1 ส.ค. 2020 เวลา 14:31 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
เปิดกรุหนังของป๋าลีโอ (Leonardo Dicaprio)
Leonardo Dicaprio นักแสดงฮอลลีวูดเจ้าเสน่ห์จากยุค90 ที่ใครๆก็ต่างรู้จัก โดยเขาคนนี้มีผลงานชื่อดังและน่าติดตามมากมาย เรามั่นใจเลยว่าบางเรื่องทุกคนอาจจะรู้จักหรือเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง แต่ก็ยังมีหนังดีๆของป๋าลีโอคนนี้อีกมากมายที่ทุกคนอาจไม่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็น.....
-What's Eating Gilbert Grape (1993)-
นอกจาก What's Eating Gilbert Grape จะทำให้ชื่อเสียงของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงคุณภาพ หนังเรื่องนี้ยังส่งให้ดาราหนุ่มวัย 19 เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก ในเรื่องนี้เขารับบทเป็น อาร์นี เกรป เด็กชายผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญา และเป็นน้องชายของหนุ่มชนบทอย่าง กิลเบิร์ต เกรป ซึ่งรับบทโดย จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp)
-The Basketball Diaries (1995)-
บทบาทเด็กหนุ่มมีปัญหากับที่บ้าน (ช่วงนี้ของอาชีพเขาเราขอเรียกว่าช่วงเด็กมีปัญหาละกัน) มีบาสเก็ตบอลเป็นเพื่อน แต่สุดท้ายก็ไปเสียท่าให้กับยาเสพย์ติด เป็นหนัง Drama ที่เล่าเรื่องการเสียคนของเฮโรอีนได้ดีเป็นเรื่องต้นๆ เพราะได้พระเอกของเราตั้งใจแสดงแบบจัดเต็ม ผลก็คือไม่ได้เข้าชิงอะไรเลย แต่ตามโพลต่างๆในอินเตอร์เน็ต รวมถึงนักวิจารณ์ก็ด้วยลงความเห็นว่า นี่อาจจะเป็นบทบาทที่เล่นดีที่สุดในชีวิตของเขา จะขนาดไหนต้องไปหาดูแล้วแหละ
-Romeo and Juliet (1996)-
ก่อนที่ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ จะทำให้สาว ๆ รักเขาหมดใจจากเรื่อง Titanic หนุ่มคนนี้เคยขยี้หัวใจผู้หญิงทั่วโลกมาแล้วจากการรับบทเป็น โรมิโอ ในหนังที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์สุดอมตะของ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) ในเรื่องนี้เขารับบทนำคู่กับดาราสาว แคลร์ เดนซ์ (Claire Danes) ที่สวมบทเป็น จูเลียต ซึ่งความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ การใช้ภาษาดั้งเดิมตามบทประพันธ์ต้นฉบับ แต่เปลี่ยนฉากหลังให้เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน
-Titanic (1997)-
ไมมีใครไม่รู้จักนังเรื่องนี้ หากพูดถึงผลงานแจ้งเกิดที่แท้จริงของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนังเรื่อง Titanic คือผลงานที่ทำให้เขาโด่งดังเป็นพลุแตกมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะต้องยอมรับจริง ๆ ว่าในยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก แจ็ค ดอว์สัน หนุ่มรูปหล่อที่สานสัมพันธ์รักกับ สาวชั้นสูงอย่าง โรส และเป็นเจ้าของประโยคทอง "I'm the King of the World" ในอีกแง่หนึ่ง Titanic ทำให้ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และ เคต วินสเล็ต (Kate Winslet) กลายเป็นคู่ขวัญที่แฟน ๆ ยังชื่นชมมาจนถึงทุกวันนี้
-Catch me if you can (2002)-
ร่วมงานกับผู้กำกับใหญ่อย่าง Steven Spielberg งานฟอร์มใหญ่แถมได้เล่นคู่กับ Tom Hanks ซะด้วย ทั้งคู่มาในบทโปลิศจับขโมย เรื่องราวชีวประวัติ Frank Abagnail โจรหัวใสที่หลอก FBI ซะหัวหมุนปลอมเช็คไปทั่วอเมริกา สำหรับบทพ่อปลาไหลแบบนี้คนที่มารับบทคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Leonardo ของเรา เป็นผลงานที่เอาชนะใจนักวิจารณ์และนักดูหนังอย่างท่วมท้น
-The Aviator (2004)-
ความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิตการแสดงของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ คือการรับบทเป็น ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ มหาเศรษฐีพันล้านและนักบินผาดโผนในหนังเรื่อง The Aviator ตัวละครของเขามาพร้อมกับความฝันและความทะเยอทะยาน แต่ท้ายที่สุดกลับเผชิญกับอุปสรรคบางอย่างที่ทำให้ความฝันต้องพังทลายลง ในเรื่องนี้ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ มีโอกาสประกบ 2 ดาราสาวอย่าง เคต บลังเชตต์ (Cate Blanchett) และเคท เบคคินเซล (Kate Beckinsale) จนกระทั่งเขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
-Shutter Island (2010)-
คนรักหนังต่างยกให้มันเป็นอีกผลงานระดับขึ้นหิ้งชิ้นหนึ่งของผู้กำกับ เรื่องราวตำรวจสอบสวนสองคนที่ต้องไปแก้ปริศนาบนเกาะโรงพยาบาลบ้า จนสืบสวนกันไปๆมาๆพวกเขาทั้งสองกลับต้องเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า แล้วความบ้าจริงๆมันคืออะไร อะไรที่เรียกว่าบ้า สิ่งที่เขายืนอยู่มันจริงหรือปลอม อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าหนังไม่ได้ฟอร์มยักษ์ แต่เป็นหนังที่โชว์กึ๋นและความเก๋าของผู้กำกับและนักแสดงจริงๆ
-The Wolf of Wall Street (2013)-
อีกหนึ่งการร่วมงานครั้งสำคัญระหว่าง ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ และผู้กำกับ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ในหนังชีวประวัติที่จัดจ้านที่สุดแห่งปี 2013 มาคราวนี้ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ สวมบทเป็นอดีตโบรกเกอร์ผู้มีตัวตนจริงอย่าง จอร์แดน เบลฟอร์ท ที่ประสบความสำเร็จทางการเงินอย่างสูงในยุค 1980 และใช้ชีวิตอย่างหรูหราบนกองเงินกองทองที่ได้มาจากตลาดหุ้น ในเรื่องนี้เราได้เห็น ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ถ่ายทอดชีวิตของโบรกเกอร์หนุ่มไฟแรงตั้งแต่ช่วงสูงสุดจนถึงต่ำสุด ถึงขนาดที่หลายคนยกย่องว่านี่คือการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา
-The Revenant (2015)-
ออสการ์ตัวแรกของ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ มาจากการสวมบทเป็น ฮิวจ์ กลาส นายพรานพ่อลูก 1 ที่ถูกทิ้งให้ตายเพียงลำพังในป่า โดยเขาต้องเอาชีวิตรอดและหาทางกลับมาแก้แค้นใครก็ตามที่เคยทรยศ ซึ่งนอกจากบทบาทสุดโหดที่ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ยังถือว่าทรหดไม่แพ้เรื่องราวในหนัง เพราะบรรดานักแสดงและผู้กำกับ อเลฮานโดร กอนซาเลซ อินาริตู (Alejandro G. Iñárritu) ต้องถ่ายทำในสถานที่จริงที่สภาพอากาศและภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร
เป็นไงกันบ้าง นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของลีโอเท่านั้นค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบบทความที่เราเขียนนะคะ
สำหรับบทความดีๆ และรูปภาพค่ะ
โฆษณา