26 ก.ค. 2020 เวลา 06:19 • ท่องเที่ยว
NARA เมืองกวางซอมบี้!!
เล่าก่อนว่าเราเคยไปนาระแล้วรอบนึงสมัยยังเอ๊าะๆ ไปกับทัวร์ด้วยเลยเก็บ landmark หมดแล้ว รอบนี้เลยจัดทริปตามใจตัวเองสุดๆ เราจะไปบุกนาระ แบบแหวกๆ ไม่เน้น landmark เน้นที่ที่อยากไป(และอยากกิน)... ไม่ไปหรอกวัดโทไดจิ ไม่ไปหรอก Nara Park! แล้วไปไหนอะ? มาๆตามมา
รอบที่แล้วไปมิเอะกันมา เรายังคงอยู่ในภูมิภาคคันไซกันค่ะ นาระเคยเป็นเมืองหลวง(ยุคนาระ)ก่อนที่จะย้ายไปเกียวโต และย้ายมาโตเกียวในปัจจุบัน
การเดินทางก็สะดวก เรานั่งรถไฟ Kintetsu จากโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ40นาที จะเลือกนั่งรถไฟของบริษัทไหนอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้พาสอะไรด้วยนะคะ เวลาเดินทางพอๆกัน เราใช้ Kintetsu Rail Pass เพราะทริปนั้นไปมิเอะด้วย คุ้มสุด ไว้จะมาเขียนเรื่องพาสอีกทีละกันเนาะ ส่วนการเดินทางในนาระนั่งรถเมล์เลยจ้ะ ทั่วถึง
สถานที่ท่องเที่ยวของนาระก็จะเป็นแนววัดๆ สวนๆ มิวเซียมๆ สโลวไลฟ์สุด แต่สิ่งที่แย่งซีนทุกอย่างนั่นก็คือออ..น้องกวางนั่นเอง เรียกได้ว่ามีอยู่ทุกหย่อมหญ้า
เราไปแบบ One-day trip อีกแล้วจ้ะ One-day เก่งงงงงง 55555 เครื่องลงจอดไฟลท์เช้า เข้าเมืองเอากระเป๋าไปฝากโรงแรม แล้วพุ่งตัวไปนาระเลย! รีบสุด
ที่แรกคือ "Kasuga Taisha" เป็นศาลเจ้าตะเกียงเรียงรายสวยงามมาก เรานั่งรถเมล์สุดสายถึงเลย(ชื่อป้าย Kasuga Taisha Honden) ที่นี่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่นาราเป็นเมืองหลวง เป็นศาลเจ้าของตระกูล Fujiwara ผู้มิอิทธิพลในสมัยนั้น
- โซนด้านนอกชมฟรี
- เข้าชมด้านใน500เยน บอกได้เลยว่าจ่ายเถอะ ข้างในสวยมาก คุ้มค่าแน่นอน
- มิวเซียม500เยนเหมือนกัน แต่เราเวลาไม่พอเลยไม่ได้เข้าชม
- สวนพฤกษา500เยน นี่ก็ไม่ได้ไป ><
ตรงนี้เป็นโซนด้านนอก ชมฟรี ก็จะร่มรื่นๆหินๆหน่อย เห็นไหมว่าน้องกวางมีอยู่ทุกที่ ขนาดตรงที่ล้างมือยังเป็นรูปกวางเลย
ตามความเชื่อ กวางคือผู้ส่งสารของพระเจ้า แต่น้องกวางที่นี่ดูจะหิวโหยตลอดเวลา สังเกตได้จากการวิ่งเข้าหาเซมเบ้ในมือนักท่องเที่ยว ไม่มีเซมเบ้ก็ขโมยแผนที่กิน ไม่มีอะไรให้กินน้องกินกระดาษตรงตะเกียงหินนั่นแหละ! ต้องระวังมากๆเลย เห็นน่ารักแบบนี้น้องชอบเดินตาม ขวิดก้น งับก้นนักท่องเที่ยวนะ ระวังก้นและทรัพย์สินของท่านให้ดี เตือนแล้วนะ..
ตรงนี้เป็นโซนด้านในที่ต้องซื้อตั๋วเข้าชม ตะเกียงเยอะมากๆ แต่ละอันฉลุลายต่างกัน แต่ที่ชอบที่สุดคือห้องมืด(Fujinami-no-ya Hall) ของจริงคือสวยมาก ใครกลัวความมืดอาจจะหลอนๆหน่อยเพราะมืดมาก เป็นห้องกระจก มีแค่ไฟจากตะเกียงที่ให้แสงสว่าง
เห็นตะเกียงเยอะแบบนี้มาจากคนบริจาคทั้งนั้นเลยนะคะ ตะเกียงหินด้านนอกก็ด้วย และที่นี่จะพีคขึ้นไปอีกเมื่อตะเกียงทั้งหมดถูกจุดขึ้นในช่วงเทศกาลซึ่งมีแค่2ครั้งต่อปี คือต้นเดือนก.พ. และกลางเดือนส.ค. อยากไปดูให้เห็นกับตาจัง ><
ที่นี่มีคาเฟ่แบบนั่งชมวิวในสวนด้วยน้า ชื่อร้าน "Kasuga Ninai Jaya" อยู่ติดกับสวนพฤกษานั่นแหละ ใครเดินเหนื่อยๆไปนั่งจิบชากินขนม พักผ่อนกันได้
เมื่อใจเรียกร้องหาพุดดิ้ง!?
สาวกขนมหวานจะต้องกรีดร้อง..ของฝากยอดฮิตของที่นี่เป็นพุดดิ้งนะรู้ยัง? เราจะพาไปร้าน "Mahoroba Daibutsu Pudding" ชื่อดัง พิกัดอยู่ที่ Yume-Kaze Plaza ฝั่งตรงข้าม Nara National Museum สามารถเดินจากศาลเจ้าคาสุกะมาได้นะคะ แอบไกลแต่ระหว่างทางเป็นตะเกียงหินเรียงยาวมาเลยแล้วก็จะได้พบปะกับน้องกวางมากมาย เดินเล่นชมวิวก็ดีเหมือนกัน คิดเสียว่าเบิร์นแคลอรี่ก่อนกินขนมเนาะ 🤣 ร้านนี้สาขาใหญ่เป็นคาเฟ่นั่งทาน(Purin no Mori Cafe) ตกแต่งสวยมากๆ แต่อยู่คนละทางกับที่เราไป ไว้รอบหน้ามีโอกาสไปจะเก็บภาพมาฝากนะคะ
ฝาท่อที่นี่น่ารัก แถมบนถนนมีเขียนว่าระวังกวางด้วย // ถึงแล้ว หน้าร้านมีเสื้อแขวนอยู่ สีสันสดใส ตัวพุดดิ้งมีหลายรสเลย เราลองรส custard อร่อยมากๆ เข้มข้นหอมนมเนื้อเนียน ขวดเล็กประมาณ300เยน ในร้านมีของฝากขายด้วย อันนี้เป็นลูกอมรูปพระพุทธเจ้า ก็น่าซื้อไปฝากเพื่อนนะ 55555
พุดดิ้งยังไม่อิ่ม เราจะไปกินโยโมกิโมจิกันต่อที่ร้าน "Nakatanidou" อยู่ที่ Higashimuki Shopping Street ใกล้ๆกับสถานี Kintetsu-Naraเลย ร้านนี้ดีกรีไม่ธรรมดา นอกจากรสชาติความอร่อยของแป้งผสมหญ้าโยโมกิที่เหนียวนุ่มกับไส้ถั่วแดงกวนที่ไม่หวานเกินไปแล้ว ยังเป็นถึงแชมป์การแข่งขันตำโมจิเร็วที่สุดถึง2ปีซ้อน จากรายการ TV Champion ร้านนี้เป็นที่ฮือฮาในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะลุงเขาโชว์ตำโมจิกันสดๆตรงนั้นเลย
โมจิชิ้นละ130เยนเท่านั้น ชิ้นเดียวไม่พอจริงๆ // ในบริเวณนี้เป็น shopping street ด้วยนะ เดินไปเจอห้องจัดรายการวิทยุ มีลุงๆป้าๆถือป้ายเชียร์ศิลปินด้วย น่าจะเป็นขวัญใจคนท้องถิ่น
สรุปแล้วทริปนี้หนักไปทางตามล่าของอร่อย 555 ค่ำแล้วกลับโอซาก้า โบกมือลานาระ แล้วเจอกันใหม่น้าาา~
ป้าย Welcome to Nara ตรงสถานีรถไฟ
โฆษณา