมยิงปืนใหญ่ใส่ข้าศึกที่บุกอยู่ข้างล่าง ส่งผลให้ท่านข่านหนู่เอ่อร์ฮาชื่อต้องตกหลังม้าอย่างรุนแรง บัดนี้จอมกษัตริย์ไม่ใช่ชายฉกรรจ์มีกำลังวังชาอีกแล้ว ข่านโฮ่วจินวัยชราพลาดท่าในสนามรบ กองทัพจูรเซินต้องรีบถอยไปตั้งหลักทันที ต้าหมิงเป็นฝ่ายชนะในศึกนี้
อาการบาดเจ็บของปฐมข่านหนักหนาเกินไปที่แพทย์หลวงจะถวายการรักษาได้ ประกอบกับทรงเกิดอาการประสาทหลอนจากเสียงปืนใหญ่ในศึกครานั้น ทำให้พระอาการทรุดหนักลงตามลำดับ จนสวรรคตเมื่อเดือนกันยายน ปีเดียวกัน สิริพระชนมายุได้ 67 พรรษา ตรงกับรัชสมัยจักรพรรดิเทียนฉี่ (Tianqi Emperor : 天啓帝) หรือฮ่องเต้หมิงซีจง (Ming Xizong : 明熹宗)
ก่อนหนู่เอ่อร์ฮาชื่อสิ้นพระชนม์นั้น ไม่ได้มีการประกาศรัชทายาทอย่างเป็นทางการ ทำให้ในที่ประชุมขุนนางต้องลงมติกันว่าจะให้โอรสองค์ใด จากมารดาเชื้อสายเผ่าพันธุ์ไหนสมควรขึ้นเป็นข่านต่อ จนได้ข้อสรุปว่าจอมกษัตริย์ที่ขื้นบัลลังก์สืบต่อก็คือ องค์ชาย 8 อ้ายซิน-เจว๋หลัว หวงไท่จี๋ (Aisin-Gioro Huang Taiji : 爱新觉罗·皇太极)
ข่านองค์ถัดมามีการเปลี่ยนรัชศกของอาณาจักรใหม่เป็นชื่อ “เทียนชง” (Tiancong : 天聪) ทั้งยังเปลี่ยนชื่อชนเผ่าหนวี่เจินให้เป็น “แมนจู” (Manchu) เปลี่ยนชื่อราชวงศ์จาก “จิน” ให้เป็น “ชิง” (Qing : 清) รู้จักกันในชื่ออาณาจักรต้าชิง (Great Qing : 大清)
หวงไท่จี๋ถวายพระอารามนามให้พระบิดาผู้ล่วงลับว่า “ชิงไท่จู่” (Qing Taizu : 清太祖) แล้วยังยกระดับฐานันดรของประมุขอาณาจักรให้เป็นถึง “จักรพรรดิ” (Emperor : 皇帝) ให้เทียบเท่ากับฮ่องเต้ของจักรวรรดิจีน จักรพรรดิองค์ใหม่มีรับสั่งให้ริเริ่มการใช้ฐานันดรศักดิ์พิเศษเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เหล่าเชื้อพระวงศ์อีกด้วย เรียกว่า “เชื้อพระวงศ์ผู้ทรงพระมาลาเหล็ก”
ส่วนทางด้านวังหลังของอดีตจักรพรรดิหนู่เอ่อร์ฮาชื่อนั้น มีนางในที่ได้รับการเฉลิมพระยศให้เป็นฮองเฮาย้อนหลัง 2 คนด้วยกัน คือ
- จักรพรรดินีเสี้ยวฉือเกาหวงโฮ่ว (Empress Xiaocigao : 孝慈高皇后)
- จักรพรรดินีเสี้ยวเลี่ยอู่หวงโฮ่ว (Empress Xiaoliewu : 孝烈武皇后)
…
..
.
Battle of Ningyuan (February 1626)
.....”สามารถติดตามแฟนเพจบล็อกเกอร์เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ สิ่งน่าสนใจโดยผม เจมส์เซิ่งจู่ แฟนพันธุ์แท้ราชวงศ์จีน ได้ง่ายๆ
เพียงแค่กดไลก์และฟอลโลว์เพจของผมกันนะครับ”.....
3 บันทึก
10
1
2
3
10
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย