Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
DHAMMA to People
•
ติดตาม
23 ก.ค. 2020 เวลา 00:00 • บ้าน & สวน
สวรรค์ชั้นยามา
มีคำที่ปราชญ์กล่าวเอาไว้ว่า ซ้อมรบกันร้อยวัน แพ้ชนะกันเพียงวันเดียว จะแพ้หรือชนะก็รู้กันวันนั้น เหมือนนักกีฬาที่ฟิตซ้อมกันมาหลายเดือน หรือบางทีก็เก็บตัวกันเป็นปีๆ แต่เมื่อถึงเวลาแข่งขัน ก็รู้แพ้รู้ชนะกันในเวลาไม่กี่วินาที สงครามแห่งชีวิตก็เช่นเดียวกัน จะแพ้หรือชนะก็อยู่ที่วินาทีสุดท้ายตอนใกล้จะละโลก และมีใครสักกี่คนที่เอาชนะสงครามของชีวิต จากโลกนี้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์อย่างยิ้มแย้มแจ่มใสได้ มีใจเบิกบานชุ่มอยู่ในบุญ และภาคภูมิใจในผลงานแห่งการสร้างบารมีของตนว่า ตลอดชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ได้สั่งสมความดีไว้มากพอ จึงไม่สะทกสะท้านต่อมรณภัย และจากไปอย่างผู้มีชัยชนะ เราสามารถเป็นนักรบที่เข้มแข็ง และชนะสงครามแห่งชีวิตได้ ก็ต่อเมื่อเราได้ฝึกฝนใจให้คุ้นเคยกับความดี ให้ใจอยู่ในบุญอยู่ในธรรมะตลอดเวลา หากทำได้เช่นนี้ ย่อมเป็นที่มั่นใจว่าเราจะชนะศึกในวันสุดท้ายของชีวิตอย่างแน่นอน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทานสูตร ว่า
"ดูก่อนสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีหวังสิ่งตอบแทนในทาน แต่ก็ให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า การให้ทานเป็นการกระทำที่ดี แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า บิดามารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เคยให้ เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี เขาผู้นั้นให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยาตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาในสวรรค์ชั้นยามา"
สวรรค์ชั้นยามาคือชั้นที่ ๓ ที่ได้ชื่อเช่นนี้ก็เพราะว่า ภูมินี้เป็นที่อยู่ของเหล่าทวยเทพผู้มีบุญมาก ที่ให้ทานเป็นประเพณีที่ดีงามสืบต่อกันมา จึงเข้าถึงความสุขอันเป็นทิพย์ที่เลิศกว่าชาวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยมีท้าวสุยามาเทวาธิราชเป็นผู้ปกครอง อีกนัยหนึ่งสวรรค์ชั้นนี้มีนามว่า ยามาภูมิ เพราะเป็นภูมิที่อยู่ของเทวดา ซึ่งมีสมเด็จท้าวสุยามาเป็นเทวาธิบดี
* สวรรค์ชั้นยามานี้ ตั้งอยู่เหนือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไปเบื้องบนอีก มีทิพยปราสาทเงินและปราสาททองเป็นวิมานที่อยู่ของเหล่าเทวดาในสวรรค์ชั้นนี้ ปราสาทวิมานมีความสวยงามวิจิตรตระการตามากกว่าชั้นดาวดึงส์มาก มีกำแพงแก้วล้อมรอบวิมาน มีสวนอุทยานและสระโบกขรณีที่เป็นทิพย์บังเกิดขึ้นมากมาย แต่ละสระก็มีความสวยงามวิจิตรพิสดารมาก ที่น่าอัศจรรย์มากคือ ในสวรรค์ชั้นนี้ไม่เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือดวงดาวเลย เพราะอยู่สูงกว่าวงโคจรของพระอาทิตย์พระจันทร์ เหล่าทวยเทพสามารถเห็นกันด้วยแสงแห่งรัศมีของแก้วมณี และรัศมีที่ออกจากกายของเทวดา การที่จะรู้วันและคืนได้ ก็ดูจากดอกไม้ทิพย์ที่มีอยู่ในสวรรค์เป็นสัญลักษณ์ คือถ้าเห็นดอกไม้ทิพย์กำลังเบ่งบานก็แสดงว่าเป็นเวลาเช้า ถ้าเห็นดอกไม้ทิพย์นั้นหุบลงก็แสดงว่าเป็นเวลาเย็น
ส่วนท้าวสุยามาเทวาธิราช ผู้เป็นจอมเทพปกครองชาวสวรรค์ชั้นนี้ ทรงมีนํ้าพระทัยประกอบด้วยกุศลธรรม ทำให้เหล่าทวยเทพได้รับความชุ่มฉ่ำเย็นใจ ได้เสวยสุขกันตลอดถ้วนหน้า อายุของทวยเทพที่สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นยามามีอายุยืนนานถึง ๒,๐๐๐ ปีทิพย์ ถ้าเทียบ ๒๐๐ ปีมนุษย์ก็เป็นคืนหนึ่งกับวันหนึ่งของสวรรค์ชั้นยามา ฉะนั้น ๒,๐๐๐ ปีทิพย์ก็นับได้ ๑๔ โกฏิ ๔ ล้านปี ซึ่งก็คือ ๑๔๔ ล้านปีในเมืองมนุษย์นั้นเอง
การที่มนุษย์หรือหมู่สัตว์ จะไปเกิดเป็นทวยเทพในสวรรค์ชั้นยามานี้ ต้องเป็นผู้มีบุญกุศลที่สั่งสมเอาไว้มาก และต้องไม่หวั่นไหวในการทำบุญกุศลตลอดชีวิต สำหรับตัวอย่างของเทพบุตรที่ได้ไปเสวยสุขในสวรรค์ชั้นนี้ หลวงพ่อมีตัวอย่างของอุบาสกท่านหนึ่ง ผู้สั่งสมบุญใหญ่เอาไว้ แล้วได้ไปบังเกิดเป็นยามาเทพบุตร
เรื่องมีอยู่ว่า อุบาสกท่านหนึ่งอาศัยอยู่ในกรุงราชคฤห์ เป็นคนมีศรัทธาหนักแน่นในบวรพระพุทธศาสนา ท่านตั้งใจว่าจะถวายอาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ วันละ ๔ รูปเป็นประจำมิให้ขาดจนตลอดชีวิต ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ตักบาตรเป็นสังฆทานอยู่เนืองนิตย์ วันหนึ่งท่านต้องไปทำธุระนอกบ้าน ส่วนภรรยาและคนในบ้านเกรงว่าจะมีขโมยเข้าบ้าน จึงปิดประตูไว้
รุ่งเช้า พระมาบิณฑบาตและรับสังฆทานตามปกติ เห็นประตูบ้านปิดอยู่ ก็ไม่กล้าเข้าไปรับบาตรในบ้าน และบังเอิญว่าวันนั้นคนในบ้านก็ตื่นสายกว่าปกติ พระจึงเดินไปรับบิณฑบาตที่บ้านถัดไป โดยมิได้รอรับภัตตาหารของอุบาสกที่ได้ตระเตรียมไว้ เมื่ออุบาสกกลับเข้าบ้านในช่วงสาย เห็นอาหารหวานคาวที่จัดเตรียมไว้ ยังคงวางอยู่เหมือนเดิม จึงสอบถามคนในบ้าน ได้ความว่า ที่พระคุณเจ้าไม่เดินเข้ามารับบาตรในบ้าน เพราะประตูหน้าบ้านปิดอยู่ และทุกคนในบ้านก็ตื่นสายด้วย
เนื่องจากเป็นผู้ฝักใฝ่ในทานอยู่แล้ว และมีความศรัทธาในบวรพระพุทธศาสนา เขารู้สึกเสียดายที่ขาดการทำทานไปหนึ่งวัน จึงคิดว่าต่อไปจะต้องไม่ยอมเสียโอกาสดีๆ นี้อีก เพราะการนอนตื่นสายและกลัวขโมยเข้าบ้านนี่เอง เป็นเหตุให้พลาดบุญ อุบาสกจึงตัดสินใจจ้างคนให้มาเฝ้าประตูบ้าน พร้อมกับกำชับว่า “ถ้าท่านเห็นพระคุณเจ้าที่เราอาราธนาไว้บิณฑบาตผ่านมา จงนิมนต์ท่านให้เข้าไปในบ้าน และช่วยกันจัดแจงปูลาดอาสนะ ต้อนรับพระภิกษุทั้งหลายด้วยความเอาใจใส่เถิด จะได้เกิดเป็นผลบุญแก่ตัวท่านเองด้วย”
ตั้งแต่นั้น เมื่อเห็นพระภิกษุสงฆ์มา คนเฝ้าประตูก็จะต้อนรับด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง นิมนต์พระให้เข้าไปในบ้าน และช่วยจัดแจงถวายสังฆทานเรียบร้อย ต่อมาเขามีโอกาสร่วมฟังพระธรรมเทศนาจากพระสงฆ์ผู้มารับสังฆทาน ก็ยิ่งเกิดความศรัทธาเชื่อมั่นในกรรมและผลของกรรม ได้ตั้งใจรักษาศีล ๕ และตั้งอยู่ในพระรัตนตรัย ด้วยความเต็มใจและเลื่อมใสศรัทธา ครั้นละโลก ก็ได้ไปบังเกิดเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้วยเหตุที่ได้อนุโมทนาและทำไวยาวัจกรคือขวนขวายให้ความสะดวกแด่พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีล ทั้งมีจิตศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยอย่างมั่นคงนั่นเอง
ส่วนอุบาสกผู้ทุ่มเททำบุญอย่างเต็มที่ตลอดชีวิต ทั้งทาน ศีล ภาวนา ใจจดจ่ออยู่ในบุญตลอดเวลา อกุศลแทบจะไม่ได้ช่องกันเลยทีเดียว เมื่อละสังขารแล้ว ก็ได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นยามา เสวยทิพยสมบัติใหญ่ มีรัศมีรุ่งเรือง แวดล้อมไปด้วยเทพบริวาร สถิตอยู่ ณ ปราสาทพิมาน อันอลังการวิจิตรตระการตายิ่งนัก
นี่ก็เป็นตัวอย่างของผู้ที่ทำบุญแล้ว ได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นยามา บุพกรรมของผู้ที่จะมาอุบัติเป็นเทพในสวรรค์ชั้นยามานี้ โดยมากเมื่อเป็นมนุษย์ จะเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ พยายามบำเพ็ญทานรักษาศีลเป็นนิตย์ มีจิตขวนขวายในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าแสดง ไม่ใช่แกล้งทำความดี แต่ทำด้วยใจจริง ใจจดใจจ่อ และทำอย่างต่อเนื่อง คิดแต่เรื่องที่จะเพิ่มเติมบุญกุศลให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ถอยหลังไปทำบาปอกุศล ครั้นแตกกายทำลายขันธ์ ก็จะได้ไปอุบัติเป็นทวยเทพในสวรรค์ชั้นยามานี้
นอกจากนี้ ในพระสูตรสังคีติได้กล่าวเอาไว้ว่า “บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมถวายข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน ดอกไม้ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่นั่ง ที่พัก ที่อาศัย และสิ่งที่เป็นอุปกรณ์แก่ประทีป ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ เขามุ่งหวังสิ่งที่ตนถวายไป โดยได้ยินมาว่า พวกเทพชั้นยามาเป็นเทพที่มีอายุยืน มีวรรณะผ่องใสงดงาม มากไปด้วยความสุข จึงอธิษฐานจิตมั่นว่า โอหนอ เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งทวยเทพชั้นยามาสวรรค์เถิด“ ด้วยบุญที่ทำเอาไว้ ประกอบกับแรงอธิษฐานจิตมั่น ก็สามารถไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นนี้ได้เหมือนกัน แต่พวกเรานักสร้างบารมีผู้มีเป้าหมายที่สุดแห่งธรรม ต้องทุ่มเทสร้างบารมีกันให้เต็มที่ชนิดสุดฤทธิ์สุดเดชกันเลยทีเดียว บารมีข้อไหนยังพร่อง ก็ต้องรีบขวนขวายเติมให้เต็ม โดยเฉพาะต้องเป็นผู้ที่รักในการเจริญสมาธิภาวนาเป็นชีวิตจิตใจ กระทั่งได้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน ดังนั้นให้หมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัวให้ได้กันทุกคน
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
* ภูมิวิลาสินี (พระพรหมโมลี)
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย