27 ก.ค. 2020 เวลา 13:39 • การศึกษา
การแพทย์สายพุทธ ตอนที่ ๑๗ ขยาย ปถวีธาตุ
ความเดิมดิน ๒๐ แบ่งออกเป็น ๔ ชั้นตามลักษณะปัจจกะธาตุ..ต่อชั้นที่๑
ดินชั้นที่๑ เกสา โลมา นขา ทันตา ตะโจ
ชั้นนี้เป็นร่างกายที่ตั้งแต่เกิดแบ่งไว้ให้เป็นกายชั้นนอกเพื่อรับสัมผัสจากสิ่งต่างๆที่อยู่นอกตัวเรา รู้สึกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ในชั้นนี้มีอายตนะมาอาศัยด้วย เราจึงเห็นอวัยวะประสาทที่เรียก ตา หู จมูก ลิ้น กาย เข้าสู่ใจ ทำหน้าที่ระบายของเสียที่เรียกว่าเหงื่อ ปกป้องเนื้อแดงไม่ให้โดนแดดจนเกรียมไหม้ มีอะไรบ้างตามมาเลย
๑.เกสา (ผม)
คือ..ที่เป็นเส้นงอกอยู่บนศีรษะ ทำหน้าที่ ปกคลุมหนังศีรษะเพื่อป้องกัน ความร้อนและเย็นไม่ให้กระทบมากไป ป้องกันการกระทบกระเทือนมากไปของสมอง เป็นทางออกของไขมันและเหงื่อ
อีกนัยหนึ่งแบบโบราณทางศาสนาว่า ผมมีจำนวนเก้าสิบแสนเส้นโดยปกติเป็นสีดำ (ชาวเอเซีย) สัณฐานยาวเรียวดั่งคันชั่งรากหยั่งไปในหนังศีรษะยาวขึ้นไปบนอากาศ เกิดบนศีรษะตั้งแต่หน้าผากไปจรดหลุมคอด้านหลังและจะเกิดได้ขุมละเส้นเท่านั้น
1
๒.โลมา (ขน )
เส้นขน คือเป็นเส้นที่งอกขึ้นอยู่ทั่วร่างกายมีทั้งเส้นหยาบและอ่อน เช่นขนคิ้ว หนวด เครา และขนอ่อนตามใบหน้า,ตามตัว เป็นต้น
อีกนัยหนึ่งแบบโบราณทางศาสนาว่า มีจำนวนเก้าโกฏิเส้น สีดำปนขาวเหลือง สัณฐานน้อมลงดั่งธนู เกิดทั่วร่างกายยกเว้นฝ่ามือและฝ่าเท้า รากหยั่งลงไปในหนังประมาณเท่าปลายเมล็ดไข่เหาและจะเกิดได้ขุมละเส้นเช่นเดียวกับ ทำหน้าที่ปกป้องไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายเช่นขนจมูกช่วยกรองฝุ่นละอองต่างๆป้องกันการเสียดสีในร่างกายเช่น ขนรักแร้,ขนอวัยวะเพศ,ขนตามตัวช่วยระบายของเสียที่อยู่ภายในกาย ออกมาสู่ผิวกายภายนอกผ่านรูขุมขน
2
๓.นขา (เล็บ)
คือเล็บ ที่งอกอยู่ตามปลายนิ้วมือ และปลายนิ้วเท้ามีลักษณะแข็งเพื่อรองเนื้อไม่ให้เราเจ็บเวลาหยิบจับของต่างๆ เล็บคือ ส่วนหนึ่งของผิวหนัง มี ลักษณะเป็นแผ่นเกล็ดใส มีหน้าที่คุ้มกันปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า เล็บที่ปกติสมบูรณ์ต้องแข็งแรง ยืดหยุ่น มีสีชมพูอ่อนๆ ผิวบนจะงามเรียบเกลี้ยงโค้งปราศจากจุดด่างดำ ตำหนิใดๆ และเล็บมีหน้าที่ให้ความแข็งแรงและปกป้องปลายนิ้ว
อีกนัยหนึ่งแบบโบราณทางศาสนาว่า บุคคลที่สมบูรณ์นั้นจะมีจำนวนเล็บ ๒๐ เล็บในตำแหน่งของนิ้วมือและนิ้วเท้าโดยมีสีขาวในที่พ้นเนื้อและมีสีแดงในที่ต่อเนื่องกับเนื้อ
๔.ทันตา(ฟัน)
ฟันคนเรามีด้วยกันทั้งหมด ๒ ชุดมี ฟัน ๑ อย่าง เขี้ยวอย่าง ๑ กรามอย่าง ๑ รวมเรียกว่าฟัน ฟันน้ำนม มีด้วยกันทั้งหมด ๒๐ ซี่ ฟันแท้ มีด้วยกันทั้งหมด ๓๒ ซี่ จะขึ้นมาแทนฟันน้ำนมจนครบ เมื่ออายุประมาณ ๒๕ ปี ฟันทำหน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหาร
อีกนัยหนึ่งแบบโบราณบุคคลที่ครบบริบูรณ์จะมีจำนวนฟัน ๓๒ ซี่ บางคนมีจำนวน๒๗ซี่ หรือ๒๘ ซี่โดยมีสีขาวดุจดอกไม้ ฟันหน้า ๔ ซี่เหมือนเมล็ดในน้ำเต้าปักวางไว้บนดิน เขี้ยวทั้ง ๔ เหมือนดอกมะลิตูม กรามถัดจากเขี้ยวเข้าไปข้างในปากนั้นข้างละซีมีลักษณะเหมือนกับไม้ค้ำเกวียนปลายรากเป็น ๒ ง่าม ข้างบนก็เป็น ๒ ง่าม กรามถัดเข้าไปในปากเป็น ๓ ง่าม ถัดเข้าไปเป็น ๔ ง่ามรวมกรามด้านบน ๓ ซี่ ด้านล่าง ๓ ซี่ รวมด้านซ้าย ๖ ซี่ด้านขวา ๖ ซี่ เขี้ยว๔ ซี่ ฟันหน้า (บนและล่าง) ๘ ซี่รวม ๒๔ ซี่ ส่วนที่เหลือเป็นฟันแซม
๕.ตะโจ (หนัง)
คือหนัง ตามตำราเข้าใจว่าหมายถึง ที่หุ้มกายภายนอก ซึ่งมี ๓ ชั้น คือ หนังหนา หนังชั้นกลาง หนังกำพร้า แต่ที่จริงหนังในปาก เป็นหนังเปียกอีกชนิด ชั้นของผิวหนัง แบ่งได้ 3ชั้น หนังกำพร้า) นั้นจะประกอบด้วยชั้นของผิว 5 ชั้นด้วยกัน ซึ่งจะมีเซลล์เคลื่อนผ่านแต่ละชั้นขึ้นมาแทนที่เซลล์ที่ตายบนชั้นนอกสุด ซึ่งหลุดกลายเป็นขี้ไคลไป
หนังแท้) ประกอบด้วยตาข่ายของเส้นใยโปรตีน ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ในคนแก่ความยืดหยุ่นตึงตัวของผิวหนังจะหายไป ในชั้นนี้จะมีหลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง แลประกอบด้วยปลายประสาท ต่อมต่างๆ รวมทั้งรูขนจำนวนมากมาย
ชั้นใต้หนังแท้) ประกอบด้วย เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (เนื้อเยื่อที่ยึดเซลล์ต่างๆ ให้เกาะติดกันได้) หลวมๆ น้ำและเซลล์ไขมันทำหน้าที่เป็นเหมือนฉนวนกันความร้อน เป็นเบาะหนุนส่วนกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ตลอดจนเป็นแหล่งสะสมพลังงานของร่างกาย เป็นส่วนที่ปกคลุมกายภายนอก(เนื้อ,ไขมัน,ผังผืด) มิให้เปื่อยพัง
อีกนัยหนึ่งแบบโบราณทางศาสนาว่า ผิวเบื้องบนจะมีหลายสีคือสีหม่น สีขาว สีเหลือง หรือสีแดงในแต่ละส่วนของร่างกาย และสัณฐานหรือรูปร่างแตกต่างกันไปในแต่ละส่วนของร่างกายคือ
- หนังนิ้วเท้าเหมือนดั่งรังไหม
- หนังเท้าเหมือนกับหนังเกือกหุ้มทั้งหัวเท้าตลอดส้นเท้า
- หนังแข้งเหมือนกับใบตาลห่อของแขวนไว้
- หนังขาเปรียบกับถุงยาวใส่ข้าวสาร
- หนังสะโพกเหมือนกับผ้ากรองน้ำบรรจุน้ำไว้เต็มผ้า
- หนังสันหลังเหมือนกับแผ่นกระดาน
- หนังท้องเหมือนกับรางพิณ
- หนังอกเป็นสี่เหลี่ยม
- หนังแขนเหมือนแล่งธนู
- หนังมือเหมือนกับฝักมีดโกน
- หนังนิ้วมือเหมือนกับลูกกุญแจ
- หนังคอเหมือนกับปกเสื้อ
- หนังปากเป็นปรุช่องเหมือนกับรังตั๊กแตนและหนังศีรษะเหมือนกับถลกบาตร
หนังทุกชนิดมีหน้าที่หลักคือ
- ป้องกัน ช่วยป้องกันอันตรายจากแสง และความร้อนไม่ให้ผ่านเข้าสู่ ร่างกายมากเกินไป และช่วยป้องกันไม่ให้มีการระเหยของน้ำออกจากร่างกายมากเกินไป
- เป็นด่านป้องกันเชื้อโรคชนิดต่างๆและสารพิษไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย
- การรับความรู้สึก ผิวหนังประกอบด้วยอวัยวะรับความรู้สึกมากมายหลายชนิดเช่น อวัยวะรับความรู้สึกเกี่ยวกับ การสัมผัส ความเจ็บปวด ความร้อน เย็น
- ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยการทำงานของต่อมเหงื่อ กลุ่มร่างแหของหลอดเลือดฝอยและ ไขมันที่อยู่ในชั้นใต้ผิวหนังทำให้อุณหภูมิของร่างกายคงที่
- เป็นตัวไฟอุ่นกายหรือปัจจุบันเรียก metabolism ของร่างกาย โดยเป็นแหล่งเก็บสะสมพลังงานไว้ในรูปของไขมันใต้ผิวหนังและเซลล์ในชั้นหนังกำพร้ายังช่วยสร้างวิตามินดีให้กับร่างกาย
ในการศาสนาแบ่งไว้เพื่อให้เรียนรู้ผัสสะ ที่กระทบ โบราณจึงถือเป็นธาตุไฟ เมื่อไม่สบายป่วยไข้จึงมีผลกับผิวโดยตรง เช่นกำเดาเมื่อพิการให้ปวดแสบผิว ร้อนกาย กระหายน้ำ ตามัว ถ้าปล่อยไว้นานจะดำเนินโรคไปทางไฟทุกคำภีร์ เช่นกษัยเพลิง เรื้อนเพลิง เป็นต้น
ว่าจะย่อๆ พอเข้าใจกลับยาวไปอีก พรุ่งนี้เจอธาตุดินอีก ๕ ตัวในระบบน้ำกันค่ะ
รวบรวมโดย อ. ปณิตา ถนอมวงษ์
1
โฆษณา