Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Near us
•
ติดตาม
25 ก.ค. 2020 เวลา 08:43 • ธุรกิจ
Xerox บริษัทที่ประสบความสำเร็จในตอนแรกกลับกลายเป็นวิกฤติในตอนหลัง
รู้หรือไม่ว่า บริษัทที่ผลิตเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องแรกของโลกคือบริษัทที่ชื่อว่า ฮาลอยด์ ก่อนจะมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ซีรอกซ์ในภายหลัง
และบริษัทซีรอกซ์ได้คว้าโอกาสในการเป็นเจ้าแรกในตลาดเครื่องถ่ายเอกสารนี้ได้นำออกมาขายจนกลายเป็นบริษัทชั้นนำด้านเครื่องถ่ายเอกสารของโลกในปี1959-1976 แต่พอมาถึงช่วงปี1990 บริษัทก็ต้องเสียตำแหน่งในการตลาดเครื่องถ่ายเอกสารอย่างไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก....
อะไรคือสาเหตุให้บริษัทเกิดวิกฤติขึ้น Near us จะอธิบายให้ฟังครับ
ผู้ที่คิดค้นเครื่องถ่ายเอกสารที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้มีชื่อว่า เชสเตอร์ คาร์ลสัน (Chester Carlson) โดยพ่อกับแม่ของเขาเป็นคนยากจนจึงพาเขาระหกระเหินไปทั่วอเมริกาเพื่อรับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ ประทังชีวิต คาร์ลสันต้องช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่อายุ 8 ขวบ พอเรียนมัธยมปลายก็กลายเป็นเสาหลักที่หาเงินจุนเจือครอบครัว
Chester Carlson
Carlson สำเร็จการศึกษาสาขาฟิสิกส์จากแคลเทคในปี 1930 และมีความเชื่อว่าเครื่องถ่ายเอกสารแบบใหม่ที่เขาคิดไว้ เพื่อทดแทนเครื่องโรเนียวแบบเก่านั้น น่าจะเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างแน่นอน จนในที่สุดเขาได้รับสิทธิบัตรเครื่องถ่ายเครื่องทำสำเนาภาพ (electrophotography) ในปี 1940 จากนั้นก็พยายามตระเวนขายสิ่งประดิษฐ์นี้โดยเขาถูกปฏิเสธโดยบริษัทกว่า 20 แห่ง ซึ่งรวมถึง IBM GE ๆลๆ ซึ่งเป็นการปฏิเสธแบบ"ไม่แยแสแลมองเลยซักนิดเดียว" โดยให้เหตุผลว่า"กระดาษคาร์บอนก็ใช้ได้ดีอยู่แล้วนี่"
แต่ในปี 1946 Carlson ก็ได้พบกับจุดพลิกผันของชีวิต เพราะเขาได้พบกับโจ วิลสัน (Joe Wilson) เจ้าของบริษัท ฮาลอยด์ คอมพานี ซึ่งสนใจสิ่งประดิษฐ์ของเขามากเนื่องจาก Wilson เป็นคนที่มีวิศัยทัศน์ไกล และทั้งสองก็รู้ด้วยสัญชาตญาณและสามัญสำนึกว่า สิ่งประดิษฐ์ของคาร์ลสันคือโอกาสสำคัญของทั้งคู่ พวกเขาจึงกล้าเสี่ยงครั้งใหญ่และร่วมกันล้มลุกคลุกคลาน พัฒนาเครื่องถ่ายเอกสารต้นแบบเป็นเวลากว่า 12 ปี และเปลี่ยนชื่อบริษัทให้ติดหูมากขึ้นว่า “Xerox”ในปี 1958
Joe Wilson
หลังจากที่ทั้งสองได้ส่วนมือกันปั้นบริษัท Xerox ขึ้นมา บริษัทก็ได้เปิดตัวเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องแรกของโลกในปี 1958 โดยมีชื่อว่า Xerox 914 ทำให้กระดาษคาร์บอนที่ IBMและGE กลายเป็นวัตถุโบราณทันที และทำให้คำว่า"เครื่องซีรอกซ์" กับ"ถ่ายซีรอกซ์" ถือกำเหนิดขึ้นครั้งแรกในโลกก็เพราะ 2 คู่หูอย่าง Joe Wilson และ Chester Carlson นี่แหละครับ
Xerox 914
Xerox 914 ได้ทำยอดขายไปได้กว่า 200,000 เครื่องระหว่างปี 1959-1976(บริษัทXeroxเลิกผลิตXerox 914ในปี 1976) และในช่วงระยะเวลานี้เองที่ทำให้บริษัท Xerox มียอดขายทะลุ 1000ล้าน$(31,000ล้านบาทในปี 1959-1976นะครับ ถ้าเทียบกับปัจุบันก็เป็นแสนล้านบาทเลยทีเดียว)
ย้อนกลับไปช่วงปี 1970 นะครับ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Xerox ได้ตั้งศูนย์วิจจัย Palo Alto และทีมวิจจัยก็เริ่มคิดค้น"คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล"ขึ้นมาในปี1973 ที่ชื่อว่า XEROX Alto และในปี 1981 ที่ชื่อ XEROX Star ขึ้น
XEROX Alto(ซ้าย) XEROX Star(ขวา)
ซึ่งในช่วงปี 1959-1981 เป็นช่วงที่ Xerox นับว่าเป็นบริษัทที่มีโอกาสรุ่งสูงมาก เพราะบริษัทได้ก้าวล้ำหน้าคู่แข่งไปอย่างน้อย 5 ปี และแถมมีวิศวกรเจ๋งๆมากมาย แต่ผู้บริหารกลับไม่กล้าที่จะเสี่ยงที่จะพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและยังยึดติดกับสิ่งเดิมๆอย่างเครื่องถ่ายเอกสาร ซึ่งวิศวกรใน Palo Alto ที่ย้ายไปทำงานกับ Apple และ Microsoft ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "พวกเขาไม่ได้รับความสนใจจากผู้บริหารเลย"
ลองมาเปรียบเทียบคู่แข่งอย่าง Apple ในช่วงปีไล่เลี่ยกันดูครับ
XEROX Alto(1973) ของบริษัท Xerox Vs Apple 1(1976) ของบริษัท Apple
XEROX Star(1981) ของบริษัท Xerox Vs Apple 2(1977) ชองบริษัท Apple
โดยในปี 1980 ราคาต่อหุ้นของ Xerox อยู่ที่ 25.03$ ส่วนราคาต่อหุ้นของ Apple อยู่ที่0.51$ นั่นหมายความว่า บริษัท Xerox มีความพร้อมทั้งเงิน ทรัพยากรมนุษย์ที่มากกว่าหลายเท่า แต่ด้วยความที่ Xerox เลือกที่จะเลิกเสี่ยงแล้ว จึงทำให้เหมือนนักวิ่งที่หยุดอยู่กับที่แล้วนักวิ่งคนอื่นแซงหน้าไปอย่างหน้าตาเฉย...
แต่ในช่วงปี 1990 Xerox ได้สูญเสียตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องถ่ายเอกสาร ตามมาด้วยการขาดทุนและการประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ ต่อมาในปี 2002 บริษัทถูกก.ล.ต.ของสหรัฐตั้งข้อหาตกแต่งตัวเลขทางบัญชรแลข้อหาปั่นหุ้น แต่ในภายหลังก็ได้เปลี่ยนบอร์ดบริหารใหม่ทำให้บริษัทก็ยังค่อยๆฟื้นตัวจนมาถึงปัจจุบัน
ช่วงปี1999
ช่วงปี 2002
และในปี 2020 (24ก.ค.63)ราคาต่อหุ้นของ Xerox อยู่ที่ 15.65$ ส่วน Apple ราคาต่อหุ้นอยู่ที่ 370.46$
และนี่ก็คือ ผลของการที่ Xerox ใช้กลยุทธที่ทำให้ตัวเองต้องประสบกับปัญหาและการทิ้งโอกาสอย่างน่าเสียดายในการจะเป็นผู้นำในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล กลยุทธนั้นก็คือ "เลิกเสี่ยง" นั่นเองครับ
ข้อคิดที่ได้จากบทความนี้
1.ความเสี่ยงที่มีโอกาสได้กลับมามากที่สุดคือสิ่งที่"น่าเสี่ยงที่สุด"เสมอครับ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณ"เลิกเสี่ยง"คุณก็เหมือนกับต่อลมหายใจให้กับธุรกิจเพียงไม่กี่ปีจนมีคนมา Disrupt คุณ
2.สิ่งที่แปลกใหม่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักไม่เข้าใจในตอนแรกเสมอ อย่างในกรณีของ Chester Carlson ที่คิดค้นเครื่องถ่ายเอกสารออกมาแล้วไม่มีใครเข้าใจเลยแม้กระทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM กับ GE ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีประโยชน์อย่างไร นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า "คนหรือบริษัทที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้มีวิศัยทัศน์ไปซะทุกเรื่อง" เพราะฉะนั้น จงพยายามต่อไปครับ แล้วโชคจะเริ่มเข้าข้างคุณ เหมือนกับที่ Carlson พบเจอกับ Wilson
Donald R.Keough อดีตCEOของCoca-Cola และคณะกรรมการบริษัทของเยิร์กเชียร์ แฮททาเวย์ของบัฟเฟต ได้กล่าวเอาไว้ว่า "สิ่งที่ยากพอๆกันหรือยากยิ่งกว่าคือ การเสี่ยงทั้งที่ชีวิตประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นการเสี่ยงเมื่อมีหลักฐานแน่ชัดว่าไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยง"
Donald R.Keough
Reference
1.
https://www.silpa-mag.com/history/article_19425
2.
https://news.siamphone.com/news-15213.html#:~:text=%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%201%20%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99,%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81
3.
https://www.div24hr.com/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81-xerox-alto-xerox-star/
4. 10 กลยุทธจุดธุรกิจให้ล่มจม Donald R.Keough
5 บันทึก
9
1
5
9
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย