เพิ่งดูหนังเรื่อง The Devil wears Prada จบรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้
แล้วจะสะดุดกับซีนนี้ตลอด คือซีนที่นางเอก (แอนเดรีย) โดนบอสจอมเฮี้ยบ (มิแรนดา) เทศนาใส่ เหตุเพราะนางเอกคิดว่าเรื่องแฟชั่นไม่เกี่ยวกับตัวเองสักนิด
บทเทศนาของมิแรนดาที่ผู้เขียนเห็นว่าเป็นข้อมูลด้านแฟชั่นที่น่าสนใจคืออะไร มาฉอด เอ้ย มาว่ากันค่ะ
The Devil Wears Prada (2006)
ซีนนี้คือทุกคนเค้ากำลังง่วนเลือกเสื้อผ้าสำหรับถ่ายแบบลงนิตยสารแฟชั่น แอนเดรีย(นางเอก)ซึ่งเพิ่งเข้ามาทำงานก็คอยจดนู่นนี่เฉยๆ แต่นางดันหลุดขำขึ้นมา เมื่อมีผู้ช่วยคนนึงหยิบเข็มขัดสีฟ้าสองเส้นมาให้มิแรนดา(บก.นิตยสาร)เลือก แต่ผู้ช่วยนางนั้นบอกว่าไม่รู้จะเลือกอันไหนดีเพราะมันต่างกันจริงๆ ซึ่งที่แอนเดรียขำ พร้อมบอกมิแรนดาว่าไม่เห็นมันจะต่างกันเลยเพราะสำหรับฉันมันก็คือเข็มขัดสีฟ้าเหมือนกันเปี๊ยบ
http://www.mtv.com/news/1953144/devil-wears-prada-fashion-quotes/
จากนั้นเลยโดนนางมารสวมปราด้า (มิแรนดา) เทศนาซะหน้าเสีย โดยบทพูดที่ผู้เขียนชอบอยู่ตอนท้ายของซีนนี้ ดังภาพด้านบนที่มิแรนด้าพูด
ถ้าใครเคยดู หรือลอง Replay ซีนนี้อีกรอบ จะจับใจความบทพูดรวมๆของมิแรนดาได้ประมาณว่า
เสื้อสเวตเตอร์ (Sweater) สีฟ้าที่แอนเดรียใส่นั่นน่ะ ที่เธออาจจะซื้อมันมาจากกองของเซลล์ลดราคา แล้วก็รื้อมันออกมาใส่จากตู้เสื้อผ้าอีกทีเพราะไม่ได้สนใจมันมากมายเพราะคิดว่ามันคือเสื้อสีฟ้าที่ไม่เกี่ยวอะไรกับวงการแฟชั่น แต่รู้มั้ยว่ามันคือเสื้อสเวตเตอร์สีฟ้า ที่ถูกเลือกจากคนในห้องนี้เชียวนะยะ!
ความหมายที่มิแรนดา*จะสื่อก็คือว่า เสื้อผ้าจากดีไซเนอร์เมื่อถูกเลือกให้เอามาถ่ายแบบลงในนิตยสารนี้แล้ว จะกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นให้คนแห่ซื้อใส่ตาม แม้จะไม่ใช่ทุกชิ้นที่ถ่ายแบบขึ้นปกก็เถอะ แต่เชื่อได้ว่าส่วนใหญ่ ทุกร้านทุกที่ต้องผลิตเสื้อสไตล์นี้ออกมาให้เกลื่อน จนฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง แล้วท้ายที่สุดแอนเดรียนางเอก ก็อาจไปเจอในร้านลดราคา แล้วก็ซื้อมันมาใส่จนได้นั่นแหละ
*(ตัวละครนี้เป็นเสมือน Anna Wintour บก.Vouge อเมริกา ที่เป็นหนังสือหัวแฟชั่นชื่อดังระดับโลก)
ซึ่งหากย้อนไปตอนปี 2006 คำพูดของมิแรนดาอาจจะทรงพลังและน่าเชื่อถือมากพอ..
แต่พอมาฟัง มาดูในปี 2020 อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด...
เพราะเทรนด์แฟชั่นตอนนี้ไม่ได้ถูกกำหนดทิศทางโดยนิตยสารหัวแฟชั่นระดับโลกเพียงอย่างเดียว
ในอดีต (ก่อนที่ Social Media จะบูมและสื่อ Digital เข้ามาอย่างเต็มรูปแบบ) เทรนด์แฟชั่นจะเริ่มจาก Hi-Brand คือพวกแบรนด์แฟชั่นชื่อดังระดับโลก ออกแบบและผลิตเสื้อผ้า จากนั้นจัดงานแฟชั่นโชว์ ซึ่งกลุ่มคนหลักๆกลุ่มแรกที่จะได้เข้าชมก็คือบุคคลแถวหน้าในวงการแฟชั่นทั้ง บก.นิตยสาร (เรียกรวมๆว่าสื่อสายแฟชั่นต่างๆ) รวมไปถึงดารา เซเลปคนดังทั้งหลายแหล่
แล้วพวกสื่อ(สมัยนั้นก็คือนิตยสารแฟชั่นนี่เอง) เป็นคนช่วยตีพิมพ์ลงข่าว เลือกมาถ่ายแบบ จนประชาชนอย่างเราๆได้เห็น หรือแบรนด์เสื้อผ้าเล็กๆอาจสนใจเอาไปเป็นไอเดียในการผลิตตามๆกัน จนขยายเป็นวงกว้าง แล้วเสื้อผ้าแบบนั้นๆอาจกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นขนาดใหญ่ (Mega trend) ขึ้นมาก็ได้
พอมาตอนนี้ที่ทุกอย่างเข้าสู่โลกดิจิตอลเต็มรูปแบบ เราสามารถดูแฟชั่นโชว์สดๆได้ผ่าน live stream หรือแค่เห็นดารา เซเลปคนดังที่ได้รับเชิญไปงานของแบรนด์ดังโพสต์รูปลง Social media เราก็พอจะรู้ๆกันแล้วว่า เทรนด์แฟชั่นตอนนี้อะไรกำลังมา ไม่ต้องรอนิตยสารตีพิมพ์นานๆอีกต่อไป ทำให้สื่อนิตยสารแฟชั่นก็ต้องปรับตัวเข้าสู่ Platform Online เช่นกัน ไม่งั้นไม่รอดแน่ๆ
แต่ผู้เขียนก็คิดว่าสื่อแฟชั่นกระแสหลักอาจจะยังมีอิทธิพลอยู่ในแง่ของการ “การันตี” ว่าชิ้นเนี้ย เริด ใส่แล้วปัง มันกำลังมา ของมันต้องมี ไม่มีคือเอาท์! (อันที่จริงมีเรื่องของการจ่ายเงินลงโฆษณาจากแบรนด์ดังมาเกี่ยวข้องด้วย ผู้เขียนจะขอเล่าในบทความถัดๆไป ว่าต่างจากการที่ บก.เลือกเองยังไง)
แล้วถ้ายิ่งแบรนด์นั้นได้เซเลปคนดังสวมใส่ให้ก็จะยิ่งปั่นกระแสได้ง่ายมากๆ แค่เค้าถ่ายรูปและโพสต์ลงSocial media ของตัวเอง แค่นี้คนก็หามาใส่ตามแล้ว
เจ๋งไหมล่ะ กับเทรนด์แฟชั่นในยุค Digital !
ถ่ายรูปปุ๊บ โพสต์ปั๊บ จะซื้อมาใส่ตามหรือเอาไอเดียมาก๊อป
ก็ทำได้ทันที ไม่ต้องรอ ช้อปออนไลน์โลดด
แต่ๆๆๆเพราะ Covid-19 ที่ระบาด เทรนด์แฟชั่นก็มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปอีกแล้วนะเอ้ออ จนตอนนี้จะตามไม่ทันแล้วจ้า แต่เอาเถอะ ก็เรื่องแฟชั่นมันสนุกและต้องตามให้ทันนี่นา ..
https://www.glamour.com/story/emily-blunt-on-devil-wears-prada-sequel
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
