25 ก.ค. 2020 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
GOLD UPDATE : เบื้องหลังการพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1900 $/Oz ของราคาทองคำอาจหมายถึงการที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่
ตอนนี้มันง่ายที่จะลืม แต่มี ณ ขณะหนึ่งในช่วงเริ่มแรกของการระบาดที่ราคาทองคำได้ร่วงลงมาอย่างรุนแรง
เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะขณะที่ไวรัสได้ก่อให้เกิดการล่มสลายทางเศรษฐกิจ มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าช่วงเวลานั้นอาจกลายเป็น 1 ในการล่อลวงทางราคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินโลก
1
สำหรับการระบาดของ COVID-19 ในปี 2020 นี้ ในไม่ช้าก็จะแสดงให้เห็นว่ามันคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดแรงผลักดัน ซึ่งอยู่เบื้องหลังการชุมนมของนักลงทุนที่หนาแน่นที่สุดในตลาดทองคำเท่าที่เคยเกิดขึ้นมาในประวัติศาสตร์
ราคาซื้อขายทองคำในตลาด New York เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดตลาดลงที่ระดับ 1,902.02 $/Oz ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 30% จากการร่วงลงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลในปี 2011 เพียง 1% เท่านั้น
Comment : ส่วนข้อควรระวังก็ยังมีอย่างที่ได้เน้นย้ำไปนะครับ ช่วงก่อนสิ้นเดือนราคาพุ่งขึ้นมาแรงแบบนี้ แต่อย่าลืมว่าสัญญา Futures อีกมหาศาลกำลังค้างอยู่และรอปิดในวันที่ 29 กรกฏาคมนี้
ต้องรอดูต่อไปครับว่าความเสี่ยงที่ราคาทองคำจะถูกเขย่าให้ร่วงลงอย่างรุนแรงอีกครั้งก่อนจะพุ่งขึ้นไปเหนือระดับ 2,000 $/Oz จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ซึ่ง Wolrd Maker มองว่ามีโอกาสราว ๆ 75% ที่ราคาจะไปถึงระดับนั้นภายในสิ้นปีนี้ครับ (แต่ย้ำว่าช่วงสิ้นเดือนนี้และหลังจากนั้นไปอีกเล็กน้อยยังไปมีความเสี่ยงอยู่นะครับ)
จำเอาไว้เสมอว่าแม้แต่ทองคำเองก็ยังมีช่วงเวลาที่ราคาร่วงลงอย่างรุนแรงได้
การระบาดของ COVID-19 ได้ปลดปล่อยความปั่นป่วนเข้าสู่ตลาด และทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างก็มีมุมมองไปในทิศทางเดียวกัน และเข้ามาเติมเต็ม Demand อย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากคุณสมบัติในการป้องกันความเสี่ยงจากความโกลาหลที่ทองคำมอบให้
ตอนนี้ผู้คนทั่วโลกมีความกังวลว่ารัฐบาลจะกลับมาใช้มาตรการ Lockdowns และการตัดสินใจทางการเมืองที่จะเพิ่มงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อจากการที่ธนาคารกลางพิมพ์เงินเป็นจำนวนมหาศาลและรวดเร็วที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
อนึ่ง เรื่องของอัตราผลตอบที่แท้จริงของพันธบัตรรัฐบาล (Negative-Real Treasury Yield) ที่ได้เข้าสู่ระดับติดลบ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว และความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ-จีน ก็ล้วนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ราคาทองคำพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อรวมปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้เข้าด้วยกัน ก็ได้ทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะ Stagflation ซึ่งหมายถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ประเภทหนึ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก เนื่องจากมี 2 เงื่อนไขหลัก ๆ ที่จะนิยมเศรษฐกิจให้อยู่ในภาวะนี้ได้คือ
1. อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกกำลังเป็นไปด้วยความล่าช้า หรือกำลังหดตัวลง
2. อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้น หรือกำลังเพิ่มขึ้นสูง
ซึ่งภาวะ Stagflation นี้จะส่งผลลบต่อมูลค่าของการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว
สหรัฐฯ อเมริกา ที่ซึ่งไวรัสกำลังระบาดอย่างหนักและทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ได้ส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง
ความคาดหวังของนักลงทุนสำหรับอัตราเงินเฟ้อรายปีตลอดช่วงทศวรรษหน้า ซึ่งวัดจากดัชนีในตลาดตราสารหนี้ที่เรียกว่า Breakevens (จุดคุ้มทุน) ได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา หลังจากการทรุดตัวลงในเดือนมีนาคม 2020
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจุด Breakevens ได้ขยับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 1.5% แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาด และต่ำกว่าเป้าหมายของ FED ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2% และอัตราดังกล่าวยังสูงกว่าอัตราผลตอบแทน 0.59% ของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่เกือบ 1% เต็ม
Edward Moya นักวิเคราะห์ตลาดระดับอาวุโสของ Oanda Corp กล่าวว่า
"ปัจจัยขับเคลื่อนหลักภายในตลาดทองคำสำหรับการชุมนุมครั้งล่าสุดนี้ก็คือการที่อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลได้ลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ระดับติดลบ (Negative-Real Treasury Yield) และยังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ที่จะเกิดการกลับตัวขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้เลย"
"ทองคำยังคงแสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะ Stagflation ซึ่งได้กลายมาเป็นแนวโน้มหลักของตลาด และมีแนวโน้มว่า FED จะปรับใช้มาตรการความช่วยเหลือเพิ่มเติม"
การทรุดตัวลงของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้แก่ทองคำ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่น่าดึงดูดใจ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่ตัดผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ (TIPS) ลดลงต่ำกว่า 0% ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์อื่นที่จะไม่สูญเสียมูลค่าในตัวมันเองเมื่อเวลาผ่านไป
ความบ้าคลั่งในตลาดทองคำ ณ ขณะนี้ ได้ไหลลงสู่ถนนสายหลักแล้ว โดยนักลงทุนรายย่อยได้ช่วยหนุนการถือครองทองคำของ ETF ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 18 สัปดาห์ติดต่อกันแล้ว นับเป็นการสะสมทองคำที่ยาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 2006
ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ต่อติดกันแล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนไม่ได้คาดการณ์ถึงความเสี่ยงที่การเพิ่มขึ้นของราคาจะหยุดชะงักในเร็ว ๆ นี้
Mark Mobiu ผู้ร่วมก่อตั้ง Mobius Capital Partners กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ผ่านทางทีวีว่า
"เมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0% หรืออยู่ใกล้ 0% ทองคำจะกลายเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจในระดับหนึ่ง เนื่องจากคุณจะไม่ต้องกังวลเรื่องดอกเบี้ยจากการถือครองทองคำ ส่วนตัวผมเองจะซื้อมันในตอนนี้ และจะซื้อมันต่อไปเรื่อย ๆ"
นักวิเคราะห์บางกลุ่มถึงกับคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งทะยานไปได้ถึงระดับ 3,000 $/Oz ภายในอีกหลายเดือนหลังจากนี้ โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้แต่ Bank of America Corp (BofA) เอง ก็ได้ปรับเพิ่มระดับคาดการณ์ราคาทองคำในอีก 18 เดือนข้างหน้าเป็น 3,000 $/Oz
Francisco Blanch หัวหน้าฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์และการวิจัยตราสารอนุพันธ์ของ BofA กล่าวว่า
"การระบาดทั่วโลกได้ส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลกระทบภายในเมืองต่าง ๆ ได้ทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรลดลงสู่ระดับติดลบ และได้ทำให้ความไม่เสมอภาคในตลาดเพิ่มขึ้น รวมถึงการทำให้ผลผลิตต่าง ๆ ลดลง"
"ยิ่งไปกว่านั้น การที่ GDP ของประเทศจีนเข้าใกล้ระดับของสหรัฐฯ อย่างรวดเร็วเช่นนี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนการช่องว่างในการระบาดของไวรัส ก็อาจทำให้ภูมิศาสตร์ทางการเมืองโลกเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ราคาทองคำพุ่งไปถึง 3,000 $/Oz ตามเป้าหมายที่เราคาดการณ์เอาไว้"
ความกล้าหาญในการคาดการณ์ราคาทองคำของ Bank of America เกิดขึ้นหลังจากการทรุดตัวลงอย่างรุนแรงของราคาในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่นักลงทุนพยายามวิ่งหาเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียมูลค่าของสินทรัพย์
โดยหลังจากที่นักลงทุน (รายย่อย) ออกจากตลาดไป ราคาก็ได้ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อนักลงทุนเหล่านี้กลับมาให้ความสนใจในตลาดทองคำก็จะพบว่า ราคานั้นได้พุ่งทะยานขึ้นมาสู่ระดับที่สูงกว่าราคาซึ่งพวกเขาเคยขายออกไปเมื่อตอนแรกเยอะมากแล้ว
การฟื้นตัวของราคาในครั้งนั้นได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของ FED ซึ่งอยู่เหนือความคาดการณ์ของตลาด ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาจากผลกระทบของ Coronavirus จะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่โดยรัฐบาลโลกและธนาคารกลางทั้งหลาย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคาทองคำได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลาง เนื่องจากในเดือนธันวาคมของปี 2008 ถึงเดือนมิถุนายนปี 2011 นั้น FED ได้ทำการซื้อหนี้ของรัฐบาลเป็นมูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์
รวมถึงคงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ระดับ 0% เพื่อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งการกระทำดังกล่าวช่วยหนุนให้ราคาทองคำแท่งพุ่งทะยานสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 1,921.17 $/Oz ในเดือนกันยายน 2011
Afshin Nabavi หัวหน้าฝ่ายซื้อขายของ Swiss refiner และตัวแทนทางด้านการค้าของ MKS PAMP Group กล่าวว่า
"วิกฤตในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับภาคธนาคารทั้งหมดและเรามองเห็นว่าทองคำกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะขึ้นไปสู่ระดับ 2,000 $/Oz"
"สำหรับวิกฤตในครั้งนี้ ผมขอบอกคุณด้วยความซื่อสัตย์ใจว่าผมยังมองไม่เห็นถึงจุดจบของการพุ่งขึ้นในราคาทองคำ ณ อนาคตอันใกล้นี้ไปจนถึงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปี 2020"
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา