29 ก.ค. 2020 เวลา 05:30 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 16
ทัศนศึกษา : ประสบการณ์ใหม่ของเด็กบ้านนอก
ช่วงปลายปี 2528 ทางโรงเรียนของ'น้อย'ได้มีการจัดทัศนศึกษา พาเด็กๆออกไปท่องเที่ยวพบประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับเด็กที่อยู่ตามบ้านนอกแล้วเป็นอะไรที่ตื่นเต้นกันมาก
ครูได้เรียกประชุมผู้ปกครองนักเรียนสองระดับชั้นป.5-ป.6 เพื่อชี้แจงการเดินทางในครั้งนี้ และสอบถามความต้องการว่าใครที่อยากจะร่วมเดินทางในครั้งนี้บ้าง เพราะไม่ได้บังคับว่าทุกคนต้องไป
ตามโปรแกรมที่ครูได้วางไว้และได้แจ้งทางผู้ปกครอง แค่เห็นรายชื่อสถานที่แต่ละที่แล้วแม้แต่คนเป็นพ่อแม่เองก็ยังอยากไปด้วยเลย
บางแสนทะเลแสนงาม สวนสัตว์เขาเขียว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสวนสยาม แค่นี้ก็ทำให้เด็กๆที่เข้าร่วมฟังครูอธิบายถึงการเดินทางก็รู้สึกตื่นเต้นกันใหญ่
เมื่อสอบถามความสมัครใจพร้อมกับอธิบายค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้ว มีนักเรียนเกือบ 60 คนที่ผู้ปกครองอนุญาตพร้อมกับมีค่าโดยสารจ่ายให้กับทางโรงเรียนเป็นเงิน 80 บาทสำหรับการเดินทางครั้งนี้
พอถึงวันเดินทาง หลังจากที่เลิกเรียน เด็กๆที่จะต้องเดินทางต่างรีบกลับบ้านเพื่อเตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว
น้อยเอง พอกลับถึงบ้านรีบจัดกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็วราวกับว่ากลัวจะไม่ทันรถแล้วรีบวิ่งไปที่บ้านเพื่อนรักของเขา
" หม่าว หม่าว" น้อยส่งเสียงเรียกจากหน้าบ้าน
" หม่าวไม่อยู่ มันออกไปทุ่งนาเอาควายกลับบ้าน" เสียงตอบมาจากหลังบ้านพอได้ยิน
น้อยรีบวิ่งออกไปที่ทุ่งนา และได้เจอกับหม่าวที่กำลังต้อนควายกลับบ้านด้วยความรีบเร่ง
"หม่าว เก็บเสื้อผ้าหรือยัง " น้อยถาม
" ยังเลย นี่รีบเอาพวกมันกลับจะได้จัดเสื้อผ้าลงกระเป๋า" หม่าวตอบพร้อมกับชี้ไปที่ฝูงควายที่กำลังเดินและเล็มหญ้าอย่างสบายใจ
"เออรีบเลย เดี๋ยวไม่ทันรถ" น้อยบอก
"เห้ย ครูนัดตอนทุ่มนึง และก็รถออกตั้งสองทุ่มไม่ใช่เหรอ นี่มันยังไม่ห้าโมงเลย" หม่าวถามแบบสงสัยในความเร่งรีบของเพื่อน
"เออนั่นแหละ จะได้มีเวลาเตรียมของจะได้ไม่ลืมอะไร" น้อยตอบแบบผู้มีประสบการณ์
หลังจากเตรียมตัวเสร็จหม่าวเดินมารอน้อยที่หน้าบ้านเพื่อจะไปที่โรงเรียนพร้อมกัน แม่ของน้อยเรียกให้น้อยมาที่ตรงบันไดหน้าบ้าน พร้อมกับก้มหยิบดินที่พื้น แล้วเอาขึ้นมาสวดอธิฐานให้พระแม่ธรณีคอยคุ้มครองลูกชายที่ต้องเดินทางโดยไม่มีคนในครอบครัวไปด้วยเป็นครั้งแรกพร้อมโรยดินที่สวดเสร็จลงบนหัวของน้อย ตามความเชื่อของคนบ้านนอก
หลังจากที่นักเรียนมาพร้อมกันที่โรงเรียนแล้วครูที่จะร่วมเดินทางได้จัดกลุ่มว่าใครอยู่กลุ่มไหน มีครูคนไหนเป็นคนคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทาง
พอรถออกซึ่งเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว เด็กจะได้รับยาแก้เมารถกันทุกคนพร้อมกับ'ถุงกันอ้วก'คนละหนึ่งใบพกติดตัวไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน
พอเดินทางมาได้ไม่นานเด็กก็เริ่มที่จะหลับกับเพราะเวลาปกติที่อยู่บ้านสามทุ่มก็จะหลับกันหมดแล้ว
พอเช้ารถก็เข้ามาจอดในลานจอด ครูส่งเสียงบอกให้เด็กๆเตรียมตัวลงเพราะถึงจุดหมายแล้ว
'บางแสน'เป็นจุดหมายแรกเด็กๆที่ไม่เคยเห็นทะเลมาก่อนต่างตื่นเต้นกันใหญ่ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวจนครูต้องดุให้อยู่ในความสงบแล้วแบ่งกลุ่มตามที่ได้จัดไว้แล้ว
กลุ่มของน้อยได้มีโอกาสลงเรือเร็วพาขับออกไปในทะเลดูการทำประมงในทะเล แล้วก็ขับเรียบชายฝั่งเป็นที่สนุกสนานกับการออกทะเลครั้งแรกของหลายๆคน
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเป็นที่ต่อมาสำหรับการดูสัตว์น้ำแบบตัวเป็นๆครั้งแรกของเด็กๆที่อดตื่นเต้นกับ' ปลาฉลาม 'ไม่ได้ เพราะเคยเห็นแต่ในภาพ ยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆเลย 'มัาน้ำ' ที่เคยได้ยินแต่ชื่อเหมือนกัน
หลังจากนั้นสวนสัตว์เขาเขียวก็ทำให้เด็กได้ตื่นตาตื่นใจกับสัตว์ต่างๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตามบ้านนอกเลย
จากนั้นช่วงบ่ายรถบัสสีแดงของคณะทรรศนศึกษาได้พานักเรียนบ้านนอกมายังบริษัทไทยน้ำทิพย์หรือบรษัท'โค้ก'ที่เด็กๆเรียกติดปาก
เด็กๆได้นั่งชมวิดิทัศน์เกี่ยวกับการ ผลิต ประวัติความเป็นมาของบริษัท พร้อมกับ' แฮมเบอเกอร์ ' ชิ้นใหญ่พร้อมโค้กเย็นๆแบบไม่อั้นทำให้ลืมมื้อกลางวันที่เคยกินแต่ข้าวกับปลาทูหรือไข่ดาวเป็นประจำไปเลย
หลังจากนั้นรถก็พาเดินทางต่อไปยังสวนสยามที่หมายสุดท้ายของกการเดินทางครั้งนี้
เด็กๆหลายคนเริ่มมีอาการเมารถพร้อมกับ'คายอาหารมื้อกลางวันออก' เพราะการจราจรที่พวกเขาไม่คุ้นเคยมาก่อน อากาศที่ร้อนเพราะรถบัสไม่มีแอร์ บวกกับรถที่ติด ทำให้หลายคนเมารถกัน
พอมาถึงสวนสยามครูพาเด็กๆไปล้างหน้าล้างตาแล้วเปลี่ยนชุดสำหรับคนที่จะลงเล่นน้ำ
น้อยกับเพื่อนๆผู้ชายหลายคนพากันไปลองสไลเดอร์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนว่าจะสูงขนาดนี้ เพราะเคยเล่นแต่' สไลเดอรดิน 'ที่ทำเองตามริมแม่น้ำเวลาไปเล่นกับเพื่อนๆ
ของเล่นหลายชิ้นที่เด็กๆได้ลองเล่นกันจนเกือบหกโมงเย็น'ไวกิ้ง'คือของเล่นสุดท้ายที่เด็กๆขึ้นเล่นกันพร้อมเสียงแหกปากดังลั่นเพราะความเสียวของมัน
รถออกเดินทางจากกรุงเทพฯเกือบทุ่มมาถึงโรงเรียนเกือบตีสองเด็กๆมีอาการอ่อนเพลียหลับมาตั้งแต่รถออก มีผู้ปกครองหลายคนมารอรับลูกที่โรงเรียน ส่วนน้อยกับหม่าวและเพื่อนที่อยู่หลังโรงเรียนก็เกาะกลุ่มเพื่อนๆที่มีพ่อแม่มารับกลับพร้อมกัน
เช้าวันเปิดเรียนเด็กๆ มาเรียนแต่เช้าพร้อมกับเอาของที่บางคนซื้อมาจากที่กรุงเทพฯมาอวดกัน
" ของพวกมึงแค่ของเล่นธรรมดาสู้ของกูไม่ได้ " เพื่อนในกลุ่มคนนึงโม้ขึ้นมา
"อะไรของมึงที่ไม่ธรรมดาวะ" อีกคนในกลุ่มถาม
" กูเอาของเป็นๆมาด้วยจากทะเลเลย" ขี้โม้คนเดิมโม้ต่อ
"ไหนมึงเอามาโชว์หน่อย" น้อยอดไม่ไหว
"พวกมึงรออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวกูมา" พูดเสร็จจอมโม้ก็วิ่งกลับไปเอาของที่จะมาอวดเพื่อน
สักพักมันมาพร้อมกับถังพลาสติกที่มีน้ำอยู่ครึ่งถัง
" นี่ไง ของกู"จอมโม้คุยต่อ
มันพูดเสร็จพร้อมกับเปิดถัง เพื่อนๆทุกคนที่จับกลุ่มกันดูอยู่ถึงกับเอามืออุดจมูกเพราะกลิ่นที่โชยออกมามันเป็นกลิ่นของสัตว์ที่ตายแล้วเริ่มเน่า
ในถังเต็มไปด้วยพวก หอย ปูเสฉวน ที่มันเก็บเอามาจากชายหาดบางแสน กะจะเอามาเลี้ยง
แต่ด้วยความไม่รู้ว่ามันเป็นสัตว์น้ำเค็มแล้วก็มันต้องอยู่ตามธรรมชาติ เพื่อนจอมโม้เลยเอาน้ำฝนในตุ่มมาแทนน้ำทะเล
ทั้งหอยทั้งปูเลยตายส่งกลิ่นเหม็น แถมยังเอามาอวดเพื่อนๆอีก
เพื่อนๆที่ล้อมวงดูอยู่พากันหัวเราะ กับสิ่งที่เพื่อนจอมโม้รายนี้ทำโดยไม่รู้เรื่อง
จนครูเดินมาเห็นเพราะเสียงที่ดัง จึงทำการอบรมกลุ่มเด็กๆด้วยเรื่องการห้ามเอาสิ่งของสัตว์มาจากที่ที่มันอยู่มาเลี้ยงเป็นอันขาด อาจจะผิดกฎหมายได้ แล้วยังเป็นบาปที่ทำให้มันตายอีก
หลังจากนั้นเด็กๆแยกย้ายกันเข้าเรียนในช่วงบ่ายพร้อมกับยังอดหัวเราะเพื่อนจอมโม้คนนั้นไม่ได้
#เด็กบ้านนอก
ฝากติดตามงานด้วยนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา