28 ก.ค. 2020 เวลา 04:12 • กีฬา
เอ็ดดี้ ฮาว : ชายผู้สร้างประวัติศาสตร์แก่บอร์นมัธ
สิ้นสุดห้าฤดูกาลบนพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ของกุนซือวัยหนุ่มที่มีนามว่า ‘เอ็ดดี้ ฮาว’ ชายผู้เริ่มงานโค้ชตั้งแต่วัยเพียง 31 ปี พาทีมฟุตบอลเล็กๆ ในเมืองเล็กริมชายทะเลอย่างบอร์นมัธ ให้รอดตกชั้นจากลีกทู จนกระทั่งสร้างบอร์นมัธให้ขึ้นมาสู่ลีกสูงสุด และอยู่รอดบนพรีเมียร์ลีกยาวนานถึงห้าฤดูกาล ก่อนจะพลาดตกชั้นไปในฤดูกาล 2019/20 นี้
แต่ถึงอย่างนั้นชื่อของเอ็ดดี้ ฮาว ก็ยังการันตีความเป็นกุนซือหนุ่มฝีมือดี ที่ถูกคาดว่าจะได้ทำงานกับทีมในพรีเมียร์ลีกต่อไป แต่ก่อนที่เขาจะมาถึงวันนี้มีเรื่องราวมากมายได้เกิดขึ้น ทั้งเรื่องร้ายและดี ที่หล่อหลอมเป็นตัวตนให้เขามาไกลถึงวันนี้ เราจะนำทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของเอ็ดดี้ ฮาว กับเส้นทางสู่ยอดกุนซือรุ่นใหม่
หลายครั้งหลายหนที่บิ๊กทีมในพรีเมียร์ลีกปลดกุนซือออกจากตำแหน่ง ชื่อของเอ็ดดี้ ฮาว มักจะถูกจับมาเป็นแคนดิเดต ที่จะเข้ามาเป็นกุนซือคนใหม่ของทีมเหล่านั้นอยู่เสมอ ด้วยฝีไม้รายมือการคุมทีมของเขานั้น ไปเตะตาให้บรรดาทีมยักใหญ่หันมามอง เพราะเขาสามารถคุมทีมเล็กอย่างบอร์นมัธให้เป็นทีมที่มีวิธีการเล่นที่สวยงาม และมีผลงานที่ดีเกินตัว
1
เอ็ดดี้ ฮาว ขึ้นชื่อว่าเป็นมิสเตอร์บอร์นมัธตัวจริง ด้วยความที่เขานั้นเป็นลูกหม้อของทีมตั้งแต่ระดับเยาวชน กระทั่งก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ และกลายมาเป็นกุนซือผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้บอร์นมัธ เรียกได้ว่าทุกการเติบโตของเขา มีบอร์นมัธเป็นส่วนสำคัญ
*เกินจะฝืนทนอีกต่อไป
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นเอ็ดดี้ ฮาว นั้นเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลด้วยการเป็นเด็กฝึกของบอร์นมัธ ก่อนจะก้าวขึ้นไปเล่นกับทีมชุดใหญ่ตามลำดับ เขาเล่นกับบอร์นมัธในช่วงที่อยู่ในลีกรองอย่างดิวิชันสอง (ลีกวันในปัจจุบัน) เส้นทางการค้าแข้งของเขาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการรับใช้บอร์นมัธ
ชีวิตค้าแข้งของเขาไม่ได้มีอะไรที่หวือหวา เขาเป็นเพียงนักฟุตบอลคนหนึ่งที่เล่นอยู่ในลีกรอง ทำงานหนักเพื่อแรกกับเงินค่าจ้างเพียงน้อยนิด หากเทียบกับนักเตะระดับพรีเมียร์ลีกแล้ว เงินที่เขาได้นั้นห่างกันหลายสิบเท่า ด้วยเงินค่าจ้างอันน้อยนิดที่ได้มานั้น เขายิ่งควรจะต้องทำงานให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นหนทางหล่อเลี้ยงชีวิตของเขาและครอบครัวให้มีกินมีใช้ในระยะยาว
เขาควรจะเล่นฟุตบอลได้อย่างน้อยก็ไปถึงอายุสามสิบปลาย อย่างนักเตะคนอื่นๆ แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น เอ็ดดี้ ฮาว ที่เพิ่งจะมีอายุเพียง 24 ปี เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างหนัก จากเกมแรกที่เขาย้ายไปเล่นให้กับพอร์ทสมัธ ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2001/02 ทำให้เขาต้องพักยาวไปจนจบฤดูกาล
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพียงเกมแรกหลังจากที่เขาหายเจ็บกลับมา เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าซ้ำอีกครั้ง ซึ่งมันส่งผลให้เขาต้องพักไปตลอดทั้งฤดูกาล 2002/03 ก่อนที่ฤดูกาลถัดมาเขาจะถูกปล่อยให้สวินดอน ทาวน์ ยืมไปใช้งาน ทว่าอาการบาดเจ็บที่มีติดตัว ทำให้เขาไม่ได้ลงเล่นแม้แต่เกมเดียว
ตลอดระยะเวลาสองปีกว่าที่เอ็ดดี้ ฮาว ย้ายออกจากบอร์นมัธ บวกรวมแล้วเขายังลงเล่นได้ไม่ถึง 90 นาทีเสียด้วยซ้ำ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาอาการบาดเจ็บ และกำลังจะกลายเป็นนักเตะที่หมดประโยชน์ไปเสียแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นบ้านหลังเก่าอย่างบอร์นมัธ ก็ยังอ้าแขนต้อนรับดึงเขากลับสู่บ้านหลังนี้อีกครั้ง เขากลับมาเล่นในสีเสื้อบอร์ดมัธอยู่สามฤดูกาล ทว่าอาการเจ็บครั้งนั้นมันลดทอนศักยภาพของเขาลงไปมาก เขาไม่สามารถกลับมาเล่นได้ดีเหมือนเดิม และเขาไม่อาจทนฝืนความเจ็บปวดนี้ได้อีกต่อไป เพราะยิ่งเขาฝืนนานมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อชีวิตเขาในวันข้างหน้ามากเท่านั้น ทำให้ต้องตัดใจทิ้งฟุตบอลที่เขารักมากที่สุดไปด้วยวัยเพียง 29 ปี
“มันยากจริงๆ เมื่อผมกลับมา ผมไม่สามารถเป็นเหมือนเดิมได้”
“ผมไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่มากนัก ในการเล่นลูกกลางอากาศผมจึงต้องกระโดดให้สูง และมันเคยเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของผม”
“แต่เมื่อผมกลับมา ผมไม่สามารถกระโดดได้เหมือนเดิม ผมต้องต่อสู้กับตัวเอง ผมสูญเสียความสามารถที่ผมเคยมี” เอ็ดดี้ ฮาว เล่าถึงอาการบาดเจ็บของเขา
มันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับชีวิตนักฟุตบอลคนหนึ่ง เมื่อร่างกายของเขาไม่สามารถใช้ทำงานที่เขารักได้อีกต่อไป จริงอยู่ว่าในสักวันเขาก็จะต้องเลิกเล่น แต่มันยังไม่ควรเป็นตอนนี้ ในช่วงอายุที่เขาควรจะยังใช้ร่างกาย ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
*ทางเดินใหม่ที่ไม่เคยวาดฝัน
“ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีอยู่เสมอ” ประโยคนี้อาจจะจริงก็เป็นได้ บางครั้งชีวิตที่ดูเหมือนว่ากำลังเล่นตลกกับเราอยู่ อาจจะนำพาเราไปพบกับทางเดินใหม่ที่ใช่สำหรับเราที่สุด เช่นเดียวกันกับชีวิตของเอ็ดดี้ ฮาว เมื่อเส้นทางนักเตะไม่สามารถไปต่อได้ เขาจึงต้องเลือกทางเดินใหม่ที่ยังได้ทำในสิ่งที่รัก
ฮาวเริ่มงานใหม่ด้วยการเป็นผู้ช่วยโค้ชในทีมชุดใหญ่ และเป็นโค้ชทีมสำรองของบอร์นมัธในปี 2007 ซึ่งมันเป็นงานที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าเขาจะทำได้ และไม่คิดว่าตนเองจะทำมันได้ดี
“เมื่อโตขึ้นผมมักเป็นคนขี้อาย ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเสมอ” ฮาวยอมรับ “ผมไม่เคยต้องการที่จะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ และมันก็ไม่เคยเปลี่ยนเมื่อผมกลายเป็นนักฟุตบอล”
“ผมรู้สึกว่าการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลอาจจะไม่เหมาะกับผม เพราะผมคิดว่างานนี้จะต้องทำให้ตัวเองอยู่ในที่ที่เป็นจุดสนใจอยู่เสมอ ซึ่งผมไม่สามารถจะเป็นคนเก็บตัวได้ในบทบาทนี้”
“แต่ผมพบว่าเมื่อผมเริ่มการฝึกซ้อม ผมมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผู้เล่น และต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากการฝึกซ้อมให้ดีที่สุด” ฮาวเล่าถึงการเป็นผู้จัดการทีม เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะทำงานนี้
แต่ด้วยปัญหาทางการเงินทำให้ในฤดูกาล 2007/08 บอร์นมัธถูกหักแต้มไปถึง 10 คะแนน จนทำให้ต้องตกชั้นไปเล่นในลีกทู ไม่หนำซ้ำในฤดูกาล 2008/09 พวกเขาต้องเริ่มฤดูกาลด้วยการถูกหักแต้มไปถึง 17 คะแนน ส่งผลให้เมื่อแข่งไปจนถึงช่วงปลายเดือนธันวาคม ปี 2008 บอร์นมัธยังคงจมอยู่ในโซนท้ายตาราง โดยไม่มีทีท่าว่าจะอยู่รอดในลีกทูได้
ด้วยเหตุนี้จึงนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม และเป็นเอ็ดดี้ ฮาว ในวัย 31 ปีที่เข้ามารับงานขัดตาทัพ แต่ทว่าผลงานตั้งแต่ฮาวเข้ามาคุมทีมนั้น ฟอร์มของบอร์นมัธพลิคจากหน้ามือเป็นหลังมือ เก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำ จนทำให้บอร์นมัธมอบสัญญาถาวรให้กับเขา จนท้ายที่สุดเมื่อจบฤดูกาล เขาสามารถพาบอร์นมัธรอดตกชั้นในฤดูกาลนั้นได้สำเร็จ
ความร้อนแรงของบอร์นมัธภายใต้มันสมองของเอ็ดดี้ ฮาว ยังคงรักษาฟอร์มเก่งอย่างต่อเนื่อง จากทีมหนีตกชั้นในฤดูกาลที่แล้ว แต่ในฤดูกาล 2009/10 บอร์นมัธของฮาว กลับสามารถคว้าอันดับที่สอง เลื่อนชั้นกลับขึ้นสู่ลีกวันได้สำเร็จ
แต่ในฤดูกาล 2010/11 ฮาวคุมบอร์นมัธอยู่เพียงครึ่งฤดูกาล ก่อนที่เขาจะได้รับข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธ ในการได้คุมทีมอย่างเบิร์นลี่ย์ ในเดอะแชมป์ชิพ เขาคุมเบิร์นลีย์อยู่หนึ่งฤดูกาลครึ่ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจลาออก ด้วยปัญหาครั้งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
*ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าครอบครัว
เอ็ดดี้ ฮาว สูญเสียแม่ผู้เป็นทุกสิ่งในชีวิตเขา เธอจากไปในเดือนมีนาคม ปี 2012 เขาและพี่น้องเติบโตมาด้วยการทำงานหนักของแม่เพียงคนเดียว แม่ของเขาทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงดูพวกเขา ฮาวเรียนรู้และได้อะไรหลายๆ อย่าง จากสิ่งที่แม่เขาทำเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด
“เธอช่างเหลือเชื่อ เธอเข้มแข็งมาก เธอทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น” ฮาวกล่าว
“ความรักของเธอมีค่ามากกว่าทุกสิ่ง เธอให้วิธีการดำเนินชีวิต และความสำคัญในการสร้างพื้นฐานที่ดีแก่เรา ที่จะพาเราผ่านไปในอนาคต”
การจากไปของแม่ของเขาคือเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เขาต้องตัดสินใจกลับมาอยู่กับครอบครัว แน่นอนว่าเขาคือคนสำคัญของทีม แต่ครอบครัวก็เป็นส่วนสำคัญของเขาเช่นกัน ในวันที่เลวร้าย การได้อยู่กับครอบครัวร่วมสู้และผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปด้วยกัน ย่อมดีกว่าทิ้งใครไว้ข้างหลัง แล้วปล่อยให้เขาสู้เพียงลำพัง เขาเลือกเช่นนั้นเพราะมันเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานั้น
“ผมรู้ว่าครอบครัวของผมต้องการผม และผมรู้ว่าทีมก็ต้องการผู้จัดการทีมของพวกเขาเช่นกัน ทีมต้องมีผู้จัดการทุกวันในการฝึกซ้อม และอยู่ที่นั่นเพื่อเกมการแข่งขัน แต่ตอนนั้นผมไม่รู้จะทำอะไรต่อไป มันไม่มีคู่มือสำหรับวิธีที่คุณจะจัดการกับทุกสิ่ง”
“ผมไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้ได้อย่างไร ผมรู้สึกว่าผมจะต้องย้ายกลับไปที่บ้าน ดังนั้นผมจึงไม่เสียใจที่จะต้องเลือกแบบนั้น”
การเลือกกลับบ้านของเอ็ดดี้ ฮาว ทำให้เขาได้กลับมารับงานที่บอร์นมัธอีกครั้ง ถึงแม้จะต้องกลับมาคุมทีมในลีกวัน แต่ที่นี่คือบ้านของเขาเสมอ และที่สำคัญคือการได้อยู่กับครอบครัว
*สร้างประวัติศาสตร์
ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือสิ่งใดก็ตามที่ทำให้เอ็ดดี้ ฮาว ต้องกลับมายังบอร์นมัธอีกครั้ง แต่การกลับไปครั้งนี้ คือการสร้างประวิติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของบอร์นมัธ ฮาวพาบอร์นมัธคว้าอันดับสองในลีกวันฤดูกาล 2012/13 เลื่อนชั้นขึ้นสู่เดอะแชมป์เปียนชิพได้สำเร็จ
ประตูสู่พรีเมียร์ลีกได้แง่มออกให้บอร์นมัธคิดฝันถึงได้จริงแล้ว จริงอยู่ที่มันไม่ใช่งานง่ายอย่างแน่นอน แต่เป้าหมายของฮาวนั้นไม่ใช่การจมอยู่ในแชมป์เปียนชิพเป็นแน่ ด้วยความที่เขานั้นเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง เขามักจะมองเป้าหมายที่ไกลออกไปอยู่เสมอ
“การสร้างทีมจากลีกวันสู่แชมป์เปียนชิพมันยากมากๆ และในแชมป์เปียนชิพก็เป็นลีกที่ยาก” ฮาวกล่าว “แต่สะพานสู่พรีเมียร์ลีกเปิดกว้างขึ้น และมีงานอีกมากมายที่จะต้องเตือนผู้เล่นว่าพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อสิ่งใด”
แน่นอนไม่ว่าเขาจะเก่งสักแค่ไหน หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากทีม ในเรื่องการจัดการและเสริมนักเตะ เขาก็คงไม่อาจจะพาทีมไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ทว่าโชคดีที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรอย่างแม็กซิม เดนิม ที่เชื่อมั่นในตัวเขาและสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ทำให้บอร์นมัธสามารถยกระดับทีมขึ้นมาได้
ในฤดูกาล 2013/14 ปีแรกที่บอร์นมัธขึ้นมาเล่นในเดอะแชมป์เปียนชิพ ฮาวพาทีมน้องใหม่อย่างบอร์นมัธ จบด้วยอันดับที่สิบ มันอาจจะดูเป็นที่น่าพอใจสำหรับทีมน้องใหม่ แต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอสำหรับเป้าหมายของเขา ฮาวยังต้องการพาทีมของเขา มุ่งหน้าเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ไกลออกไปในฤดูกาลหน้า
และแล้วเขาก็ไปถึงธงที่เขาได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ในฤดูกาล 2014/15 ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ เอ็ดดี้ ฮาว พาบอร์นมัธเก็บไปได้ถึง 90 คะแนน คว้าตั๋วเลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกในถานะแชมป์ โดยปาดหน้าแซงวัตฟอร์ดในเกมสุดท้ายของฤดูกาล กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับทีมเล็กๆ อย่างบอร์นมัธ ที่ก้าวขึ้นสู่พรีเมียร์ลีก ด้วยฝีมือการคุมทีมของกุนซือหนุ่มในวัยเพียง 37 ปี ณ เวลานั้น
ย้อนกลับไป 7 ปีที่แล้ว บอร์นมัธเป็นทีมที่กำลังจะตกชั้นจากลีกทู แต่ด้วยฝีมือของกุนซือวัยหนุ่มที่ไร้ซึ่งประสบการณ์คุมทีม กลับสามารถพาบอร์นมัธอยู่รอด และสร้างบอร์นมัธให้ไปได้ไกลถึงพรีเมียร์ลีก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นจากการทำงานหนักของชายที่ชื่อเอ็ดดี้ ฮาว
เขาไม่ใช่กุนซือที่มีประสบการณ์ ไม่ใช่นักเตะชื่อดังที่เปี่ยมไปด้วยบารมี แต่สิ่งที่เขามีคือความอุตสาหะ เขาขยันและเปิดกว้างที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เขาทำทุกอย่างเพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดเสมอ
“ผมอยากเก่ง และการท้าทายตัวเองเป็นสิ่งที่ผมต้องการทำในทุกวัน คุณไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าคุณอยู่ในที่ทำงานหรือมีงาน ถึงค่อยทำมัน” ฮาว กล่าว
สิ่งที่เขาทำ ความทุ่มเทของเขา ไม่เพียงแต่ทำให้เขาเก่งขึ้นเท่านั้น แต่มันยังส่งผลให้คนรอบๆ ตัวของเขา ไม่อาจทนอยู่เฉยได้ เมื่อเจ้านายทุ่มเทขนานนั้น ทุกคนในทีมยิ่งต้องทุ่มเทมากขึ้นตามไปด้วย และสิ่งนั้นล้วนส่งผลให้ทีมของเขาประสบความสำเร็จ
“เขาทุ่มเทอย่างมากกับสิ่งที่เขาทำ และมันเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคน เมื่อคนที่อยู่ระดับสูงตั้งใจมาก คุณจึงต้องการทำแบบเดียวกัน” เจ้าหน้าที่ทีม เล่าถึงความทุ่มเทของฮาว
เส้นทางของเอ็ดดี้ ฮาว หลายคนอาจจะมองว่าเขาประสบความสำเร็จแล้วในละดับหนึ่ง จากวันที่ต้องทิ้งฟุตบอลที่เขารักด้วยอาการบาดเจ็บ วันนี้เขามาไกลจากวันนั้นมาก ไกลจากสิ่งที่เขาไม่เคยวาดฝันเอาไว้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำให้เขามาได้ไกลถึงเพียงนี้ แต่มันจะยังไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน เขายังไปได้อีกไกลด้วยความพยายามของตัวเขาเอง
“วิธีเดียวที่จะทำให้ผมมีโอกาสที่ดีที่สุด ในเส้นทางอาชีพของตัวผมเอง คือการให้ความสำคัญกับในแต่ละวัน และทำให้วันนั้นเป็นวันที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะสามารถทำได้” เอ็ดดี้ ฮาว
บทความโดย : ฐกฤต กล่ำพันธ์ดี
#ฟุตบอล #บอร์นมัธ #เอ็ดดี้ฮาว
โฆษณา