BTS หรือ วงบอยแบนบังทันที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เริ่มต้นเดบิวต์เมื่อปี 2013 แต่สามารถทำรายได้ถล่มทลาย เป็นศิลปินสัญชาติเอเชียวงแรกที่มี YouTube Views มากจนสามารถขึ้น Top charts ใน The world’s five largest music markets และทำสถิติจำหน่ายบัตร World Tour Concert ทั้งในเอเชีย ยุโรป และ อเมริกา หมดภายในไม่กี่นาที ทำให้ BTS ทำรายได้กว่า 130ล้านเหรียญสหรัฐ(4พันล้านบาท) ในปี2019 คิดเป็นมูลค่า GDP 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งมีมูลค่ามากกว่าบริษัท Korea Air สายการบินแห่งชาติของเกาหลีใต้ ยังตอกย้ำความโด่งดังของบังทันด้วยตัวเลข 1 ใน 13 ของผู้เข้าประเทศทั้งหมดต่อปีมาจากอิทธิพลของวงบอยแบนด์อย่าง BTS
ถ้าเราย้อนกลับไปช่วง 2000s วงการ k-pop พี่งเข้ามาสร้างผลงานโด่งดังในไทย ค่ายเพลงยุคแรกๆที่เรานึกถึงก็จะเป็น SM Entertainment, YG Entertainment, and JYP Entertainment 3 ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่โด่งดังจากการเดบิวต์ศิลปิน boy band และ girl group มากมายที่เราคุ้นหูกันดีอย่าง Bigbang(YG) 2NE1(YG) TVXQ(SM) Shinhwa (SM) Wonder Girls(JYP) และอีกมากมาย นับว่าเป็นช่วงบุกเบิกวงการเกาหลีในไทยก็ว่าได้
แน่นอนว่า Big Hit Entertainment ค่ายเพลงใหม่ไฟแรงได้ทำปรากฎการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่ก้าวสู่คำว่า Global โดยสมบูรณ์และไปไกลกว่า3ค่ายดังที่ผ่านมา แล้วอะไรทำให้ BTS โด่งดังเป็นพลุแตก เราจะมาเล่าให้ฟังว่า Big Hit มีเทคนิคและแนวคิดอย่างไรถึงสามารถทำให้วงน้องใหม่อย่าง BTS พา K-Pop สู่ตลาดเพลงโลกได้อย่างประสบความสำเร็จ
ช่วงต้นของบริษัท
บังชีฮยอก CEO ของ Big Hit Entertainment เริ่มต้นเข้าสู่วงการเพลงจากการเป็น Composer และ Producer ที่ JYP Entertainment และบังชีฮยอกได้แยกตัวออกมาทำค่ายเพลง Big Hit ในเวลาต่อมาในปี2005 แต่ยังคงมีสัมพันธ์ที่ดีกับ JYP โดย JYP จะส่งเด็กฝึกจากค่ายเพื่อมาเดบิวต์ในค่าย Big Hit โดยแบ่งส่วนแบ่งกัน แต่เป้าหมายของศิลปินและค่าย Big Hit ในตอนนั้นไม่ตรงกันเลยทำให้ไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีมากนัก ทำให้บริษัทเป็นหนี้ท่วม JYP จึงให้กู้ เป็นการส่งวงบอยแบรนด์ อย่างวง 2PM ซึ่งเดบิวต์ไปแล้วใต้สังกัด JYP Entertainment มาเป็นหนึ่งในศิลปินของ Big Hit เพื่อสร้างผลงานให้กับบริษัท ทำเงินได้2ปีและค่อยๆลดลง ทำให้ Big Hit เข้าสู่ช่วงวิกฤตอีกครั้ง
จุดเปลี่ยน: 3 Key Question
ถึงเวลาที่บังชีฮยอกจะต้องปรับเป้าหมายให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเพลงเกาหลี Big Hit หยุดการสนับสนุนศิลปินแบบเดิมๆและคิดว่าสิ่งที่พวกเขากำลังพยายามทำอยู่นั้นมันผิดทางแล้ว บังชีฮยอกตั้งคำถาม 3 ข้อที่จะเปลี่ยนแนวคิดของบริษัทอย่างสิ้นเชิง
1.What is Idol?(ไอดอลคืออะไร)
2.What is this business we are in?(ธุรกิจที่เรากำลังทำคืออะไร)
3.Who are the fans? And what are their characteristics?(ใครคือแฟนคลับและพวกเขามีนิสัยแบบไหน)
บังชีฮยอกจัด 3 days workshop สำหรับทีมเพื่อหาคำตอบของทั้งหมด เมื่อคิดถึงโลกแห่งเทคโนโลยีที่จะทำให้ทุกการสื่อสารง่ายขึ้น แต่ในความสะดวกสบาย กลับทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะสามารถรู้สึกโดดเดี่ยวและเคว้งคว้างได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ดังนั้น Big Hit จะเป็นตัวช่วยคลายความโดดเดี่ยว เพิ่มแรงบันดาลใจและเยียวยาจิตใจของทุกคน บังชีฮยอกเริ่มศึกษาแนวทางที่จะสามารถพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในวงการ K-Pop และ Big Hit ได้ข้อสรุปที่จะเปลี่ยนแนวธุรกิจไป โดยจะโฟกัสที่ความเชื่อมั่นระหว่างค่ายและศิลปินเป็นหลัก บังชีฮยอกได้เปลี่ยนโครงสร้างของค่ายเพลงเกาหลีใต้ที่ศิลปินจะอยู่ล่างสุดของผลประโยชน์เป็นการ Winning together
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2020 มีพนักงานมากกว่า 400 คนและทำเงินได้ 489 ล้านเหรียญสหรัฐ Big Hit จัด Full services สำหรับศิลปินมากมายในรูปแบบ in-house operation และที่น่าสนใจคือการสร้าง digital platform ในรูปแบบ Mobile App “Weverse” เป็นcommunityที่ศิลปินและแฟนคลับจะมาพูดคุย, โพสต์ exclusive content กัน และ “Weverse Shop” แอปพลิเคชั่นเพื่อซื้อขายสินค้าOfficialของศิลปิน
ความสำเร็จของวงบอยแบรนด์บังทันนั้นเริ่มจากการทำเดโม่เพลงของคิมนัมจุนหรือ Rap Monster เรียกง่ายๆว่า RM บังชีฮยอกได้มองเห็นศักยภาพของเขาและคิดว่า Big Hit จะต้องเดบิวต์คนๆนี้ออกไปสู่วงการเพลงให้ได้ และ จากการทำ 3 days workshop วงการK-Popในตอนนี้ต้องการ Group’s Concept ดังนั้น Big Hit จึงเฟ้นหาสมาชิกที่มีความเป็นไอดอลเพื่อสร้างวง BTS ด้วยแนวเพลงฮิปฮอป
Big Hit เริ่มโปรโมทบังทันครั้งแรกด้วยซิงเกิ้ล No more dream แต่อัลบัมนี้ยังไม่ติดตลาดและบังชีฮยอกกล่าวว่า ณ เวลานั้นทางบริษัทกำลังหาทางที่จะแย่งพื้นที่ในวงการ K-Pop เกาหลีใต้โดยไม่ได้คิดไปถึงระดับนานาชาติเลย แต่บังชีฮยอกเห็นต่าง เขามองว่ามันถึงเวลาที่บังทันจะก้าวสู่สากล ดังนั้นเขาจึงปล่อยเพลง Fire ซึ่งมีความ American มากกว่าฮิปฮอปสไตล์เดิมและเพลงนี้เองที่ทำให้บังทันพบหนทางสู่ U.S. Market ไม่นานหลังจากนั้น ปี2016 BTS ได้ขึ้น Top Gaon chart และ ได้ที่ 26th ใน The Billboard 200 chart in U.S.
การโปรโมทที่สำคัญที่สุดหนีไม่พ้น digital platform อย่าง YouTube Big Hit เริ่มโปรโมท Official Video และยังมีรายการซีรี่ย์สั้น Bangtan Bomb ที่แสดงถึง behind the scenes ของศิลปินทั้งในมุมสนุกสนานและจริงจัง นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Big Hit สามารถซื้อใจแฟนคลับและสร้างบอยแบรนด์อย่าง BTS ได้สมบูรณ์แบบ แต่แน่นอนว่าการเป็นไอดอลนั้นมีอายุขัยเมื่อศิลปินอายุเข้าเลข 3 ความนิยมอาจจะลดลง Big Hit ยังคงผลิตศิลปินใหม่ๆออกมาในตลาดเพลงเรื่อยๆเช่า GFriend ที่พึ่งคัมแบคไป และ TXT
Big Hit มั่นใจว่าพวกเขาเดินมาถูกทางแล้ว เขารู้จักการสร้างความสัมพันธ์กับแฟนคลับ บังชีฮยอกมั่นใจว่าอนาคตของ Big Hit Entertainment ยังไปได้อีกไกลในเส้นทางสาย K-Pop