27 ก.ค. 2020 เวลา 17:02 • การเกษตร
การปลูกพริกไทยในกระถางกับประโยชน์50ข้อ
ต้นพริกไทยเป็นต้นไม้ที่มีอายุยืน จัดอยู่ในประเภทไม้เลื้อย สูงประมาณ 5 เมตร ลักษณะของลำต้นจะเป็นข้อ ๆ ลักษณะของใบพริกไทยจะมีสีเขียวสด ใบใหญ่คล้ายใบโพ ส่วนลักษณะของดอกพริกไทยจะมีขนาดเล็ก จะออกช่อตรงข้อของลำต้น มีลักษณะเป็นพวง ซึ่งจะมีเมล็ดกลม ๆ ติดกันอยู่เป็นพวง มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย บริเวณเทือกเขาทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับบ้านเราพริกไทยถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง โดยนิยมปลูกพริกไทยกันมากในจังหวัดจันทบุรี ตราด และระยอง
ประโยชน์ของพริกไทย
เมล็ดพริกไทยมีสารฟีนอลิกและสารพิเพอรีน ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (เมล็ด)
เมล็ดพริกไทยมีสารพิเพอรีน (Piperine) ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ที่มีส่วนช่วยรักษาและป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้ (อ้างอิง : รศ.ดร.อรุณศรี ปรีเปรม อาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์) (เมล็ด)
ช่วยป้องกันและต่อต้านสารก่อมะเร็ง ช่วยเร่งการทำงานของตับให้ทำลายสารพิษได้มากขึ้น (เมล็ด)
เมล็ดพริกไทยมีฤทธิ์ในการช่วยกระตุ้นประสาท (เมล็ด)
ช่วยแก้โรคลมบ้าหมูหรือลมชักได้ (เมล็ด)
ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (เมล็ด)
ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทำให้ลิ้นของผู้สูงอายุรับรสได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ (เมล็ด)
ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายและเสริมภูมิต้านทานไปด้วยในตัว (เมล็ด)
ช่วยแก้ตาแดงเนื่องจากความดันโลหิตสูง(ดอก)
1
ช่วยระงับอาเจียน (ดอก)
ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้พริกไทย พริกหาง นำมาบดเป็นผงผสมยาขี้ผึ้ง แล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ นำมาใช้อุดฟันตรงบริเวณที่ปวด (เมล็ด)
ช่วยขับเสมหะ เปิดคอให้โล่งขึ้น (เมล็ด)
ช่วยแก้เสมหะในทรวงอก แก้ลมพรรดึก (เถา)
ช่วยบรรเทาอาการและแก้อาการไอ หอบหืด สะอึก (เมล็ด)
ช่วยแก้อติสารหรืออาการลงแดง (เถา)
ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ (ราก)
ช่วยแก้หวัดและลดไข้ (เมล็ด)
ช่วยแก้ไข้เรื้อรัง ด้วยการใช้พริกไทยดำ ใบบัวบกแห้ง ใบกะเพราแห้ง อย่างละเท่า ๆ กัน นำมาบดเป็นผง ปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ กินครั้งละ 1 เม็ด เช้าและเย็น
ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยเพิ่มการสูบฉีดโลหิตเข้าใจ (เมล็ด)
พริกไทยดำสามารถช่วยละลายลิ่มเลือดและลดการจับตัวเป็นก้อนได้ (อ้างอิง : The central food technological research institute)
ช่วยกระตุ้นการขับเหงื่อออกจากร่างกาย เมื่อเหงื่อระเหยออกจากผิวแล้ว จะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกเย็นสบายมากยิ่งขึ้น (เมล็ด)
พริกไทยดําช่วยรักษาโรคกระเพาะและลำไส้
ช่วยแก้อาการปวดมวนท้อง (ใบ, ราก)
ช่วยรักษาอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงและท้องเดินหลาย ๆ ครั้ง (เถา)
ช่วยลดการเกิดก๊าซในระบบทางเดินอาหาร จึงช่วยแก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ (ใบ, เมล็ด)
ช่วยแก้ลมอัมพฤกษ์ ขับลมในกระเพาะ (ใบ,เมล็ด,ราก)
ช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำลายและน้ำย่อยในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร แก้อาการอาหารไม่ย่อย ช่วยย่อยสารพิษตกค้างที่ไม่สามารถย่อยได้ (เมล็ด, ราก)
ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น (ดอก)
ช่วยบรรเทาหรือผ่อนคลายอาการไม่สบายจากอาหารเป็นพิษจากอาหารทะเลและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ (ดอก)
ช่วยขับปัสสาวะ (เมล็ด)
ช่วยแก้ระดูขาว (เมล็ด)
ช่วยแก้อาการอักเสบและโรคอื่น ๆ (พริกไทยดำ)
แก้ตะขาบกัด ด้วยการใช้ผงพริกไทยโรยบริเวณแผลที่ถูกกัด (เมล็ด)
ช่วยรักษาอาการเมื่อยขบ เป็นเหน็บชาง่ายในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว โดยใช้พริกไทย น้ำกะทิ และไข่ไก่ ตีให้เข้ากันแล้วตุ๋นจนสุก และนำพริกไทยขาวเข้าเครื่องยากับเปลือกไข่ไก่ นำไปผิงไฟให้เหลือง แล้วนำมาบดเป็นผงผสมกับน้ำต้มสุก และยังช่วยรักษาอาการชักจากการขาดแคลเซียมได้อีกด้วย
รักษากระดูกหัก ด้วยการใช้พริกไทย 5 เมล็ด เปลือกต้นของสบู่ขาว และต้นส้มกบ นำมาตำผสมเหล้าขาวแล้วผัดให้อุ่น พอกให้หนา และใช้ไม้พันผ้าให้แน่น
พริกไทยสรรพคุณใช้ทำเป็นยาแก้ผอมแห้งแรงน้อย ด้วยการใช้พริกไทยขาว ข้าวสารคั่วเกลือทะเล อย่างละเท่า ๆ กัน นำมาบดจนเป็นผงและปั้นผสมกับน้ำผึ้ง ขนาดเท่าเมล็ดพุทรา รับประทานก่อนอาหารเช้า เย็น และก่อนนอน ครั้งละ 1 เม็ด จะช่วยทำให้สุขภาพอนามัยดีขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 3 เดือน
พริกไทยเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคุณแม่มือใหม่ เพราะช่วยทำให้น้ำนมของแม่เพิ่มขึ้น (อ้างอิง : ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรระดับ 6 รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร)
พริกไทยเป็นอาหารที่เหมาะอย่างมากสำหรับคนธาตุเจ้าเรือนเป็นธาตุลม (พฤษภาคม-กรกฎาคม) ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจ็บป่วยต่าง ๆ ได้
ช่วยทำให้ผิวสวย ด้วยการใช้พริกไทย ขมิ้นอ้อย กระชาย แห้วหมู นำมาทุบแล้วดองด้วยน้ำผึ้ง นำมารับประทานก่อนนอนทุกวัน จะช่วยทำให้ผิวสวยใสมากยิ่งขึ้น
พริกไทยมีวิตามินซีสูง ช่วยปกป้องผิวจากการถูกคุกคามจากแสงแดด
ช่วยป้องกันการหลับใน เมื่อขับรถเหนื่อย ๆ หรือง่วงนอน การได้กลิ่นของพริกไทยจะช่วยทำให้รู้สึกตื่นตัวมากยิ่งขึ้น
น้ำมันพริกไทยสามารถช่วยลดน้ำหนักตัวได้ และยังสามารถใช้นวดส่วนที่ต้องการลดได้
สูตรสมุนไพรหลายชนิดที่นิยมนำมาปรุงเป็นยาอายุวัฒนะ มักมีพริกไทยรวมอยู่ด้วย
สมุนไพรพริกไทยพริกไทยดำมีสรรพคุณช่วยต่อต้านความอ้วน เพราะมีสารพิเพอรีนที่มีรสฉุนและเผ็ดร้อน จึงช่วยขัดขวางไม่ให้เซลล์ไขมันใหม่ก่อตัวขึ้น
เมล็ดพริกไทยดำและพริกไทยขาว นิยมนำมาใช้ทำเป็นเครื่องเทศเพื่อใช้แต่งกลิ่นอาหาร ทำให้อาหารน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น (เมล็ดพริกไทย)
พริกไทยอ่อนช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ในอาหารได้ เช่น ผักเผ็ดปลาดุก ผัดเผ็ดหมูป่า
พริกไทยช่วยถนอมอาหารประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ให้เก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น
น้ำมันหอมระเหยจากพริกไทยช่วยรักษาผู้ที่ติดบุหรี่ โดยจะช่วยลดความอยากและลดความหงุดหงิดลงได้
ในปัจจุบันพริกไทยดำได้ถูกนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย (Black pepper oil) ซึ่งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต้านพิษต่าง ๆ ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยในการย่อยอาหาร รักษาโรคกระเพาะ ใช้เป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดอาการกล้ามเนื้อกระตุก ช่วยกระตุ้นกำหนัด ขับเหงื่อ ลดไข้ และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท (น้ำมันพริกไทย)
เราสามารถเพาะปลูกพริกไทยเองได้ 2 วิธีคือ การเพาะเมล็ด และการปักชำ ในที่นี้ขอพูดถึงวิธีปักชำซึ่งจะรวดเร็วกว่าวิธีเพาะเมล็ดดังนี้
1.ทำภาชนะเพาะชำจากขวดน้ำรียูส ใช้ขวดพลาสติกที่ใช้แล้วขนาดลิตร 1.25 ขึ้นไปล้างให้สะอาด ใช้มีดคัตเตอร์ตัดขวดพลาสติกโดยวัดความสูงจากก้นขวดให้ยาวประมาณ 6 นิ้ว จากนั้นเจาะรูที่ก้นขวดสัก 6 รูเพื่อไว้ระบายน้ำ
2. ใช้ขี้เถ้าแกลบ (แกลบดำ) 1 ส่วน ดินดำ 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักดินที่ผสมแล้วใส่ในขวดที่เตรียมไว้ให้เต็ม แล้วเคาะดินให้แน่นใช้บัวรดน้ำให้ดินชุ่ม
3. นำกิ่งพันธุ์พริกไทย โดยใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่ง ตัดเฉียงกึ่งกลางข้อปล่อง ให้มีข้อปล่องตั้งแต่ 4 ปล้องขึ้นไปเหลือใบยอดไว้ประมาณ 1-3 ใบ ปักลงในดินที่เตรียมไว้ในขวดเพาะที่เตรียมไว้ โดยให้ข้อปล่องข้อที่ 2 จมลงในดิน แล้วใช้นิ้วกดรอบ ๆ กิ่งชำให้แน่น
4. นำถุงพลาสติกใสขนาด 6 x 11 นิ้ว ครอบกิ่งชำลงไป ถึงกึ่งกลางภาชนะขวด เสร็จแล้วเอาหนังยางรัดให้แน่น เพื่อป้องกันการคายน้ำของต้นพริกไทย นำไปวางเรียงไว้ในที่ร่ม ประมาณวัน 30 วันจะเห็นรากพริกไทยงอกและยอดพริกไทยเริ่มเจริญเติบโต ก็เอาหนังยางออกแต่ยังไม่ต้องนำถุงพลาสติกออกปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน ค่อยดึงถุงพลาสติกออก ก็จะได้ต้นพริกไทยต้นใหม่แล้ว
5. นำต้นพริกไทยที่ได้ ไปปลูกในภาชนะที่เหมาะสม ไว้เป็นไม้ประดับภายในบ้านก็ได้ เป็นพืชผักสวนครัว สมุนไพรไทยก็ดี
6. สำหรับการปลูกพริกไทยในภาชนะ ก็จะใช้ดินดำ 1 ส่วน ปุ๋ยคอกมูลวัว 1 ส่วน และแกลบดิบ 2 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วนำไปปลูกพริกไทยต่อไป
การปลูกพริกไทยในกระถาง มีข้อดีคือ
1. ใช้พื้นที่น้อย มีพื้นที่จำกัดหรือไม่มีพื้นที่ดินเลยก็ปลูกได้
2. เจริญเติบโตและให้ผลผลิตเร็ว
3. ยกหรือเคลื่อนย้ายไปวางไว้มุมไหนของบริเวณบ้านก็ได้
4. ใช้เป็นไม้ประดับได้
5. มีพริกไทยไว้บริโภคตลอดปี
6. ให้เป็นของกำนัลและของฝากได้
7. สร้างรายได้ โดยยกขายต้นพริกไทยทั้งกระถาง พร้อมออกดอกติดผลกระถางละ 500 บาท
วัสดุอุปกรณ์และวิธีการปลูกพริกไทยในกระถาง
1. กระถาง ที่ใช้ปลูกพริกไทยควรเป็นกระถางที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไป ผลผลิตของพริกไทยจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดกระถาง กระถางย่อมให้ผลผลิตมากกว่า ถ้าหากเป็นกระถางเคลือบมีลายสวยงามก็ สามารถเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นได้ ถ้าหากเป็นภาชนะที่ใช้แล้วควรจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 12 นิ้วขึ้นไป เช่น ถังบรรจุสีขนาด 20 ลิตร ก็เพียงพอสำหรับปลูกพริกไทยไว้บริโภคตลอดทั้งปีได้ ( แต่ต้องเจาะรูก้นถังเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้วจำนวน 3 รู )
2. วัสดุปลูก พริกไทยชอบดินที่ร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุมาก โดยใช้
• ดินดำหรือหน้าดิน 1 ส่วน
• ปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายแล้วหรือปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน
• แกลบดิบ (เปลือกข้าว) เก่าที่สีเริ่มเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีเทา 2 ส่วน
ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไปปลูกพริกไทยในกระถาง
3. พันธุ์พริกไทย สามารถปลูกพริกไทยได้ทุกสายพันธุ์ในกระถาง แต่พันธุ์ที่แนะนำคือพันธุ์จันทบุรีให้ผลผลิตเร็ว ออกดอกติดผลตลอดปีเมล็ดโตและเป็นพริกไทยขาว เหมาะสำหรับปลูกในภาชนะ
4. ใช้เศษกระถางที่แตกรองก้นกระถางหรือภาชนะที่ใช้ปลูก เพื่อให้การระบายน้ำดี ตักดินปลูก ใส่ลงไปในกระถางหรือภาชนะ ประมาณ 1 ใน 3 ส่วน นำต้นพริกไทยที่เตรียมไว้ลงปลูก โดยเอาถุงพลาสติกออกก่อนอย่าให้ดินแตก หรือใช้มีดคัตเตอร์กรีดก้นถุงก่อน แล้วนำลงวางจากนั้นจึงกรีดถุงตามความยาว และค่อย ๆ ดึงถุงออก จากนั้นตักดินปลูกลงกลบ ให้เหลือขอบกระถางประมาณ 3 นิ้ว ใช้ใบไม้แห้งกลบทับอีกชั้นหนึ่ง ใบจามจุรีหรือใบก้ามปูดีที่สุด ปักไม้ผูกเชือกกันลมโยก แล้วจึงรดน้ำตาม นำไปวางไว้บนซีเมนต์บล็อก หรือฟุตบาทซีเมนต์ แสงแดดร่มรำไร
แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, เว็บไซต์เดอะแดนดอทคอม, งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), วารสาร “เกษตรกรรมและเคมีอาหาร” ของสหรัฐฯ
เว็บไซต์ Mthai.com
โฆษณา