ข้าวโอ๊ตช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย นักวิจัยจากประเทศอิตาลีได้พบว่า เบต้า-กลูแคนที่มีอยู่ในข้าวโอ๊ต สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายในการต่อสู้กับแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส และปรสิตได้เป็นอย่างดี
ข้าวโอ๊ตช่วยลดความโลหิต หากต้องการลดความดันโลหิต คุณควรรับประทานข้าวโอ๊ต 75 กรัม หรือประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ แต่ที่ง่ายกว่าก็คือ ให้รับประทานข้าวโอ๊ตต้ม (ชามขนาดกลางถึงขนาดใหญ่) ทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพให้ใช้ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 30 กรัม สำหรับข้าวโอ๊ตต้มชามขนาดกลาง
ข้าวโอ๊ตช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ : เป็นที่ทราบกันว่าชาวมังสวิรัติจะมีอัตราการตายด้วยโรคหัวใจต่ำกว่าคนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ พูดง่าย ๆ ก็คือ คนที่กินผักจะมีอายุยืนยาวกว่าคนที่กินเนื้อ เพราะชาวมังสวิรัติจะกินอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือข้าวโอ๊ตนั่นเอง ส่วนคนที่เป็นโรคหัวใจ การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์สูงอย่างข้าวโอ๊ต จะทำให้การกำเริบของโรคลดน้อยลง
ข้าวโอ๊ตกับการช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ มีงานวิจัยที่พบว่า ข้าวโอ๊ตสามารถช่วยลดระดับความดันโลหิต และควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ข้าวโอ๊ตจึงเป็นธัญพืชที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้เป็นอย่างดี โดยชาวนาข้าวโอ๊ตในเนเธอร์แลนด์ที่กินข้าวโอ๊ตถึงวันละ 5 ชาม จะเป็นโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงต่ำกว่าคนทั่วไป[1]
ข้าวโอ๊ตช่วยป้องกันโรคเบาหวาน นายแพทย์เจมส์ แอนเดอร์สัน ผู้เชี่ยวชาญด้านไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร ผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับไฟเบอร์มานานนับสิบปี ได้ให้คำแนะนำว่า การกินอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์อย่างข้าวโอ๊ตจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
ข้าวโอ๊ตช่วยลดไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลได้ : การกินข้าวโอ๊ตให้ได้วันละ 3 กรัม จะช่วยลดไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลได้ แต่ควรกินอย่างน้อย 0.75 กรัม ต่อการกิน 1 ครั้ง ถ้าไม่รู้ว่าควรกินในปริมาณเท่าใด ก็ให้ลองคิดเองว่า ในข้าวโอ๊ต 100 กรัม จะให้พลังงาน 390 กิโลแคลอรี, คาร์โบไฮเดรต 66 กรัม, ไขมัน 7 กรัม, โปรตีน 17 กรัม, วิตามินบี5 1.3 กรัม, ธาตุเหล็ก 5 มิลลิกรัม, แมกนีเซียม 177 มิลลิกรัม และไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ 4 กรัม โดยนายแพทย์เจมส์ แอนเดอร์สัน ได้ทำการทดลองกับตัวเอง โดยเขาได้วัดระดับคอเลสเตอรอลของตนซึ่งสูงถึง 300 จากนั้นเขาก็ได้ระดมกินรำข้าวโอ๊ตเป็นส่วนใหญ่ และในเวลาเพียง 5 สัปดาห์ ระดับคอเลสเตอรอลของเขาลดลงเหลือเพียง 175 โดยวิธีกินรำข้าวโอ๊ตของหมอเจมส์ก็คือ กินวันละ 180 กรัม หรือประมาณหนึ่งถ้วยตวงในตอนเช้าทุกวัน และต่อมาเพื่อแนะนำให้ผู้ป่วยของเขากินรำข้าวโอ๊ตได้ง่ายขึ้น เขาจึงได้พัฒนาเป็นสูตรมัฟฟินที่มีรสชาติอร่อยขึ้นเพื่อกินกับเครื่องดื่มยามเช้า แล้วนำมาให้คนไข้หลายร้อยคนของเขากิน และได้พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของคนไข้ลดลงโดยเฉลี่ย 20% แม้ในรายที่ไม่ยอมลดไขมันในอาหารเลยก็ตาม
ข้าวโอ๊ตกับการช่วยควบคุมน้ำหนัก : ข้าวโอ๊ตมีเส้นใยอาหารหรือไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูง มีแคลอรีต่ำ กากใยนี้เมื่อกินเข้าไปจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำ ที่ช่วยดูดซับน้ำเมื่ออาหารตกผ่านลงไปในท้อง จึงช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว เมื่อเริ่มต้นกระบวนการย่อยในลำไส้ ข้าวโอ๊ตจะช่วยในการดูดซึมอาหาร กากใยที่มีอยู่จะก่อตัวเป็นเจล แล้วจะค่อย ๆ ซึมซับคาร์โบไฮเดรต รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ และมีโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน (ข้าวโอ๊ตเป็นธัญพืชที่มีโปรตีนสูงที่สุด มีค่าใกล้เคียงกับถั่วเหลือง และไม่น้อยไปกว่าเนื้อสัตว์ นม ไข่) เมื่อกินข้าวโอ๊ตเข้าไป ร่างกายจึงได้ทั้งคุณค่าและกากใยที่ทำหน้าที่ที่ดีต่อร่างกาย ทำให้อิ่มเร็ว และไม่อ้วน
ข้าวโอ๊ตช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกาย : ไฟเบอร์จากข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยดูดซับของเสียในลำไส้ จึงช่วยขับของเสียและพิษออกจากร่างกายได้ดีมาก โดยกากใยอาหารที่หลงเหลือจะทำให้มีปริมาณของอุจจาระมากขึ้น แถมยังช่วยดูดซับน้ำไว้ในตัวอีก โดยเฉพาะรำข้าวโอ๊ตที่สามารถดูดน้ำเข้าไปในตัวได้ถึงหลายสิบเท่า ดังนั้น ไฟเบอร์ที่หลงเหลือในทางเดินอาหารจึงไปกระตุ้นให้อยากถ่ายเร็ว ทำให้ของเสียทั้งหลายถูกขับออกมาจากร่างกาย
ข้าวโอ๊ตช่วยในการขับถ่าย ป้องกันท้องผูก : ข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ชื่อว่า เบต้า-กลูแคน ที่ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น และยังทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำเล็ก ๆ ที่ช่วยดูดซับคอเลสเตอรอลในลำไส้เล็กและขับออกจากร่างกาย
ข้าวโอ๊ตไม่มีกลูเตน (Gluten) : สำหรับผู้ที่แพ้กลูเตนที่มีอยู่ในข้าวสาลี คุณสามารถหันมากินข้าวโอ๊ตแทนได้อย่างสบายใจ
ข้าวโอ๊ตช่วยเพิ่มพลังงานก่อนออกกำลังกาย : มีคำแนะนำว่า ให้กินข้าวโอ๊ตก่อนการออกกำลังประมาณ 2 ชั่วโมง เพียงเท่านี้เราก็จะได้พลังงานเอาไว้ใช้ในการออกกำลังกายได้เพิ่มขึ้นอีกมากเลยทีเดียว เพราะข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่ย่อยง่าย จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารและนำสารอาหารเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็ว
ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและอาการเหนื่อยล้า : ด้วยการนำข้าวโอ๊ต 2 ถ้วย นม 1 ถ้วย และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมลงไปในอ่างอาบน้ำ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของเราไปในตัวอีกด้วย
ใช้รักษาแผลจากโรคอีสุกอีใสหรือรอยแผลไหม้จากแสงแดด : ให้นำเมล็ดข้าวโอ๊ตมาบด หรือใช้แป้งข้าวโอ๊ตที่ร้อนจนเหลือเฉพาะผงแป้งร่วน ๆ มาเทรวมกันในผ้าสะอาด จากนั้นให้นำห่อผ้าดังกล่าวไปมัดกับก๊อกน้ำจนเหลือเฉพาะผงแป้งร่วน ๆ มาเทรวมกันในผ้าสะอาด แล้วนำห่อผ้าไปมัดกับก๊อกน้ำของอ่างอาบน้ำให้แน่น เสร็จแล้วก็เปิดน้ำให้ไหลผ่านห่อผ้าออกมา ในระหว่างนี้ให้เราใช้มือบีบห่อผ้าไปพร้อมกันด้วย แล้วลงไปแช่ในน้ำสักพัก แต่ถ้าไม่มีอ่างอาบน้ำก็ให้นำห่อข้าวโอ๊ตมาชุบน้ำ แล้วนำมาประคบลงบนบริเวณที่เป็นก็ได้
ใช้รักษาปัญหาผิวทั่วไป : ด้วยการนำข้าวโอ๊ตมาทำเป็นสครับขัดผิวหรือสบู่ข้าวโอ๊ต โดยให้ใช้ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะนำมาบดให้เป็นผง ผสมด้วยเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำ (ให้พอที่ทำให้ส่วนผสมข้นเหนียวพอประมาณ) จากนั้นนำมาทาลงบนผิวตามต้องการทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออก
ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่ง และเนียนนุ่ม : ด้วยการนำข้าวโอ๊ตประมาณ 3/4 ถ้วยตวง นำมาปั่นรวมกับน้ำเปล่าประมาณ 3 นาที แล้วใช้น้ำผึ้งกับโยเกิร์ตอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ และไข่ขาวตามลงไป ผสมส่วนผสมทั้งหมดจนเข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้าหรือผิวบาง ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ เช่น แชมพู โลชั่น สบู่ ฯลฯ เนื่องจากข้าวโอ๊ตมีวิตามินอีสูง ซึ่งช่วยคงความชุ่มชื่นของผิวได้เป็นอย่างดี
ช่วยกำจัดสิวบนใบหน้า : สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว ให้นำข้าวโอ๊ตมาผสมกับนมหรือข้าวโอ๊ตบดที่คุณนำมารับประทานเป็นอาหารเช้า วางทิ้งไว้จนส่วนผสมเริ่มมีอุณหภูมิปกติ จากนั้นนำส่วนผสมดังกล่าวมาพอกบริเวณที่เป็นสิวประมาณ 10 นาที แล้วค่อยล้างออก ในระหว่างนี้ข้าวโอ๊ตก็จะช่วยดูดซับไขมันพร้อมกับแบคทีเรีย และผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวออกไป และหากนำมาผสมกับน้ำมันทีทรีออยล์ (Tea Tree Oil) กับน้ำผึ้งไปด้วยก็จะช่วยรักษาปัญหาสิวได้ดียิ่งขึ้น
ใช้รักษาผิวหนังของสัตว์เลี้ยง : สำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีอาการคันผิวหนัง นั่งเกาไม่หยุด ก็ให้นำข้าวโอ๊ตมาผสมกับน้ำอุ่น ในอัตราส่วนอย่างละเท่า ๆ กัน แล้วนำไปทาบนผิวหนังของสัตว์เลี้ยง (ใช้อะลูมิเนียมฟอยล์ห่อทับไว้เล็กน้อย) ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยล้างออก
ใช้ดับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ : กลิ่นอับในตู้เย็นและกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ ข้าวโอ๊ตสามารถช่วยคุณได้ เพียงแค่ใส่กล่องข้าวโอ๊ตเปิดฝาทิ้งไว้ในตู้เย็น ในห้องน้ำ หรือจุดต่าง ๆ ที่ต้องการกำจัดกลิ่น เพียงเท่านี้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็จะหมดไป นอกจากนี้หากที่เขี่ยบุหรี่เริ่มมีกลิ่นแปลก ๆ ก็ให้ลองผสมข้าวโอ๊ตแห้งลงไป ซึ่งข้าวโอ๊ตจะช่วยดูดกลิ่นบุหรี่ได้เป็นอย่างดี
ใช้ทำเป็นของเล่นเด็ก : ข้าวโอ๊ตที่เด็ก ๆ กินเหลือ เมื่อปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะเริ่มแข็งตัว ให้ลองนำมาผสมกันโดยใช้ข้าวโอ๊ต 2 ส่วน ต่อแป้งและน้ำอีกอย่างละ 1 ส่วน แล้วเติมสีผสมอาหารลงไปเล็กน้อย คุณก็จะได้แป้งที่มีลักษณะคล้ายดินน้ำมันไว้ให้เด็ก ๆ ปั้นเล่นได้