20 ก.ค. 2020 เวลา 17:04 • การศึกษา
วิเคราะห์ เหตุผลที่อเมริกาชอบทำสงคราม จากวาทกรรมต่างๆของที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิปดีสหรัฐหลายๆท่าน
วิเคราะห์ ถึงสาเหตุของสงครามและความต้องการของสหรัฐอเมริกา คำอธิบายที่สื่อมวลชนนำมาอ้างมากที่เป็นของ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิปดีสหรัฐหลายๆท่าน บทความนี่ผมได้ดัดแปลงมาจากการแปลของนักเขียนท่านหนึ่ง (เป็นเหตุผลด้านการทำงานที่ไม่สามารถ คัดลอกข้อความทั้งประโยคได้)
คิสซิงเจอร์ ชาวเยอรมันเชื้อสายยิวเกิดในเยอรมนีในปี 1938 (2481) เขาอยู่ลอนดอนเพื่อหนีการล่าของนาซี และไปยัง นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในเวลาต่อมา
คิสซิงเจอร์ทำงานในแวดวงทหาร ได้รับมอบหมายงานของหน่วยข่า่วกรอง ก่อนจะเรียนจบปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ด เขาทำงานให้ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง (National Security Advisor) ให้ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน และ ประธานาธิบดี เจอรัลด์ ฟอร์ด และยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศช่วงปี ค.ศ. 1973-1977
บทบาทสำคัญของเขาคือเบื้องหลังการวางแผนก่อสงคราม โดยส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่เวียดนาม ลาว และเขมร และยุติสงคราม ทำให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี ค.ศ. 1973 นอกจากนั้นยังสนับสนุนรัฐบาลอเมริกา โค่นล้มรัฐบาลคอสตาริกาในปี 1970-71, รัฐบาลของโบลิเวียปี 1971 หลังจากนั้นเขาพยายามแทรกแซงรัฐบาลชิลีผ่านสหรัฐ เนื่องด้วยพรรคสังคมนิยมชื่อ ซัลวาดอร์ อัลเลนด์ (Salvador Allende) มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง โดยแนะนำให้ประธานาธิบดีนิกสันส่ง CIA เพื่อทำรัฐประหารในชิลี, การส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มคิวบาปี 1976 และรัฐบาลออสเตรเลียปี 1973-75, ให้คำปรึกษาอย่างสมำ่เสมอแก่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุ๊ชในการส่งทหารอเมริกันบุกอิรักปี 2003 ยืนยันโดยหนังสือชือ State of Denial ของ บ็อบ วู๊ดวาร์ด (Bob Woodward)
นางฮิลารี่ คลินตัน ใช้นโยบายต่างประเทศในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยคำแนะนำจากนายเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ทำให้ปูตินเชื่อว่าหากให้นางฮิลารี ได้รับการเลือกตั้ง อาจจะเกิดสงครามกับรัสเซีย
ข้อความด้านล่างนี้เป็นวาทกรรมสำคัญของนาย เฮนรี่ คิสซิงตัน ที่พูดในโอกาสต่างๆ (อ้างอิงลิงค์ท้ายบทความ) เพื่อ วิเคราะห์ เหตุผลที่อเมริกาชอบทำสงคราม นายเฮนรี่ รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี ค.ศ. 1973 หลักสูตรรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ ชาติตะวันตก ยัดเยียดให้เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น และนี่คือบทเรียนนอกตำรา ซึ่งมีไว้เพื่อกำหนดนโยบายต่างประเทศเกือบทุกรัฐบาลสหรัฐที่ผ่านมา
1. การจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องให้ความสำคัญกับการทำสงคราม (War is important in many ways for establishing the New World Order)
2. กำไรของอุตสาหกรรมอาวุธขึ้นอยู่กับการทำสงครามต่อเนื่อง (War creates a constant flow of profits to our military industrial complex).
3. สงครามทำลายผู้บริโภคไร้ประโยชน์จำนวนมาก (War rids the world of a large number of useless eaters).
4. สงครามทำให้ผู้คนเกลียดชังกันมากกว่าที่จะเพ่งเล็งให้ความสนใจกับคนที่สร้างความขัดแย้ง (War keeps people hating each other, rather than focusing their attention on us the people who created the conflicts).
5. สงครามกำหนดพื้นฐานที่ถูกต้องสำหรับการประกอบอาชีพและการควบคุมระบอบการปกครองที่ต้านทานต่อการครอบงำโดยชนชั้นสูง (War establishes legitimate ground for occupation and control of regimes resistant to full domination by the elites).
6. สงครามสร้างความสับสนวุ่นวายซึ่งระเบียบโลกใหม่จะได้รับการจัดตั้งขึ้น (War creates the chaos out which the New World Order will be established).
7. ทหารเป็นสัตว์ที่โง่เขลาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ (Military men are dumb stupid animals to be used as pawns for foreign policy).
8. คุณต้องเข้าใจ สงครามไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด (You must understand; war is not the ultimate goal).
9. อำนาจคือสารกระตุ้นที่สุดยอด พลังที่เหนือว่านั้น นั้นแหละคืออำนาจสูงสุดของเรา (Power is the ultimate aphrodisiac, power over the remaining few, that’s our ultimate goal).
10. การมีทาสนั้นสนุกและน่าพึงพอใจยิ่งกว่าการสังหารหมู่ในสงคราม (Slavery is even more fun and satisfying than the mass murder of war).
11. สิ่งผิดกฎหมายที่เราทำในทันที รัฐธรรมนูญใช้เวลานานขึ้นเล็กน้อย (The illegal we do immediately. The unconstitutional takes a little longer).
12. นิกสันต้องการการวางระเบิดขนาดใหญ่ในกัมพูชา เขาไม่ต้องการได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเป็นคำสั่งที่จะต้องทำ อะไรก็ตามที่บินหรืออะไรก็ตามที่เคลื่อนไหว (Nixon wants a massive bombing campaign in Cambodia. He doesn’t want to hear anything about it. It’s an order, to be done. Anything that flies or anything that move).
13. เป็นการกระทำที่วิกลจริตและความอัปยศในระดับชาติที่จะมีกฎหมายที่ห้ามมิให้ประธานาธิบดีสั่งการลอบสังหาร (It is an act of insanity and national humiliation to have a law prohibiting the President from ordering assassination).
14. ผมไม่สามารถเฝ้ามองให้ประเทศเปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์ เนื่องจากความรับผิดชอบของประชาชน ประเด็นสำคัญมากเกินไปที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวชิลีจะถูกทิ้งให้ตัดสินใจด้วยตนเอง (I don’t see why we need to stand by and watch a country go communist due to the irresponsibility of its people. The issues are much too important for the Chilean voters to be left to decide for themselves).
15. ควบคุมน้ำมันและควบคุมชาติควบคุมอาหารและควบคุมผู้คน (Control oil and you control nations, control food and you control the people).
16. การลดประชากรควรเป็นนโยบายต่างประเทศที่มีความสำคัญสูงสุดต่อโลกที่สามเนื่องจากสหรัฐฯจะต้องการทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากและเพิ่มขึ้นจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากประเทศที่ด้อยพัฒนา (Depopulation should be the highest priority of foreign policy towards the third world, because the US will require large and increasing amounts of minerals from abroad, specially from less developed countries).
17. ระเบียบโลกใหม่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯเนื่องจากเราเป็นองค์ประกอบเดียวที่สำคัญที่สุด (The New World Order can not happen without US participation, as we are the most significant single component).
ถ้าสังเกตจากวาทต่างๆแล้ว ในข้อ 16 ผม(ผู้แปล)คิดว่า เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ควรจะได้ปริญญาเอกสาขา DhD(Doctor of Human Destruction) มากกว่า PhD
CR.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓
เครดิตภาพ อินเตอร์เน็ต
ปล. ถ้าจะแชร์ โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการละเมิดพรบ.คอมพิวเตอร์
อ่านข่าว อื่นๆ
เครดิต ฟารูก พีรูซอะลี
โฆษณา