24 ก.ค. 2020 เวลา 11:52 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
แบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็น นักแสดงสายกิ้งก่า?
มีศัพท์ภาษาอังกฤษคำหนึ่ง คือคำว่า Chameleon Actors ซึ่ง Chameleon แปลว่ากิ้งก่าที่สามารถเปลี่ยนสีได้ คำนี้จึงใช้เรียกเหล่านักแสดงที่สามารถสวมบทบาทได้หลากหลาย ไม่เพียงแค่นั้น ตัวตนจริงๆของนักแสดงจะต้องเลือนหายไปจากจอ เหลือเพียงบุคลิก น้ำเสียง และการเคลื่อนไหวร่างกายของตัวละครที่นักเขียนบทได้ลงรายละเอียดไว้เท่านั้น เสมือนว่าพวกเขากำลังเป็น “ร่างทรง” ให้กับตัวละครนั้นๆ
แล้วใครบ้างที่เข้าข่ายนักแสดงกิ้งก่า ผมนึกถึงดาราสองคนที่พวกเราน่าจะคุ้นเคยกันดี อย่าง Daniel Day-Lewis และ Joaquin Phoenix ทุกครั้งที่พวกเขาปรากฏตัวบนจอ ผู้ชมจะถูกตรึงไว้กับเก้าอี้ด้วยพลังงานบางอย่าง(ไม่เกี่ยวกับเจน ญาณทิพย์นะ -*-) ผมเคยดูคลิปเบื้องหลังการถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่อง There Will Be Blood ที่ส่งให้ Daniel Day-Lewis ชนะรางวัลออสการ์สาขาดารานำชายยอดเยี่ยม
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ ก่อนจะเข้าฉาก แดเนียลช่างดูเป็นคนสบายๆเหลือเกิน พูดคุยหยอกล้อกับทีมงาน หันไปหยอดมุกใส่ผู้กำกับบ้าง เล่นกับเด็กที่ต้องเข้าฉากด้วยกันบ้าง แต่พอสัญญาณจากทีมงานดังขึ้น เซ็ตพร้อม! 5 4 3 2 1.. แอ็คชั่น! จากคนอัธยาศัยดีที่เราพึ่งเห็น เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา เขาได้กลายเป็นชายอีกคนหนึ่ง ที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาจนเรารู้สึกได้ น้ำเสียงถูกกดต่ำลง จังหว่ะการกระพริบตาช้าลงอย่างผิดวิสัย เขาได้กลายเป็น Daniel Plainview พ่อค้าน้ำมันหน้าเลือดอย่างเต็มตัว เล่นเอาผมขนลุกซู่เลยทีเดียว.. นี่หรือนักแสดงที่ถูกขนานนามว่า “เก่งที่สุดที่เคยมีมา”
ในทางกลับกัน ก็มีดาราที่ผมขอเรียกว่า “เล่นเป็นตัวเอง ในหนังทุกเรื่อง” อย่าง George Clooney หรือ Tom Cruise โดยที่การแสดงของพวกเขา จะมีลายเซ็นกำกับไว้เสมอ เรามองออกทันทีว่า นี่คือการแสดงแบบ ทอม ครูซ เพราะพี่แกเล่นเหมือนเดิมแทบทุกเรื่อง ซึ่งขอออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ใช่มันไม่ดีนะครับ สเน่ห์ของพวกเขาเพียงอย่างเดียว ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับการซื้อตั๋วเข้าไปดูแล้ว แต่ต้องยอมรับว่า มันมีการแสดงที่ “เหนือกว่า” ให้เราได้เห็นอยู่ถมไป คำถามถัดมาก็คือ ทำยังไงถึงจะสวมบทเป็นคนอื่นได้100% แบบสายกิ้งก่า ขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Method Acting
ความหมายของ Method Acting คือวิธีคิดที่ว่า “เราไม่ได้กำลังแสดงเป็นสายลับ เราคือสายลับจริงๆ” มันเป็นการทำให้ตนเองเชื่ออย่างหมดใจว่า เรา “คือ” ตัวละครนั้น วิธีคิดแบบนี้ทำให้เราได้เห็น Christian Bale ลดน้ำหนักจนเหลือแต่กระดูกใน The Machinist หรือการขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเดือน พร้อมทั้งจดบันทึกความคิดแสนเลวร้ายลงไปในไดอารี่ทุกวันของ Heath Ledger ใน The Dark Knight การเตรียมตัวที่ดูสุดโต่งนี้ เป็นหนึ่งในขั้นตอนการ “แปลงร่าง” ของเหล่ากิ้งก่า
ทุกคนคงพอจินตนาการได้ว่า มันส่งผลเสียต่อร่างกายของนักแสดงขนาดไหน แต่พอเราได้เห็นผลลัพธ์จากการอุทิศตนอย่างบ้าคลั่งนี้ ผมกลับมองว่ามันคุ้มค่ามากครับ ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า การเสียสละเป็นเรื่องจำเป็นถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จ ซึ่งในกรณีนี้ พวกเขาเสียสละ สุขภาพกาย สุขภาพจิต หรือแม้กระทั่งสูญเสียความเป็นตัวเองจนไม่สามารถกลับไปเป็นคนเดิมได้อีกต่อไป เพื่อแลกกับอะไรนะหรอครับ?
การเป็นที่จดจำไปตลอดกาล หรือที่ผมชอบนิยามว่า “ความเป็นอมตะ” ไงหล่ะครับ
แล้วคุณหล่ะ คิดว่า มันคุ้มไหม?
ช่องยูทูปของผมครับ :)
โฆษณา