26 ก.ค. 2020 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
ยอดหญิงผู้ทรนง! ‘กรอเนีย นี มอลเลีย’ (Gráinne Ní Mháille) ตำนานราชินีโจรสลัดผู้โด่งดังแห่งศตวรรษที่ 16
WIKIPEDIA CC SUZANNE MISCHYSHYN
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 16 อังกฤษได้เริ่มเข้ายึดครองดินแดนของไอร์แลนด์ ส่งผลให้ชาวไอริชส่วนใหญ่ไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว โดยเฉพาะ ‘ราชินี’ พระองค์หนึ่ง ที่ตั้งตนเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ยอมผันตัวเองไปเป็นโจรสลัดเพื่อออกปล้นเรือที่กองทัพอังกฤษส่งมายึดครองไอร์แลนด์ และนี่คือเรื่องราวของราชินีผู้กล้าหาญพระองค์นี้
‘กรอเนีย นี มอลเลีย’ (Gráinne Ní Mháille) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1530 ที่ดินแดน Umaill ในแคว้นคอนนัชต์ (Connacht) ทางตะวันตกของประเทศไอร์แลนด์ บิดาชื่อ ‘Eoghan Dubhdara Ó Máille’ มารดาชื่อ ‘Margaret Ní Mháille’ ครอบครัวมีอาชีพค้าขายและขนส่งสินค้าทางทะเล เป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดตระกูลหนึ่งในไอร์แลนด์ มีคำขวัญประจำตระกูลคือ ‘ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ทั้งบนผืนดินและในมหาสมุทร’
ชีวิตในวัยเด็กของกรอเนีย เธอเป็นคนใฝ่รู้เป็นอย่างมาก จนสามารถพูดได้หลายภาษา ทั้งภาษาฝรั่งเศส สเปน กรีก และละติน ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังชอบติดตามบิดาที่ออกเรือไปค้าขายอยู่เป็นประจำ มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งบิดาของเธอไม่ยอมให้เธอออกเรือไปด้วย เพราะผมเธอยาวเกินไป ผมของเธออาจจะพันกับเชือกหรือเสากระโดงเรือจนเกิดอันตรายได้ ด้วยความที่เธอชอบล่องเรือเป็นอย่างมาก เธอเลยตัดสินใจตัดผมเจ้าปัญหานั้นทิ้งซะ เพื่อที่บิดาจะอนุญาตให้เธอล่องเรือไปด้วย
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1546 กรอเนียในวัย 16 ปี ได้แต่งงานกับ 'Donal an Chogaidh' จากตระกูล 'O Flaithbheartaigh' ตระกูลผู้ทรงอิทธิพลของไอร์แลนด์ เธอย้ายไปอาศัยที่ปราสาทบูโนเวน (Bunowen Castle) ของสามี และมีลูกด้วยกัน 3 คน คือ โอเวน, มาร์กาเร็ต และ เมอร์โรก ต่อมาในปี ค.ศ. 1565 สามีของเธอถูกตระกูลคู่อริฆ่าตาย เธอเลยพาลูกๆ ย้ายกลับไปอาศัยที่เกาะแคลร์ (Clare Island) ซึ่งเป็นเกาะของครอบครัวเธอ เพื่อดูแลกิจการของครอบครัว
WIKIPEDIA CC SUZANNE MISCHYSHYN
ต่อมาในปี ค.ศ. 1566 กรอเนียได้แต่งงานครั้งที่ 2 กับ ‘ลอร์ดบูร์ก’ (Bourke) แห่งแคว้นมาโย (Mayo) ผู้เป็นเจ้าของปราสาทร็อคฟลีต (Rockfleet Castle) และมีลูกด้วยกัน 1 คน นามว่า ‘ทิบบอต’ (Tibbot) แต่ทั้งคู่ได้หย่าร้างกันในอีกหนึ่งปีต่อมา โดยลอร์ดบูร์กได้มอบปราสาทร็อคฟลีตให้กับกรอเนีย
ต่อมาในปี ค.ศ. 1574 กองทัพอังกฤษส่งทหารมาโจมตีปราสาทร็อคฟลีต จนสามารถยึดครองปราสาทร็อคฟลีตได้ กรอเนียพาลูกๆ หนีไปอาศัยอยู่ที่เกาะแคลร์ดังเดิม ทว่าในปี ค.ศ. 1579 เกาะแคลร์ก็ถูกกองทัพอังกฤษบุกจู่โจม กรอเนียและลูกๆ จึงต้องหนีเพื่อเอาชีวิตรอดอีกครั้ง แต่ทิบบอตและเมอร์โรก ลูกชายของกรอเนียถูกกองทัพอังกฤษจับตัวเอาไว้ได้ กรอเนียจึงตัดสินใจออกเรือ พร้อมด้วยลูกเรืออีกว่า 100 ชีวิต พร้อมตั้งตนเป็นกบฏต่อควีนเอลิซาเบธที่ 1 ซึ่งปกครองอังกฤษในขณะนั้น ล่องเรือไปตามแม่น้ำเทมส์ เพื่อขอเจรจากับควีนเอลิซาเบธที่ 1 ให้ปล่อยตัวลูกชายของเธอ
ในระหว่างล่องเรือเพื่อไปขอเจรจากับควีนของอังกฤษ กรอเนียได้บุกปล้นเรือที่กองทัพอังกฤษส่งมาเพื่อยึดครองไอร์แลนด์ระหว่างทางไปด้วย เธอสามารถทำลายเรืออังกฤษลงได้จำนวนมาก จนทางอังกฤษตั้งข้อหากบฏคนสำคัญที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด
WIKIPEDIA PD
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 16 กรอเนียก็ได้พบกับควีนเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ กรอเนียไม่ยอมถวายบังคมให้กับควีนเอลิซาเบทที่ 1 เพราะถือว่าพระองค์ไม่ใช่ราชีนีของไอร์แลนด์ และเมื่อทั้งคู่ได้เจรจากันแล้ว กรอเนียยอมที่จะยุติการปล้นสะดมเรืออังกฤษและยอมสวามิภักษ์กับอังกฤษเพื่อแลกกับการได้ปราสาท ที่ดินของครอบครัว และลูกชายกลับคืนมา
‘กรอเนีย นี มอลเลีย’ สิ้นพระชนม์เมื่อปี ค.ศ. 1603 ที่ปราสาทร็อคฟลีต ด้วยวัย 70 ปี ผู้คนต่างขนานนามให้เธอเป็น ‘ราชินีแห่งโจรสลัด’ และ ‘ราชินีแห่งทะเลคอนนัชต์’ ที่โด่งดังแห่งศตวรรษที่ 16
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา