29 ก.ค. 2020 เวลา 03:58 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
การล่าที่เปลี่ยนไปของมนุษย์.
.
.
.
.
.
การล่าสัตว์คือกิจวัตรประจำวันของมนุษย์ยุคแรก
มนุษย์มีการวิวัฒนาการวิธีการดำรงชีวิตเร็วมาก
จากการล่าสัตว์ กลายเป็นเลี้ยงสัตว์ปลูกพืช ภาย
ในระยะเวลาอันรวดเร็ว จนมาถึง ณ ปัจจุบัน ที่
มนุษย์ส่วนมาก ไม่ต้องเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชเอง
แต่ต้องทำงานให้ได้เงินจึงได้อาหาร ทำให้ไม่ต้อง
ไปกังวนกับอาหาร จะกินตอนไหนก็ได้ จะกินอะไรก็ง่าย เพียงปลายนิ้วมือ ง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
คำว่าอาหารคือกินเพื่อให้มีชีวิตรอด กินพออิ่ม
และกว่าจะได้มามันยากลำบากมาก
แต่วิวัฒนาการวิธีการใช่ชีวิตของมนุษย์มันพัฒนาเร็วกว่าการพัฒนาร่างกายและสติปัญญา เพราะ
สมองอันพิเศษกว่าสัตว์อื่นในโลก รู้จักพัฒนาการใช่ชีวิตให้สดวกสบายขึ้น แต่มันก็เป็นดาบสองคม
ถ้าไม่รู้จักพอดีหรือหาจุดศูนย์กลางของการดำรงชีวิตไม่ได้
เพราะว่า วิธีการใช่ชีวิตมันเปลี่ยนรวดเร็ว ทุกอย่างสดวกสบาย แต่กลับกัน สมองและสัตชาตญาณของมนุษย์ยังอยู่ที่เดิม เปลี่ยนเพียงเล็กน้อย
เพราะวิวัฒนาการมันต้องใช่เวลาเป็นแสน เป็นล้านปี
ถ้าหากมนุษย์ไม่หาจุดกรึ่นกลางของการดำรงชีวิต
เผ่าพันธุ์มนุษย์จะศูนย์พันธุ์ด้วยน้ำมือของตัวเอง
ภาพฝันอันสวยงามของอนาคตในอีก100ปีของมนุษย์ก็จะเป็นแค่ความฝัน โลกในอีก100ปีข้างหน้า ที่มีสิ่งอำนวยความสดวกมากกว่าตอนนี้มากมายหลายเท่า แทบจะไม่ต้องขยับตัวก็ได้อาหาร หรือมีเทคโนโลยีที่ทำให้ไม่หิวไม่ต้องกินอะไรก็อยู่ได้ เหมือนในการ์ตูนและหนัง จิตนาการของมนุษย์ถึงสิ่งอำนวยความสดวกมากมาย ที่ัยังไม่เป็นจริงตอนนี้ ก็จะกลายเป็นจริงในไม่ช้า ไม่จะเป็น รถบินได้ เครื่องย้ายมวลสาร การเดินทางเร็วเท่าแสง มนุษย์อำมตะ หุ่นยนที่เหมือนมนุษย์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ เช่นกลายเป็นเพื่อนเป็นแฟน เป็นครู เป็นพนักงานบริการสิ่งต่างๆเพื่อมนุษย์ กลายเป็นส่วนสำคัญของมนุษย์ ดังเช่น โทรศัพย์ที่เราเกือบทุกคนมีอยู่ตอนนี้ และขาดมันสำหรับดำรงชีวิตไม่ได้ เพราะมันกลายมาเป็นส่วน
หนึ่งของร่างกายเรา ทำให้เรามีความสดวกสบาย
และมีเทคโนโลยีหลายอย่างอีกเช่น เราไม่จำเป็นต้องมีโทรศัพย์อีกต่อไป เพราะมันชอบหาย ขี้เกียจถือ ขี้เกียจชาตแบต เสียสายตา และอื่นๆอีกมากมายที่มนุษย์รู้สึกว่าสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ ยังไม่ดีพอ
และเกิดเทคโนโลยี ที่สดวกกว่าโทรศัพย์มือถือ
คือการที่เราเอามือถือใส่สมองซะเลยจะได้ไม่ต้องถือ แต่ไม่ใช่เอามือถือตอนนี้ใส่ในสมองนะ คือเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับสมองได้และมีความปลอดภัยมากพอที่มนุษย์จะทำ ดังเช่นการทำสัยกรรม มันจะสมารถโทรได้เพียงแค่คิด ฟังเพลงได้เพียงแค่คิด ไม่ต้องพึงหูฟังโทรศัพย์ แต่มันจะดังอยู่ในสมองโดยตรง ไม่รบกวนคนอื่น อยากฟังตอนไหนก็สดวกสบาย หรือการดูหนัง เล่นเกมอ่านหนังสือ หรือดูคริปอะไรต่างๆที่มีภาพ มันจะสร้างภาพให้เรามองเห็นมันโดยดวงตาของเรา แต่คนอื่นมองไม่เห็น ทำให้แก้ปัญหา เสียสายตา เจ็บคอจากการก้มดูโทรศัพย์ มันจะสร้างภาพให้ตาเราให้เหมือนกับว่าเราดูโทรศัพย์จริงๆ และยังไม่ต้องชารท์แบตอีก ไม่ต้องกังวนว่าแบตจะหมด แค่คิดก็สบายโครตๆ โครตล่ำ จะซื้อของ จ่ายเงินก็แค่คิด
จะจองโรงแรมจองเครื่องบินก็แค่คิดไม่ยุ่งยากแป๊บเดียวก็เสร็จ อยากได้ข้อมูลอะไรก็แค่คิด อยากบวกลบคูณหารก็แค่คิด อยากจำอะไรก็สามารถบันทึกความทรงจำได้ หรืออาจสามารถลบความทรงจำก็ยังได้ ทำให้เราควบคุมความฝันได้เหมือนเราไม่ได้ฝัน และอยากฝันอะไรก็ได้ หรืออาจมีการฝันร่วมกัน สามารถฝันร่วมกับเพื่อนกับคนอื่นได้ ฝันว่าได้ไปเที่ยวที่นั้นที่นี้ ฝันว่าไปดาวอังคาร ฝันว่าได้กินอาหารอร่อยๆ หรือฝันแบบเหนือจิตนาการ คือฝันว่าได้อยู่ในโลกเทพนิยาย ฝันว่าบินได้ฝันว่ามีพลังวิเศษ หรือฝันว่าได้เป็นตัวละครในนิยายหรือหนังต่างๆที่เราอยากเป็น เช่นเป็นพเอก
เป็นนางเอก ในเรื่องนั้นๆ แบบความฝันจะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป คือสามารควบคุมมันได้จะทำอะไรก็ได้ ทำให้เราอยากนอนมากขึ้น และนอนแบบไม่เสียเปล่า นอนแล้วยังเหมือนได้ใช่ชีวิตที่ตัวเองอยากเป็น นึกดูมันจะมีความสุขขนาดไหน
และในอีก100ปี จะมีสิ่งอำนวยความสดวกที่เราคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ แต่มนุษย์ยุคแรกก็ไม่คิดเหมือนกันว่าลูกหลานของตัวเองจะขึ้นไปเยียบดวงจันทร์ที่ตัวเองได้แต่มอง อนาคตคือจิตรนาการของมนุษย์ จิตรนาการที่โหยหาความสุข จิตรนาการของมนุษย์ก็คือชีวิตเราในตอนนี้ แล้วตอนนี้เราจินตนาการอะไร
แต่ดูโลกของเรา ณ ตอนนี้ ความขัดแย้งกันเองของมนุษย์ ปัญหาสิ่งแวดล้อม โรคระบาด ความไม่เท่าเทียมของมนุษย์ ความคิดที่ต่างกันมากมายบนโลก ต่างต่อสู้กันต่อสู้ความคิดที่เห็นต่าง ต่างความคิดต่างเชื่อมั่นในความคิดตน และทุกคนก็คงคิดแหละเราได้ทำลายแม่ของเราไปมากแค่ไหน(แม่ คือ โลก) แต่ทุกคนก็ทำเป็นไม่สนใจสักเท่าไร เพราะกลัวที่จะเสียผลประโยชน์ ลูกๆมนุษย์สนใจแต่อาหารความสุขสบายของตนของประเทศตนเอง เข่นฆ่ากันเอง เกียดกันเอง ทั้งๆที่ทุกคนก็คือมนุษย์ด้วยกัน แล้วตอนนี้แม่เราก็ป่วยแล้ว เราก็ทำเป็นสนใจแต่จริงๆเราก็คิดว่าคงมีคนอื่นมาทำ ปล่อยให้เป็นหน้าที่คนอื่นแล้วกัน และเราทุกคนทุกประเทศก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะเรากลัวที่จะทำแล้วไม่ได้ประโยชน์ และกลัวที่จะเสียเวลากลัวที่จะเสียเงินไปแล้วไม่ได้เงินกลับมา
อนาคตจะเป็นยังไง ถ้ามนุษย์ยังทำตัวแบบนี้
จะเป็นภาพฝันที่สวยงาม หรือภาพที่เราไม่อยากให้เป็น ถ้าตอนนี้เราไม่ตระหนัก และไม่ลงมือทำ
แม่ของพวกเราตอนนี้คงร้องไห้หนักจากสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้ และแม่อาจจากเราไปเร็วกว่าที่คิดมาก ขอบคุณครับ.
โฆษณา