1 ส.ค. 2020 เวลา 10:00 • ประวัติศาสตร์
ศึกสองราชวงศ์! 'สงครามดอกกุหลาบ' มหากาพย์ชิงบัลลังก์สุดเข้มข้นระหว่างราชวงศ์ยอร์คและแลงคาสเตอร์แห่งอังกฤษ
หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของสงครามดอกกุหลาบ (Wars of the roses) ที่เป็นสงครามกลางเมืองระหว่างสองราชวงศ์ ได้แก่ ราชวงศ์แลงคาสเตอร์ ที่มีตราสัญลักษณ์คือกุหลาบสีแดง และราชวงศ์ยอร์คที่มีตราสัญลักษณ์คือดอกกุหลาบสีขาว ที่ได้ทำสงครามขับเคี่ยวกันตั้งแค่ ค.ศ.1455 – 1485 รวมเวลากว่า 30 ปี ที่ทั้งสองราชวงศ์ต่อสู้กันในสงครามกลางเมืองที่นองเลือด ก่อนที่ภายหลังทั้งสองราชวงศ์จะตัดสินใจยุติความบาดหมางต่อกันด้วยการรวมสองราชวงศ์จนเกิดเป็นราชวงศ์ใหม่ที่มีชื่อว่า ราชวงศ์ทิวดอร์ และนี่คือเกร็ดสาระน่ารู้ของสงครามดอกกุหลาบที่ใครหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน
1. อาจพูดได้ว่าจุดเริ่มต้นความขัดแย้งที่ภายหลังได้พัฒนาเป็นสงครามดอกกุหลาบ เกิดจากการที่พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 ถูกเฮนรี โบลลิงโบรค ดยุกแห่งแลงคาสเตอร์ผู้มีศักดิเป็นลูกพี่ลูกน้องโค่นลงจากบัลลังก์ในปี ค.ศ.1399 ด้วยการสนับสนุนจากเหล่าบรรดาขุนนาง เฮนรี โบลลิงโบรค จึงสถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 ขึ้นปกครองอังกฤษ ทั้งที่การสืบลำดับสันตติวงศ์แล้ว พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4ไม่มีสิทธิ์ในการขึ้นครองบัลลังก์ และตัวของพระเจ้าริชาร์ดที่ 2 เองก็ไม่มีพระราชโอรสหรือธิดา และองค์รัชทายาท ที่วางเอาไว้ก็เสียชีวิตไปก่อนแล้ว จนทำให้เกิดความวุ่นวายในการแย่งชิงสิทธิ์ในการสืบทอดบัลลังก์แห่งอังกฤษในภายหลัง
พระเจ้าริชาร์ดที่ 2 เฮนรี โบลลิงโบรค ดยุกแห่งแลงคาสเตอร์(พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4) WIKIPEDIA PD
2. หลังจากที่พระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 สิ้นพระชนม์ พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ก็ขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากพระราชบิดา กล่าวกันว่าพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 เป็นกษัตริย์ที่มีความสามารถในการรบและประสบความสำเร็จในสงครามร้อยปีกับฝรั่งเศส จนทำให้พระองค์เป็นที่นิยมของประชาชน และช่วยส่งเสริมอำนาจของราชวงศ์แลงคาสเตอร์ให้มั่นคงขึ้น ขณะเดียวกัน ริชาร์ดแห่งโคนิสเบิร์ก เอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ที่ 3 แห่งยอร์ค ก็ได้คิดการกบฏ ‘การคบคิดเซาท์แธมตัน’ (Southampton Plot) แต่แผนการรั่วไหล ริชาร์ดแห่งโคนิสเบิร์กถูกประหารในข้อหากบฏ ในตอนนั้นเองที่ความขัดแย้งระหว่างราชวงศ์แลงคาสเตอร์และราชวงศ์ยอร์คได้ก่อตัวขึ้น
WIKIPEDIA PD
3. พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ได้สั่งให้ริบทรัพย์สินของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ที่ 3 แห่งยอร์ค แต่ก็ยังให้ความเมตตาต่อริชาร์ด บุตรชายของเอิร์ลแห่งเคมบริดจ์ที่ 3 โดยพระเจ้าเฮนรีที่ 5 ได้ประทานยศถาบรรดาศักดิ์และดินแดนของลุงที่เสียชีวิตไปให้กับริชาร์ด ที่ภายหลังได้รับการอวยยศเป็น ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ค
4. แม้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 จะเป็นกษัตริย์ที่มีความสามารถ แต่องค์รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวกลับเป็นคนไร้ประสิทธิภาพ และพระอนุชาเองก็ไม่มีบุตรธิดาจะเหลือเพียงแค่ญาติห่าง ๆ ของตระกูลโบฟอร์ทที่พอเป็นตัวเลือกที่ดีได้ ด้วยเหตุนี้เอง ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์กจึงก้าวขึ้นมาเป็นตัวเต็งในการครองบัลลังก์แห่งเกาะอังกฤษ เมื่อพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ผู้ก้าวขึ้นมาสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ก็เป็นกษัตริย์ที่ไร้ความสามารถและมีปัญหาเรื่องสติปัญญา จนนำมาสู่สงครามระหว่างฝ่ายแลงคาสเตอร์และฝ่ายยอร์คขึ้นมาหลายครั้ง ที่แม้ก่อนหน้านั้นทั้งสองฝ่ายพยายามหาหนทางปรองดองเพื่ออยู่อย่างสันติ แต่ก็ไม่อาจนำพาสันติภาพกลับคืนมาได้
WIKIPEDIA PD
5. ฝ่ายแลงคาสเตอร์และฝ่ายยอร์คได้ผลัดกันแพ้ชนะในสงครามหลายครั้ง พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ถูกถอดจากตำแหน่ง ส่วน ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์คก็ได้เสียชีวิตระหว่างการทำสงครามปราบปรามฝ่ายแลงคาสเตอร์ทางตอนเหนือของอังกฤษ ภายหลัง เอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ช สถาปนาตนเองเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 และได้ทำการปราบปรามฝ่ายแลงคาสเตอร์จนเกือบจะล่มสลายไป นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่าในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ถือเป็นการสิ้นสุดยุคสงครามดอกกุหลาบหลัก เมื่อบ้านเมืองเกิดสันติสุขขึ้นอีกครั้ง แต่มันเป็นเพียงแค่การพักยก เพื่อเริ่มต้นความขัดแย้งครั้งใหม่ที่รอวันปะทุขึ้นอีกครั้ง
WIKIPEDIA PD
6. หลังจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ.1483 ก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในราชสำนักอังกฤษขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อขุนนางต่างแย่งชิงอำนาจกันจนเกิดเป็นความวุ่นวาย ในตอนนั้นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 ที่มีพระชนมายุเพียง 12 พรรษาก้าวขึ้นมาสืบทอดบัลลังก์แทนพระราชบิดาของตน แต่ก็เป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่พระองค์จะถูกถอดจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าการอภิเษกสมรสระหว่างพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 และพระราชินีเอลิซาเบธไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉะนั้นพระโอรสของทั้งสองพระองค์จึงถือเป็นลูกนอกสมรสและไม่มีสิทธิในการสืบบัลลังก์ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 และพระอนุชาถูกส่งไปควบคุมตัวที่หอคอยแห่งลอนดอน โดยอ้างเหตุว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ก็ไม่มีใครเห็นพระองค์อีกเลย เชื่อว่ากันพระองค์อาจถูกลอบปลงพระชนม์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดชนวนความขัดแย้งครั้งใหม่ของสงครามดอกกุหลาบที่น่าจะจบลงไปแล้วในสมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4
WIKIPEDIA PD
7. หลังจากที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 ถูกถอดจากตำแหน่ง พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ ผู้มีศักดิเป็นพระปิตุลาของพระเจ้าพระเอ็ดเวิร์ดที่ 5 ก็ขึ้นครองบัลลังก์แทน แต่การขึ้นครองบัลลังก์ของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะยังมี เฮนรี่ สแตฟฟอร์ด ดยุกที่ 2แห่งบัคกิ้งแฮม คัดค้านการครองบัลลังก์ของพระองค์อยู่
WIKIPEDIA PD
8. เฮนรี่ สแตฟฟอร์ด ดยุกที่ 2 แห่งบัคกิ้งแฮม วางแผนก่อล้มล้างพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 เพื่อนำพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 กลับมาครองบัลลังก์อีกครั้ง แต่ความพยายามดังกล่าวล้มเหลว เมื่อไม่มีใครทราบชะตากรรมของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 โดยภายหลังมีข่าวลือว่าพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 คือผู้อยู่เบื้องหลังในการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 ด้วยเหตุนี้เอง เฮนรี่ สแตฟฟอร์ด ดยุกแห่งบัคกิ้งแฮม จึงยก เฮนรี่ ทิวดอร์ ผู้มีเชื้อสายจากราชวงศ์แลงคาสเตอร์ขึ้นมาครองบัลลังก์แทน
WIKIPEDIA PD
9. กบฏบัคกิ้งแฮม ที่นำโดย เฮนรี่ สแตฟฟอร์ด เกิดความแตก ทำให้พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ทราบข่าวเสียก่อน และได้ทำการปราบปรามกบฏบัคกิ้งแฮม โดยภายหลัง เฮนรี่ สแตฟฟอร์ด ดยุกแห่งบัคกิ้งแฮมได้เสียชีวิต และบัลลังก์ของพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ก็เริ่มสั่นคลอน เนื่องจากพระองค์ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการลอบสังหารพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 5 และพระอนุชา จนทำให้ขุนนางจำนวนมากหันมาสนับสนุน เฮนรี่ ทิวดอร์ ให้ก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงแห่งอังกฤษ
10. ยุทธการที่บอสเวิร์ธฟิลด์ คือสงครามชี้ชะตาระหว่าง พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 แห่งราชวงศ์ยอร์ค และ เฮนรี่ ทิวดอร์ แห่งราชวงศ์แลงคาสเตอร์ ที่ได้ทำสงครามตัดสินชี้ชะตากรรมว่าใครจะเป็นผู้ครองบัลลังก์กษัตริย์แห่งอังกฤษต่อไป โดยในสงครามครั้งนี้ ฝ่ายยอร์คได้พ่ายแพ้ในสงคราม พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 สิ้นพระชนม์ในสนามรบ ส่งผลให้ เฮนรี่ ทิวดอร์ ก้าวขึ้นมาเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ และพระองค์ได้ตัดสินพระทัยอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งยอร์ค ผู้เป็นพระธิดาองค์โตในพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองราชวงศ์ที่ทำสงครามกันมาอย่างยาวนาน และผนวกทั้งสองราชวงศ์ให้เกิดเป็นราชวงศ์ใหม่ที่มีชื่อว่า ราชวงศ์ทิวดอร์ นั่นเอง
WIKIPEDIA PD
โฆษณา