26 ก.ค. 2020 เวลา 13:54
#จันทร์เจ้าขาบทที่2ตอนที่12 (26/7/20)
สวัสดีครับ เพื่อนๆ
วันนี้ผมขอส่ง จันทร์เจ้าขา
ตอนล่าสุด มาให้เพื่อนๆ อ่านกันนะครับ 😇💙💚❤️
สำหรับในตอนนี้ จะเป็นเรื่องราวในอิตาลี ของชะตากรรมเจอริโมนี่ ครับ
สุขสันต์วันอาทิตย์นะครับ
บทที่ 2 รุ้งวาริท
ตอนที่ 12 วงแหวนแห่ง
กาเบรียล,
#ในห้องขังนักโทษทางศาสนาบริเวณคุกนอกวาติกัน
สันตะปาปาปิอุสที่ 9
“องค์สันตะปาปา..
เหตุใดพระองค์ท่าน ถึงมาอยู่ในคุกแห่งนี้ได้นะ..”
เจอริโมนี่ อุทานเบาๆ ด้วยความประหลาดใจ..
ทันใดนั้น องค์สันตะปาปาก็หยุดอธิษฐานลง ..แล้วหันหน้ามามองเจอริโมนี่ อย่างช้าๆ..ด้วยดวงตาที่เบิกโพลง แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดังกังวาลว่า ..
“เจ้าเห็นข้า.. ด้วยรึ พ่อหนุ่ม..”
เจอริโมนี่มองดวงตาที่เศร้าสร้อยแต่ไร้แววตาขององค์สันตะปาปา..แล้วตอบว่า “ผมเห็นท่านครับ”
เมื่อองค์สันตะปาปาปิอุส ได้ฟังคำตอบของเจอริโมนี่ .. พระองค์ก็ยกมือทั้งสองขึ้นปิดหน้าร้องไห้สะอื้นด้วยเสียงโหยหวนอันดังอยู่พักหนึ่ง ..แล้วจึงเงยหน้าเอ่ยว่า “พ่อหนุ่ม ..ข้าเฝ้าอธิษฐานอยู่ในคุกแห่งนี้ ทุกๆวัน เป็นเวลาถึง 5 ปี..กว่าจะได้เจอคนที่มองเห็นข้า..ในวันนี้..”
จากนั้นองค์สันตะปาปาจึงหันกลับมากระซิบถามเจอริโมนี่ อีกครั้งว่า..
“นอกจากเจ้า แล้วยังมีผู้ใด อื่นในห้องนี้อีกหรือไม่..พ่อหนุ่ม”
เจอริโมนี่ จึงเพ่งตาสำรวจ รอบๆ ห้องขังนั้น .. พลันสายตาของเจอริโมนี่ ก็พบกับศพมากมายที่ยืนเรียงรายอัดแน่นกันอยู่ในเงามืดบริเวณผนังของห้อง..
ศพเหล่านั้นส่วนใหญ่..
ล้วนแล้วแต่เป็นศพที่เนื้อแห้งกรัง ติดกระดูก..
ในดวงตาลึก กลวงดำมืดและมีรังสีแห่งความอาฆาต เคียดแค้น พลุ่งพล่านออกมา เป็นประกายสีแดง อยู่ในดวงตาที่ดำมืดมิดนั้น..
ศพเหล่านั้น.. ประกอบด้วยศพเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ พระ และศพทหารยืนปะปนกัน..บางศพก็ไม่มีศีรษะ บางศพก็ดำไหม้เกรียม..บางศพนั้นบนกะโหลกศีรษะยังคงมีรอยตะปูตอกตรึงติดคาอยู่..
ทำให้รู้ในทันทีว่า ศพเหล่านี้ต้องถูกทรมานอย่างหนัก ก่อนที่จะเสียชีวิต..
เมื่อเจอริโมนี่พยายามเพ่งมองเข้าไปในความมืด เพื่อคะเนประมาณจำนวนซากศพนั้น.. สิ่งที่เจอริโมนี่เห็นในเงามืดบริเวณผนังคุกนั้น คือ ความมืดอันมืดมิดช่างดูเวิ้งว้าง ไกลออกไป..ราวกับท้องฟ้ายามราตรี.. และดำมืด..ดั่งหลุมลึกที่ไม่สามารถเห็นขอบเขตของผนังอีกต่อไป..
และภาพซากศพแห้งกรังจำนวนมากมาย ต่างพยายามเบียดเสียดปีนป่ายกันขึ้นมาอย่างหิวกระหายอยู่ในเงามืดนั้น เพื่อที่จะขึ้นมาอยู่แถวหน้าใกล้กับแสงจันทร์ที่ส่องสว่างพาดลงมาในคืนนี้..
ทำให้เจอริโมนี่รู้สึกขนลุก กับภาพสยดสยองที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้..
ซากศพเหล่านั้น..ต่างยื่นมือไขว่คว้าอากาศ.. เหมือนกำลังพยายามจะลากเอา องค์สันตะปาปา ลงไปอยู่กับพวกมัน..
“หรือนี่จะคือ.. แดนมรณา”
เจอริโมนี่ อุทานเบาๆ กับตัวเอง..
ทันใดนั้น เจอริโมนี่ รู้สึกถึงลมเย็นยะเยือกพัดผ่านบริเวณคอด้านหลัง และใบหน้าซีกขวา.. พร้อมกับเสียงกระซิบอันแหบพร่าคล้ายเสียงขององค์สันตะปาปาปิอุส ถามว่า ..
“พ่อหนุ่ม.. เจ้าเชื่อ ในองค์พระผู้เป็นเจ้า รึเปล่า??”
“กระผม เชื่อในพระเจ้าครับ” เจอริโมนี่หลับตาลง และตอบกลับไป..
เสียงแหบพร่านั้น ถามกลับมาอีกว่า “เจ้าเคยเห็นพระเจ้า แล้วรึ ..”
“แม่กระผม เคยท่องพระธรรม ยอห์น 20 29ให้ผมฟังว่า..
พระเยซูตรัสว่า เพราะท่านเห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ? คนที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข..”
คราวนี้เสียงนั้น ถามกลับมาดังกังวาลนุ่มนวล ไม่แหบพร่า.. แต่ฟังดูคล้ายมีเสียงหัวเราะเล็กๆเบาๆตามมาอีกหลายเสียง..
“โอแม่เจ้า.. ช่างเป็นลูกแกะที่น่ารักขององค์พระบิดาจริงๆ.. แล้วตอนนี้ แม่ของเจ้าไปไหน เสียแล้วล่ะ..พ่อหนุ่ม..”
“แม่ของกระผม เสียชีวิตแล้ว..จากเหตการณ์ปฏิวัติเมื่อหลายปีก่อนครับ..”
เจอริโมนี่ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา..
“โอแม่ของเจ้า..คงตายด้วยความทรมานจากเหตุการณ์ปฏิวัติทางศาสนาครั้งนั้น..เจ้าจงลืมตาขึ้นมองเข้าไปในความมืดนั้นสิ.. ว่าแม่เจ้าอยู่ในกลุ่มผู้ทุกข์ทรมานเหล่านั้นหรือไม่.. “
น้ำเสียงแหบพร่า นั่นกลับมาอีกครั้ง พร้อมลมอันเย็นยะเยือก..วนเวียนอยู่รอบๆ เจอริโมนี่ คล้ายกับลมหายใจของงูใหญ่ที่กำลังเลื้อยวนอยู่ในอากาศ...
“แม่ของเจ้า.. คงจะไม่เคยเล่าประวัติของนางให้เจ้าฟังละสินะ.. พ่อหนุ่ม..
ว่านางเป็นแม่ชีฝึกหัดแห่งอารามชีอันโด่งดัง ผู้มีเสียงอันไพเราะ และใบหน้างดงาม อ่อนเยาว์..ราวกับทูตสวรรค์..
ยามที่แม่เจ้าร้องเพลงสรรเสริญ หรืออธิษฐานนั้น.. ว่ากันว่า..แม้แต่ซาตานยังต้องหยุดฟัง.. ไฟนรก ยังต้องพักสงบครู่หนึ่ง..หรือกระทั่งเทวทูตสวรรค์กาเบรียล ยังต้องบินลงมาเยี่ยมเยือน ในทุกๆครั้ง เมื่อบทเพลงสรรเสริญของนางดังขึ้น..
จนกระทั่ง เมื่อนางตั้งครรภ์อย่างลึกลับ.. โดยที่ไม่มีใครไม่รู้ว่า ..บิดาของบุตรในครรภ์นี้ คือผู้ใด..
นางจึงถูกกระทำบัพพาชนียกรรม (excommunication)
ขับออกจากคริสตจักร.. พร้อมกับเจ้า.. ผู้ที่ศาสนจักรปฏิเสธในการทำพิธีศีลจุ่ม..”
เจอริโมนี่ ลืมตาขึ้นจ้องหน้าองค์สันตะปาปาทันที ..
และพบว่า องค์สันตะปาปา กำลังถูกศพเหล่านั้นดึงกระชากให้พระองค์เข้าสู่ความมืด..
ใบหน้าครึ่งนึงของพระองค์ค่อยๆแห้งลง เหมือนศพที่แห้งกรัง แต่ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่ง..ที่แสงจันทร์สาดส่องกระทบนั้นยังเป็นใบหน้าของพระองค์ที่พยายามเปล่งเสียง ออกมาอย่างยากลำบาก ว่า
“..ช่วยข้าด้วย..”
เจอริโมนี่จึงกุมมือ แล้วอธิษฐานด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ว่า
“ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น..ที่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น เพื่อว่าบาปได้ครอบงำ..ทำให้ถึงซึ่งความตายฉันใด..
พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงซึ่งชีวิตนิรันดร์   โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น..
ขอองค์สันตะปาปาทรงโปรดอธิษฐานด้วยความเชื่อ ของตัวท่านเองอีกครั้งเถิดครับ..”
องค์สันตะปาปาจึงกุมมือและอธิษฐานอย่างยากลำบาก ด้วยท่านเหลือใบหน้าของมนุษย์ อีกเพียงเสี้ยวสุดท้าย..
“ลูก.. เป็นคนบาปหนา.. เกินกว่าที่.. พระองค์จะทรงให้อภัย.. แต่ขอพระองค์ทรงเมตตาช่วยคนบาป อย่างลูกด้วย..”
ก่อนที่ความมืดจะปกคลุมองค์สันตะปาปาทั้งหมด..
ทันใดนั้น ก็มีความสว่างปรากฏ พร้อมกับเสียงดังกังวาล พูดว่า..
“อย่ากลัวเลย ferreti น้อย..จงจับมือของข้าไว้.. ข้าจะพาเจ้ากลับเมืองบรมสุขเกษม และเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยกันอีกครั้ง..”
เสียงในความมืด พากันร้องอย่างหวาดกลัว และตะโกนใส่ชายผู้นั้น อย่างหวาดหวั่นว่า
“นี่ไม่ใช่ธุระอะไรของท่าน กาเบรียล.. มันผู้นี้ต้องเป็นของเราตามสัญญา..ที่ได้ประทับตราผนึกไว้แล้ว..”
ชายหนุ่มแห่งแสงสว่าง นาม “กาเบรียล” ยิ้มนิดนึง ก่อนจะตอบว่า
“ลูซิเฟอร์.. เจ้าควรจะรู้จักพระบิดา ของเรานะ..
ว่าพระองค์ทรงรักพงศ์พันธ์ุของอาดัม มากแค่ไหน..”
กาเบรียล กระพือปีกอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงดึงองค์สันตะปาปาออกมาจากความมืด.. ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ที่ค่อยดังไกลออกไป ..”ไม่.......”
ขณะนี้ ทั้งห้องกลับสว่างไสว ด้วยสง่าราศีของ กาเบรียล
..และองค์สันตะปาปา ก็นอนอยู่ในอ้อมกอดของกาเบรียล..
“เจ้ากล้าหาญมาก.. เจอริโมนี่..เจ้าประสงค์สิ่งใด จากข้าหรือไม่” กาเบรียลเอ่ยทัก เจอริโมนี่..
เจอริโมนี่ อ้าปากค้าง และตอบอย่างตะกุกตะกัก..
“กระผมอยากกลับไปพบ คุณหนูสมายลี่ครับ..”
เทพกาเบรียล หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า ..
“เจอริโมนี่..ข้าไม่อาจเปลี่ยนชะตาของเจ้าได้.. แต่ข้าสามารถแจ้งข่าว และข้อความที่ผู้คนข้างนอกต้องการจากเจ้า.. เพื่อพวกเขาจะยังไม่พรากชีวิตของเจ้าในคราวนี้..
จงจำ ถ้อยคำของข้าให้ดี เจอริโมนี่..
“ถ้อยคำของ ปิอุส ก่อนสิ้นชีวิต คือ Guard the church I loved so well and sacredly
จงปกป้องคริสตจักร..
ที่ข้ารัก,
จงพิทักษ์ ปกปักษ์..
ศักดิ์สิทธิ์สถาน..
ถ้อยคำของข้า สำหรับเจ้าคือ..
วงแหวนไฟแห่งกาเบรียล จักนำสู่ประตู..แห่งมิคาเอล
จงรับวงแหวนแห่งไฟเถิด บุตรแห่งมิเลีย..”
กาเบรียลใช้คฑา จี้ลงบนอกของเจอริโมนี่ พร้อมไฟลุกวูบหนึ่ง บนผิวหนัง ..
ความเจ็บปวดเกินจะทานทนนั้น ทำให้เจอริโมนี่ร้องออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะสลบไป..
..
..
..
..
เช้าวันรุ่งขึ้น ประตูคุกถูกเปิดออก ผู้คุมเข้ามาตรวจสอบเจอริโมนี่ ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนบอก พระคาดินัล มาริโอ้ว่า..
“อัศจรรย์มากจริงๆครับ ท่านมาริโอ้.. เจ้าหนุ่มนี่ ยังไม่ตายครับท่าน..
และ..สัญลักษณ์รอยวงแหวนไฟแห่งกาเบรียล ปรากฏที่หน้าอก ของเจ้าหนุ่มนี่ ตามที่ท่านมาริโอ้บอกเลยครับ..”
มาริโอ้ ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่จะสั่งผู้คุม ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด ว่า..
“วันนี้ ให้รีบพาเจ้าหนุ่มเจอริโมนี่เข้าวาติกัน.. ทำความสะอาด และเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อย ก่อนเข้าเฝ้าองค์สันตะปาปาเลโอในวันพรุ่งนี้กับข้า..”
..
..
..
จบบทที่ 2 ตอนที่ 12
#เกร็ดเพิ่มเติม
สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9 (Pius IX) มีพระนามเดิมว่า โจวันนี มาเรีย มัสตาอี-แฟร์เรตตี (Giovanni Maria Mastai-Ferretti) ประสูติเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1792 ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาระหว่างปี ค.ศ. 1846 – 1878 เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์นับพันปีของศาสนจักรคริสต์โรมันคาทอลิก..
สวัสดี และขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณครับ
(T.Mon)
26/7/2020

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา