“Jules Brunet” ทหารฝรั่งเศส ผู้เป็นต้นแบบของภาพยนตร์ “The Last Samurai”
“The Last Samurai” เป็นภาพยนตร์เรื่องดังที่ออกฉายในปีค.ศ.2003 (พ.ศ.2546) และเป็นภาพยนตร์เด่นเรื่องหนึ่งของ “Tom Cruise”
แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ตัวละครของ Tom Cruise นั้น สร้างมาจากบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง
นั่นคือทหารฝรั่งเศสที่ชื่อ “Jules Brunet”
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว การติดต่อกับต่างชาตินั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก
ญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 19
แต่ต่อมา ค.ศ.1853 (พ.ศ.2396) ญี่ปุ่นก็ถูกสหรัฐอเมริกากดดันให้เปิดประเทศ ติดต่อกับต่างชาติ ทำให้ในปีต่อมา ญี่ปุ่นต้องยอมเซ็น “สนธิสัญญาคานางาวะ (Convention of Kanagawa)”
สนธิสัญญาคานางาวะ ได้อนุญาตให้เรือของอเมริกาเข้ามาจอดเทียบท่าได้ที่ท่าเรือสองแห่งของญี่ปุ่น และยังให้ตั้งสถานกงสุลที่ชิโมดะอีกด้วย
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงนี้ได้สร้างความแตกแยกในสังคมญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งก็คิดว่าญี่ปุ่นควรจะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมตะวันตก แต่อีกฝั่งก็ยังยึดติดกับวัฒนธรรมเก่าๆ
ฝั่งหนึ่งคือจักรพรรดิเมจิที่มีเหล่าขุนนางหนุนหลัง และต้องการจะฟื้นฟูอำนาจของจักรพรรดิ ส่วนอีกฝั่ง คือตระกูล “โทคุงาวะ (Tokugawa)” ซึ่งเป็นตระกูลซามูไรเก่าแก่และปกครองญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน
การลงนามสนธิสัญญาคานางาวะ
“โทคุงาวะ โยชิโนบุ (Tokugawa Yoshinobu)” ผู้นำตระกูลโทคุงาวะ ตกลงที่จะคืนพระราชอำนาจให้จักรพรรดิ แต่ด้วยความขัดแย้ง ตกลงกันไม่ได้ในเรื่องอำนาจของตระกูลโทคุงาวะกับจักรพรรดิ ทำให้เกิดสงครามในเวลาต่อมา
เมื่อตกลงกันไม่ได้และมีทีท่าว่าจะเกิดสงคราม ตระกูลโทคุงาวะ ได้ขอความช่วยเหลือจากฝรั่งเศสให้ช่วยพัฒนา ปรับปรุงกองทัพของตน
ฝรั่งเศสจึงได้ส่ง Brunet และทหารคนอื่นๆ เข้ามาช่วย
Brunet นั้นเป็นทหารผ่านศึกของกองทัพฝรั่งเศส ผู้เคยผ่านศึกใหญ่มาแล้ว และเขาก็มาญี่ปุ่นในฐานะของผู้เชี่ยวชาญด้านปืนใหญ่
Brunet และทหารฝรั่งเศสคนอื่นๆ ได้รับหน้าที่ให้ฝึกซ้อมทหารของฝ่ายโชกุนในการใช้อาวุธสมัยใหม่ แต่ผ่านไปเพียงแค่ปีเดียว ก็ได้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นระหว่างตระกูลโชกุนกับรัฐบาล
27 มกราคม ค.ศ.1868 (พ.ศ.2411) Brunet ได้นำทหารโชกุนมุ่งไปยังเกียวโต เพื่อถวายจดหมาย เรียกร้องให้จักรพรรดิยกเลิกการริบอำนาจตระกูลโทคุงาวะ รวมทั้งการเรียกยศและที่ดินคืนจากเหล่าขุนนางชั้นสูง
แต่ยังไม่ทันจะไปถึง กองทัพโชกุนก็ต้องพบเจอกับกองทัพขุนนางที่หนุนหลังจักรพรรดิ และเกิดการสู้รบขึ้น นั่นคือ “ยุทธการโทบะ–ฟูชิมิ (Battle of Toba–Fushimi)”
ยุทธการโทบะ–ฟูชิมิ (Battle of Toba–Fushimi)
ถึงแม้ว่ากองทัพโชกุนจะมีจำนวนมากถึง 15,000 นาย ในขณะที่ศัตรูมีทหารเพียง 5,000 นาย แต่ฝ่ายศัตรูนั้นใช้อาวุธที่ทันสมัย มีการใช้ปืนในการต่อสู้ ในขณะที่ทัพโชกุนยังใช้หอกและดาบ
สงครามนี้กินเวลาสี่วัน และจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของทัพโชกุน
ความพ่ายแพ้นี้ ทำให้ขุนนางหลายคนของฝ่ายโชกุนย้ายฝั่งไปอยู่กับฝ่ายจักรพรรดิ และทำให้ Brunet และ พลเรือเอก “อิโนโมโตะ ทาเคอากิ (Enomoto Takeaki)” ต้องรีบหนีไปทางเรือรบ หนีไปตั้งหลักที่เอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน)
อิโนโมโตะ ทาเคอากิ (Enomoto Takeaki)
ฝรั่งเศสในเวลานั้นก็ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งมาก ในขณะที่จักรพรรดิซึ่งกำลังเบ่งบานอำนาจก็ต้องการให้ชาวฝรั่งเศสที่ไปเข้ากับศัตรู ออกไปจากญี่ปุ่น
ชาวฝรั่งเศสหลายคนตัดสินใจกลับบ้าน ยกเว้น Brunet ที่ยังคงสู้ต่อไป โดยเขาได้เขียนจดหมายถวาย “จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 (Napoleon III)” แห่งฝรั่งเศส โดยให้เหตุผลว่า เขาอยากจะช่วยชาวญี่ปุ่นที่สนับสนุนฝรั่งเศส
ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าทำไม Brunet ถึงได้อยู่ช่วยกองทัพโชกุนต่อ แต่เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะรู้สึกประทับใจในความกล้าหาญของกองทัพซามูไร และอยากจะช่วยเหลือ
แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพจักรพรรดิก็ชนะมากขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้จะหนีไปตั้งหลักไกลถึงฮอกไกโด แต่ก็ดูเหมือนว่าชัยชนะสำหรับโชกุนจะเป็นไปได้ยาก
เมื่อเป็นที่แน่ชัดว่าแพ้แน่ Brunet ก็ถูกประกาศจับ หมายหัวทั่วญี่ปุ่น แต่โชคดีที่เรือของฝรั่งเศสมาช่วยเขาได้ทัน เขาจึงหนีไปเวียดนาม ก่อนจะกลับฝรั่งเศส
เมื่อกลับถึงฝรั่งเศส เรื่องราวของเขาก็เป็นที่เล่าขาน ให้สาธารณชนชื่นชมเขา และทำให้เขาไม่ถูกลงโทษจากกองทัพ
ภายหลัง Brunet ก็ได้รับการยกย่องและเกียรติยศต่างๆ มากมาย จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปีค.ศ.1911 (พ.ศ.2454) และเขาก็ได้รับการยกย่องให้เป็น “ซามูไรคนสุดท้าย (The Last Samurai)”
- 18
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
