29 ก.ค. 2020 เวลา 05:32 • ปรัชญา
EP105: “อ วิ ช ช า” คือ อะไร ?
หลายท่านอาจเคยได้ยินคำว่า “อ วิ ช ช า” ในหลากหลายความหมาย ครั้งนี้ผมขอแชร์ความหมายและความน่าเข้าใจเข้าถึงความหมายแห่ง”อวิชชา”อ้างอิงจากคำบอกสอนของพระตถาคตของเรา
“สั ง ส า ร วั ฏ” การเวียนตายเวียนเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมานานแสนนาน จุดเริ่มต้นในการเกิดของสรรพสิ่งคือ “อวิชชา” หรือความไม่รู้จริงในอริยสัจสี่ จึงมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
การจะหนีพ้นจากกรรม จะหนีจากความตายได้นั้น
ต้องมี”วิ ช ช าวิ มุ ต ติ” คือมีปัญญาบรรลุถึงความจริงอันเป็นอริยะที่แท้จริง
1
พระตถาคตเป็นผู้รู้แจ้งทั้งทางโลกและทางธรรม บางเรื่องท่านไม่ได้กล่าว แต่เมื่อคำบอกสอนออกจากพระโอษฐ์พระองค์แล้วมีแต่ความจริงที่แท้เท่านั้น และเชื่อมโยงไม่ขัดกัน งดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และในที่สุด มีความบริสุทธิ์ บริบูรณ์เน้นที่ความจริง เกี่ยวกับทุกข์ เหตุและการดับแห่งทุกข์ และหนทางที่จะพ้นทุกข์
“สั ต ว์”ผู้เวียนตายเวียนเกิดอย่างเราท่านนี้ต่างเคยเกิดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในกามภพนี้ เคยเป็นมาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์,พราหมณ์,คฤหบดี,คนชั้นต่ำ,พรานไพร,ช่างจักรสาน,คนทำรถ,คนเทขยะ,หรือแม้แต่คติอื่นๆนอกจากมนุษย์ปุถุชนคือเทวดากามภพ, เปรตวิสัย,เดรัจฉาน,นรก หากครั้งหนึ่งได้ปัญญาเห็นแจ้งความจริงที่แท้จะได้บรรลุเป็นอริยะบุคคลไม่ต้องเวียนมาลงอบาย(เปรตวิสัย,เดรัจฉาน,นรก)
สัตว์ คือผู้ติดยึด มี”อวิชชา”เป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก
ตัวตนที่แท้จริงของเรานั้นคือสัตว์ สิ่งหนึ่งที่เที่ยงแท้สงบเย็นเป็นอมตะ เป็นนิพพานอยู่ในฝั่ง”อสังขตธรรม”ที่ๆไม่มีเกิดปรากฏ ไม่มีเสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ เรียกว่า”ธรรมชาติแห่งความดับเย็น”
ครั้งหนึ่งสัตว์ได้มาหลงติดยึดกับ”จิต”คิดว่ามันเป็นเรา แต่จิต(จิตมโนวิญญาน)ในฝั่ง”สังขตธรรม”หลักธรรมคือ เหล่าธรรมธาตุต่างๆ มีเกิดปรากฏ มีเสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ เรียกว่า”ธรรมชาติที่ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ถาวร “”ความจริงของสิ่งสมมุติต่างๆคือความไม่เที่ยงแท้”
“มีเกิดปรากฏ มีเสื่อมปรากฏ เมื่อตั้งอยู่ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฏ “
ธรรมธาตุ ไม่ไช่แค่ดินน้ำไฟลม แต่รวมทุกสิ่งทั้งรูปธรรม นามธรรมต่างล้วนเป็นนามธรรมที่เกิดแล้วต้องมีวันดับสิ้น ที่สำคัญมันเป็นของไม่จริง ไม่มีตัวตน ไม่ไช่เรา ไม่ไช่ของเรา จักรวาล ดวงดาว สุริยะจักรวาล โลก ภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ บ้านเรือน ความคิด จิตใจวิญญาณ รูปกายตัวตน ระบบรับรู้ภายนอกภายใน การกระทบรับรู้ ความรู้สึก ความอยาก ความยึดมั่น จุดที่ตั้งวิญญาณ การเกิด
จุดเริ่มต้นของระบบธรรมธาตุนี้คือ “อวิชชา”
อาหารของ”อวิชชา”
แม้อวิชชาจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ตั้งอยู่แล้วจึงเกิดตามเนื่องมาซึ่ง ความคิดปรุงแต่ง จิตใจวิญญาณ รูปกายตัวตน ระบบรับรู้ภายนอกภายใน การกระทบรับรู้ ความรู้สึก ความอยาก ความยึดมั่น จุดที่ตั้งวิญญาณ การเกิด และ กองทุกข์ความตายความเศร้าหมองรำพันทดท้อทั้งหลาย
แต่อวิชชาก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาแต่แรกเริ่ม เกิดมาทีหลัง มันจึงมีปัจจัยที่ทำให้มันเกิดขึ้น พระตถาคตเรียกว่าอาหารของอวิชชา ปัจจัยที่ทำให้เกิด”อวิชชา”คือ”นิ ว ร ณ์ ๕”สิ่งที่เป็นเครื่องกั้นไม่ให้ทำความดี หรือแม้แต่สัมผัสความดี คือ
ความหลงติดยึดอยู่ในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสและอารมณ์
ความไม่สมดังหวังไม่พอใจพยาบาท
ความขี้เกียจท้อแท้หมดกำลังกายใจ
ความคิดฟุ้งซ่านไม่นิ่ง
ความสงสัยไม่มั่นใจ
สิ่งที่เสริมคือการประพฤติผิดทางกายวาจาใจเป็นนิสัย “ทุจริต๓”
ในการ
ฆ่า,ขโมย,ผิดกาม,พูดปด,พูดหยาบ,พูดส่อเสียด,พูดเพ้อเจ้อ,คิดจ้องเอาของคนอื่น,คิดปองร้ายผู้อื่น,คิดเห็นไม่ตรงตามความจริงที่แท้
ความทุจริตเหล่านี้เกิดมาจากความปล่อยตัวปล่อยใจไปกลับ
” ก า ม คุ ณ ”ทั้งหลาย ไม่มีสำรวมในตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ความไม่สำรวมนี้เกิดมาจากการไร้”ส ติ สั ม ป ชั ญ ญ ะ “
การไม่มีสตินี้ก็เป็นเพราะไม่มีการกระทำไว้ในใจโดย”แยบคาย”
การไม่กระทำไว้ในใจโดยแยบคายนั้นเป็นเพราะไม่มี”ศรัทธา”
การไม่มีศรัทธานั้นเพราะไม่ได้ฟัง”สัทธรรม”
ที่ไม่ได้ฟังสัทธรรมก็เพราะไม่คบหา”สัปบุรุษ”กัลยานิมิตร คือผู้มีสัมมาทิฏฐิ รู้ความจริงที่แท้
ชีวิตหนึ่งอนาคตไม่แน่นอน เราเป็นเพียงผู้เกาะติดสรรพสิ่งหนึ่งที่เกิด และมีดับสิ้น หากเราเต็มไปด้วย “อวิชชา”แล้ว ในโลกหน้านั้นจะหาโอกาสได้ไหมที่จะได้พบเจอกัลยานิมิตร
ยิ่งส่วนใหญ่ต้องไปอบาย (เพราะปุถุชนนั้น มักจะดำเนินการประพฤติผิดทางกายวาจาใจนิสัยโดยธรรมชาติ กรรมที่ทำนิสัยอะไร จิตมักไปอย่างนั้นผลของกรรมก็เกิดขึ้นจากที่จิตวิญญาณไปงอกเงิย) ตอนอยู่นรกเปรตเดรัชฉานก็คงฟังสัทธรรมไม่รู้เรื่อง แน่นอน
เพราะฉะนั้นชีวิตนี้เป็นโอกาสเดียวที่จะเสาะหาสัปบุรุษผู้รู้ซึ่งสัมมาทิฏฐิ และถ่ายทอดซึ่งสัทธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ และได้ประกาศไว้เมื่อสิ้นสุดพุทธกาล พระธรรมจะเป็นพระองค์ และพระองค์คือกัลยาณมิตรที่แท้จริงแก่เรา
ตถาคตไม่ให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เราจะตายเมื่อไรก็ต้องตาย เมื่อมีโอกาสสมควรหาสัทธรรมฟังหรืออ่าน เมื่อธรรมเข้าสู่ใจ อวิชชาที่มืดดำนั้นจะถูกธรรมที่ไหลลงสู่ใจเปิดความสว่างให้ชีวิตไปตลอด พาเราสู่ความเจริญไม่ไปทางเสื่อม
โฆษณา