26 ก.ค. 2020 เวลา 07:31 • ท่องเที่ยว
จังหวัดในแถบภาคกลางหลายจังหวัดแม้ว่าจะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมากนักแต่ว่ากลับไม่ค่อยเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก ถึงอย่างไรก็ตาม กลับเป็นที่นิยมของฝรั่งบางกลุ่ม เพราะฝรั่งกลุ่มนี้ชอบไปเที่ยวในสถานที่ที่ไม่พลุกพล่านมากนัก
โดยฝรั่งกลุ่มนี้มีรายการเที่ยวที่เมื่อออกจากกรุงเทพแล้วจะต้องขึ้นเหนือ เพื่อไม่ให้การเดินทางขึ้นเหนือนั้น ยาวและไกลเกินไปนัก พวกเขาจึงอยากจะแวะเที่ยวและพักผ่อนในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งในแถบภาคกลางสักคืน หรือสองคืน
ซึ่งจังหวัดที่พอมีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวอยู่บ้างในแถบภาคกลางก็คือ จังหวัดอุทัยธานี หรือที่รู้จักกันในนาม เมืองพระชนกจักรี
วัดสังกัสรัตนคีรี เขาสะแกกรัง
จังหวัดอุทัยธานีเป็นหนึ่งในจังหวัดแถบภาคกลางที่ได้รับการโปรโมทให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเมืองรองหรือเป็นเมืองผ่าน การเป็นเมืองรอง กลับเป็นที่ชื่นชอบของฝรั่งเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาชอบเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการปรุงแต่งน้อยที่สุด ชอบความเป็นธรรมชาติมากทีสุด และอย่างน้อยที่สุดฝรั่งกลุ่มนี้มักจะพักที่นี่เป็นเวลาหนึ่งหรือสองคืน ซึ่งก็ยังพอได้กระจายรายได้สู่ชนบทได้บ้าง
ที่พักที่พอรองรับนักท่องเที่ยวฝรั่งได้บ้างจะอยู่ที่บริเวณเกาะเทโพ ก่อนที่จะเข้าถึงที่พักแห่งนี้ฝรั่งจะได้เห็นบรรยากาศของท้องทุ่งนาที่เขียวขจี เห็นบ้านเรือนตามแบบชนบทไทย และเห็นไร่พืช ผัก ที่ชาวบ้านปลูกไว้รอบ ๆ บริเวณบ้าน เป็นสิ่งที่แตกต่างจากบ้านเมืองฝรั่งโดยสิ้นเชิง
เรือนแพ ณ แม่น้ำสะแกกรัง
สถานที่ที่ท่องเที่ยวที่ฝรั่งไปเที่ยวชมก็ได้แก่ ตลาดสดกลางเมืองอุทัยธานี ซึ่งบริเวณนี้นอกจากจะได้เห็นบรรยากาศตลาดสดยามเช้าแล้ว ยังจะได้เห็นบรรยากาศของเหล่าเรือนแพในแม่น้ำสะแกกรังอย่างชัดเจนอีกด้วย
โดยการเดินทางจากที่พัก ณ เกาะเทโพ ไปยังตลาดสดเมืองอุทัยธานี พวกเขาจะปั่นจักรยานทั้งไปและกลับ ซึ่งการปั่นจักรยานเที่ยวแบบนี้เป็นอะไรที่สนุกมาก เพราะถือว่าเป็นการช่วยลดมลภาวะและได้สัมผัสท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด แต่อาจจะตื่นเต้นบ้างเป็นบางจุดที่ปั่นจักรยานผ่าน เพราะมักจะมีสุนัขนอนขวางทาง ขวางถนนในหมู่บ้านเป็นประจำ ที่ผ่านมานับว่ายังโชคดีที่ยังไม่มีฝรั่งคนใดถูกสุนัขกัดเลย
หลังจากเที่ยวตลาดสดเสร็จแล้วก็ปั่นกลับโรงแรมไปรับประทานอาหารเช้า
บรรยากาศตลาดสดเมืองอุทัย
จากนั้นก็ไปชมวิวเมืองอุทัยธานี ณ บริเวณวัดสังกัส บนยอดเขาสะแกกรัง โดยจะเดินทางด้วยรถยนตร์ไปจอดบนเขา แล้วเดินชมวัด ชมวิว และก็เดินลงเขาตามบันไดพยานาคอันสวยงาม
พอลงจากเขาสะแกกรัง เพื่อไม่ให้พลาดการเข้าชมอาคารศาลาวิหารแก้ว 100 เมตร ณ วัดท่าซุง ก็ต้องรีบไปให้ถึงวัดก่อนเวลา 11.30 น. เพราะถ้าไปถึงช้าหลังจากนี้ จะต้องรอเวลาเปิดวิหารให้เข้าชมอีกทีในเวลาบ่ายประมาณบ่ายสองโมง ช่วงเวลา 11.30 -14.00 วิหารแก้วจะปิดให้เข้าชมเนื่องจากจะมีการฝึกปฏิบัติวิปัสสนาตามแนวมโนมยิทธิ
ช่วงเวลานี้จะได้เห็นชาวพุทธผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และปฏิบัติธรรม แต่งกาย นุ่งขาว ห่มขาว เข้าไปนั่งในวิหารแก้วเพื่อฝึกวิปัสสนา เมื่อฝรั่งได้เห็นบรรยากาศแบบนี้ก็จะรู้สึกทึ่งมาก ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยที่ไหนมาก่อน
ฝรั่งไหว้แบบไทย ถ่ายรูปภายในวิหารแก้ว 100 เมตร วัดท่าซุง
สภาพภายในวิหารแก้ว 100 เมตร
วิหารปราสาททอง วัดท่าซุง
ระเบียบการฝึกวิปัสสนา
พอออกจากวัดนี้ก็ไปเที่ยวชมอุทยานเขาหุบตาด ซึ่งภายในหุบเขาลูกนี้จะมีบรรยากาศคล้าย ๆ ในหนังจูลัสสิคปาร์ค เป็นบรรยากาศที่สุดยอดมาก ถ้าใครชอบธรรมชาติ บรรยากาศแบบในไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมเขาหุบตาดเป็นอย่างยิ่ง
โลงแก้วบรรจุศพหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดท่าซุง ยังไม่เน่าเปื่อย
ตามที่กล่าวมานับได้ว่าเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเมื่อไปเยือนเมืองพระชนกจักรี อุทัยธานี
ขอบคุณทุกคนที่สละเวลาติดตามอ่านและกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามครับ
โฆษณา