28 ก.ค. 2020 เวลา 12:30 • ธุรกิจ
วิตวอเตอร์สแรนด์ พื้นที่แห้งแล้งแต่อุดมด้วยทองคำ มากที่สุดในโลก
ทองคำ แร่ธาตุชนิดเดียว ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ของแทบทุกประเทศในโลก เพราะอย่างในประเทศไทย หากต้องการผลิตเงินธนบัตรหนึ่งใบ ก็ต้องมีทองคำสำรองเสียก่อน
ฉะนั้น ประเทศที่มีทองคำสำรองมาก จึงมีความมั่งคั่งเป็นอย่างมาก และในช่วงเวลาที่ราคาทองคำพุ่งแรงแบบนี้ ตลาดทองคำจึงเป็นอะไรที่น่าจับตองมองเป็นที่สุด
รู้ไหม ประเทศไหนบ้างที่มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก ?
อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา มีปริมาณทองคำสำรอง 8,133 ตัน
อันดับ 2 เยอรมณี มีปริมาณทองคำสำรอง 3,369 ตัน
อันดับ 3 อิตาลี มีปริมาณทองคำสำรอง 2,451 ตัน
อันดับ 4 ฝรั่งเศส มีปริมาณทองคำสำรอง 2,436 ตัน
อันดับ 5 รัสเซีย มีปริมาณทองคำสำรอง 2,150 ตัน
(ข้อมูลปี 2019 รวบรวมโดย Business Insider)
แม้สหรัฐอเมริกา จะมีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาผลิตทองคำได้มากที่สุดในโลก
เพราะจากข้อมูลในปี 2019 ประเทศที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในโลกคือ ประเทศจีน ผลิตทองคำได้ถึง 400 ตัน
รองลงมาคือประเทศออสเตรเลีย ผลิตทองคำได้ 310 ตัน
และรัสเซีย ผลิตทองคำได้ 295 ตัน
ขณะที่สหรัฐอเมริกา ผลิตทองคำได้ 210 ตัน
รู้ไหมว่าประเทศผู้อิทธิพลเหล่านี้ ไม่ได้มีแหล่งแร่ทองคำมากที่สุดในโลก เพราะแหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่บน “ที่ราบวิตวอเตอร์สแรนด์”
แล้วที่ราบวิตวอเตอร์สแรนด์อยู่ที่ไหน มีความน่าสนใจอย่างไร ผู้เขียนจะพาไปทำความรู้จักกัน..
ย้อนกลับไปปี พ.ศ. 2448 จุดแรกเริ่มในการผลิตแร่ทองคำของแอฟริกาใต้ ซี่งปัจจุบัน แอฟริกาใต้กลายเป็นแหล่งแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งแหล่งแร่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ว่านี้ ก็อยู่บนแอ่งที่ราบวิตวอเตอร์สแรนด์
ว่ากันว่าบนพื้นที่แห่งนี้ ผลิตทองคำมายาวนานนับ 100 ปี ซึ่งผลผลิตที่ออกมา มีน้ำหนักรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 41,000 ตัน
แต่ที่น่าสนใจ รู้ไหมว่าวิตวอเตอร์สแรนด์ มีสภาพภูมิประเทศค่อนข้างที่จะแห้งแล้ง ขณะเดียวกันก็มีหมู่บ้านและเมืองกระจายไปตามพื้นที่ต่าง ๆ
แล้วทำไมวิตวอเตอร์สแรนด์ถึงไม่ได้เป็นผู้ผลิตแร่มากที่สุดในโลก ?
เมื่อย้อนกลับไปในอดีต แอฟริกาเป็นทวีปเก่าแก่ที่มีความเป็นมาอย่างช้านาน ภูมิประเทศทางตอนเหนือส่วนใหญ่จะเป็นที่สูง และตอนใต้มีภูมิอากาศแห้งแล้ง ส่วนภาคกลางก็เป็นเขตป่าดงดิบ
จึงเป็นอุปสรรคต่อการตั้งถิ่นฐาน และชาวยุโรปก็ให้ความสนใจกับทวีปนี้น้อย ประกอบกับชาวพื้นเมือง ที่ส่วนใหญ่มีพัฒนาการทางวิชาการและเทคโนโลยีสมัยใหม่น้อย เป็นไปอย่างเชื่องช้า
อีกเหตุผลทางอ้อมก็คือสงครามจิตวิทยาเรื่องการแบ่งแยกสีผิว ซึ่งด้วยเหตุผลหลายประการทั้งที่กล่าวมาและไม่ได้กล่าวมานี้ ความสนใจจากนักลงทุนส่วนใหญ่ในแอฟริกาใต้จึงมีน้อยนั่นเอง..
ถ้าหากเทียบลำดับเวลาในอดีต ดินแดนสหรัฐฯ ได้เริ่มค้นพบแร่ทองคำครั้งแรกในปี พ.ศ. 2396 ขณะที่แอฟริกามีการเริ่มผลิตแร่ทองคำในปี พ.ศ. 2448 เป็นเวลากว่า 50 ปีที่การค้นพบจะมาถึงทวีปแห่งนี้
แล้วถ้าชนพื้นเมืองเจ้าของพื้นที่วิตวอเตอร์สแรนส์ มีความรู้ความสามารถ ตลอดจนวิทยาการสมัยใหม่ และเข้าใจถึงการทำธุรกิจเพียงพอกว่าคนในประเทศอื่นๆ ที่ก้าวไปไกลกว่า
จะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมาพวกเขาก็มีแร่ทองคำมากที่สุดในโลกอยู่แล้ว และพวกเขาก็อาจจะมีทรัพย์สมบัติอย่างทองคำในมือ มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นได้..
นี่แหละที่เขาว่ากันว่า “คนบางกลุ่มมักจะไขว่คว้าในสิ่งที่ตนเองไม่มี ในขณะที่คนบางกลุ่มมองไม่เห็นในสิ่งที่ตนเองมี..”
ทว่าในกรณีศึกษาของทองคำบนที่ราบวิตวอเตอร์สแรนส์ ไม่ใช่ว่าเจ้าของถิ่นไม่รู้จักใช้สมบัติของตัวเองเสียทีเดียว เพราะทองคำมากกว่า 40,000 ตันที่ขุดขึ้นมา เป็นสัดส่วนเพียงแค่ไม่เท่าไหร่จากทั้งหมด
ฉะนั้นจึงหมายความว่า ในอนาคตประเทศแอฟริกาใต้ยังเหลือทองคำไว้ขุดใช้อีกอย่างมหาศาล..
ปิดท้ายกันด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ..
เนื่องจากการค้นพบทองคำบนวิตวอเตอร์สแรนด์แห่งนี้ มีปริมาณมหาศาล เมื่อปี 2504 สกุลเงินของแอฟริกาใต้จึงได้รับการตั้งชื่อว่า “แรนด์” ตามที่มาของวิตวอเตอร์สแรนด์ นั่นเอง..
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
Picture
CNBC
โฆษณา