25 ก.ค. 2020 เวลา 16:04 • ท่องเที่ยว
MIE : part 2
ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากเที่ยวศาลเจ้าอิเสะ(เราใช้เวลาเดินจนทั่วอยู่2ชม.เลย) เที่ยงพอดี ไปหาของอร่อยกินกัน!
จาก Naikū ศาลเจ้าที่เราไปกันพาร์ทที่แล้ว เดินมาไม่ไกลก็เจอย่านร้านค้าเก่าชื่อว่า "Okage Yokocho Ancient Street" จะมีร้านค้าร้านอาหารเรียงรายเป็นทางยาว เดินเพลินมากๆ ช้อปปิ้งกันเพลินอย่าลืมคำนวณพื้นที่กระเป๋าด้วยนะคะ(จากใจคนเที่ยวตัวเบาแต่กระเป๋าขากลับไม่เบา ><)
บรรยากาศประมาณนี้ ไม่ไปยังไงไหว//เห็นร้านขวามือนั่นไหม เดี๋ยวเราจะไปแวะฝากท้องกัน
เราตั้งใจว่าจะต้องกิน Ise Udon ของขึ้นชื่อเมืองอิเสะให้ได้ แต่เลือกร้านไม่ถูก เดินดูไปเรื่อยๆ สุ่มมาร้านนึงชื่อว่า "Ise Udon Okunoya" มีคนรอคิวอยู่พอประมาณ เขาตั้งสมุดลงชื่อไว้หน้าร้าน ให้เราเขียนชื่อกับจำนวนคนลงไปแล้วพนักงานจะเรียกชื่อ ไอ้เราก็เขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ พนักงานก็เรียกแบบงงๆ เข้าใจกันได้ยังไงไม่รู้ ใจล้วนๆ 🤣
เข้ามาในร้าน โอ้โห! คนเต็มเลย แล้วน้องโต๊ะของเรามันเป็นโต๊ะ4ที่นั่ง แต่เรานั่งคนเดียว รู้สึกเกรงใจคิวข้างนอกมากๆ อยากจะบอกว่ามานั่งด้วยกันก็ได้นะ 55555
พนักงานเอาเมนูมาให้ ใจคือตั้งใจมากิน Ise Udon ใช่มะ แต่เหลือบไปเห็นซูชิเนื้อมัตสึซากะ คุณ! นอกจากเนื้อโกเบแล้ว มัตสึซากะนี่ขึ้นชื่อไม่แพ้กัน ไม่ลองยังไงไหว กระเพาะมันเรียกหา อะ จัดเซ็ตไปซิ!
เล่มเมนูดูดี มโนไปว่าอาหารต้องอร่อยแน่ๆ//และนี่คือเซ็ตที่เราสั่ง Ise Udon+Matsusaka Beef Sushi! ตรงปกไม่จกตา
อร่อยเลยแหละ ตัวอุด้งซุปจะรสชาติเบาๆ เส้นเหนียวนุ่มหนึบหนับกำลังดี ซูชิเนื้อละลายในปาก บีบมะนาวนิดๆเสริมรสดีมาก ที่สำคัญมื้อนี้ไม่แพงด้วย เซ็ตนี้ถ้าจำไม่ผิดประมาณ พันกว่าเยน น้ำเปล่าฟรีตามสไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่น ถ้ามีโอกาสลองไปชิมกันดูนะ แต่เราว่าคงอร่อยทุกร้านแหละ 5555
อีกอย่างที่ไปแล้วห้ามพลาดคือไซเดอร์รสเกลือ! ใช่แล้วรสเกลือ มันคือน้ำอัดลมฟีลแบบสไปรท์ใส่เกลือ อร่อยมากๆเราชอบมาก มันสดชื่นนนน ดับกระหายคลายร้อน(เราไปช่วงหน้าร้อน มันร้อนจริงๆ) หาซื้อได้ที่ร้าน Ebiya Shouten เป็นร้านขายของฝาก มีตั้งแต่จานชาม ขนม น้ำเต็มไปหมด
ไซเดอร์เกลือ ของร้าน Ebiya Shouten โลโก้ร้านจะเป็นเจ้ากุ้งน้อยสีส้มๆแดงๆ ร้านน่ารักมาก ระวังช้อปหมดตัว
อิ่มท้องแล้วก็เดินเล่นต่อ เดินเพลินมากๆไม่รู้สึกเหนื่อยเลย จนไปเจอร้านชาเขียว เดินผ่านไปเฉยๆไม่ได้จริงๆ ต้องแวะเพราะหอมกลิ่นชาคั่วมากๆ เขามีชาให้ชิมฟรีด้วย ชิมไปชิมมาซื้อมัทฉะ+soft serve มากินซะเลย เข้มข้นหวานน้อยถูกใจ
คนญี่ปุ่นพาน้อนมาเดินเล่น น่าร๊ากกกก//เจ้าแมวกวักนี้เป็นแลนด์มาร์ก คนต่อแถวถ่ายรูปกัน//ฝาท่อที่ญี่ปุ่นจะมีลายเป็นเอกลักษณ์ แต่ละเมืองแตกต่างกัน ถ้าไปเที่ยวก็ลองก้มๆหาดูนะคะ สวยดี
ยังมีอีกแลนด์มาร์กของอิเสะที่เราอยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง นั่นก็คือ "Meoto Iwa" หรือหินแต่งงาน หลายคนอาจจะเคยเห็นหิน2ก้อนท่ามกลางผืนน้ำ มีเชือกคล้อง ฉากหลังเป็นท้องฟ้า.. นั่นแหละค่ะ จริงๆที่ญี่ปุ่นมีหินแต่งงานแบบนี้หลายที่เลย แต่ที่นี่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เลยอยากไปเห็นของจริง แล้วก็ไปจริงๆ ไป ไป ไป!
การเดินทางก็ไม่ยาก ขึ้นรสบัสหน้า Naikū ประมาณครึ่งชม.ถึง คันที่เรานั่งมีชื่อว่า "CAN Bus" จะวิ่งบริเวณ Ise-Futami-Toba ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่เลย
ลงป้าย Meotoiwa higashi-guchi ชื่อยาวหน่อย จำแค่ Meotoiwaพอ 🤣 ไม่ต้องห่วงว่าจะลงไม่ถูก เจ้าCAN Busเขามีจอบอกสถานีเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้า
ถึงแล้วก็เดินต่อไปอีกหน่อย ต้องเดินทะลุ shopping plazaไป ใครใจไม่แข็งก็จะวนอยู่ในนั้นนานหน่อย กว่าจะออกไปเจอหิน 55555 ตรงนั้นมี Aquarium ด้วยแหละ แต่เราไม่ได้เข้าเพราะเวลาไม่พอ แล้วก็เราไปตอนเย็นแสงเริ่มหมดแล้ว ถ้าใครไปตอนเช้าช่วงพระอาทิตย์ขึ้นน่าจะสวยมากๆเลย
ที่เรียกว่าหินแต่งงานเพราะว่าหินก้อนใหญ่หมายถึงผู้ชาย ก้อนเล็กหมายถึงผู้หญิง เชือกคล้องเป็นสัญลักษณ์ของการครองคู่ นอกจากนี้ ที่นี่มีหินหรือรูปปั้นกบอยู่หลายตัว ซึ่งคำว่ากบในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า kaeru พ้องกันกับคำว่ากลับมา คนจึงมานิยมขอให้สิ่งของ(หรือคน)ที่หายไปกลับคืนมา
บรรยากาศริมทะเล เงียบสงบ แนะนำให้ไปช่วงเช้าแสงจะสวยมากค่ะ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน
ปกติจะมีพิธีเปลี่ยนเชือกปีละ3ครั้ง 5พ.ค. 5ก.ย. แล้วก็ต้นเดือนธ.ค.
ตรง shopping plaza มีเชือกเก่าตั้งโชว์ไว้ด้วย แต่ป้ายเป็นภาษาญี่ปุ่น 🥴
มีจุดถ่ายรูปคู่รักด้วย แต่เราไปคนเดียว เหงาเลย//แอบแวะไปคีบตุ๊กตาก่อนกลับได้น้อนมาตัวนึง เย่
จริงๆจังหวัดมิเอะที่เที่ยวเยอะมาก แค่ในเมืองอิเสะวันเดียวก็เที่ยวไม่หมดแล้ว ถ้ามีเวลาแนะนำให้มาค้างสักคืน จะได้เที่ยวทั่วๆโดยไม่ต้องรีบร้อนแบบเรา ขากลับนั่งรถไฟหมดแรงเลย 😅
เพราะมิเอะเป็นno.1ของเรา เลยเลือกมาเป็น blog แรก อยากเล่าแบบแพชชั่น 5555 ทริปหน้าจะพาไปไหนรอติดตามน้าาา~
โฆษณา