Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่น • เล่า • เรื่อง
•
ติดตาม
1 ส.ค. 2020 เวลา 21:20 • บันเทิง
หลังคราบน้ำตาคือความเฮฮาบ้าบอ
20 มีนาคม 1995:
กรุงโตเกียว เช้าที่แสนวุ่นวายอันดูจะเป็นกิจวัตรปรกติของชาวญี่ปุ่น ที่กำลังรีบเร่งเบียดเสียดตัวเองเข้าไปในรถไฟฟ้าเพื่อเดินทางให้ทันต่อจุดนัดหมาย ไม่มีใครรู้เลยว่าถุงพลาสติกลึกลับห้าใบที่วางอยู่บนพื้นสถานีนั้น จะพรากชีวิตของพวกเค้าไปอย่างไม่มีวันกลับ
มันคือถึงบรรจุซาริน ของเหลวไร้สี กลิ่น มีฤทธิ์ถึงตายแม้ในความเข้มข้นต่ำมาก โดยผู้ที่ได้รับสารจะเสียชีวิตภายในหนึ่งนาทีหลังสัมผัสโดยตรง เพราะการหยุดหายใจจากกล้ามเนื้อปอดเป็นอัมพาต หรือถ้าไม่ตาย ระบบประสาทก็จะสูญเสียการทำงานตลอดไป
ถุงบรรจุซารินถูกวางเอาไว้ตามสถานีรถไฟต่าง ๆ ห้าจุด และจากเหตุการณ์นั้นก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 12 ราย บาดเจ็บ 50 ราย และอีกนับพันที่สูญเสียการมองเห็นหรือเป็นอัมพาตจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีการจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุในครั้งนี้ นั่นจึงทำให้โลกได้รู้จักลัทธิที่ชื่อว่า "โอม ชินริเกียว"
และผลกระทบดังกล่าวก็ส่งต่อออกไปในวงกว้าง ทำให้สังคมเกิดความระหวาดระแวง แม้แต่วงการบันเทิงเองก็ไม่สามารถที่จะฟื้นฟูจิตใจของประชาชนในประเทศได้มากนัก ยิ่งในส่วนของซีรีส์โทคุซัทสึด้วยแล้ว พวกเค้าจึงเร่งปรับบทเพื่อให้ลดความรุนแรง จนกลายเป็นเหตุที่ทำให้ "โชริกิเซนไตโอเรนเจอร์" ถูกเปลี่ยนเนื้อหาจากที่มีความดราม่าเข้มข้น จนกลายเป็นแนวพล็อตฮีโร่ปกป้องโลกทั่วไปแทน
---------------------------//--------------------------
หนึ่งปีหลังจากนั้น:
อย่างที่แฟน ๆ ทราบกันดีครับ ว่าอะไรดี อะไรดัง BANDAI และ TOEI ไม่รอช้าที่จะหยิบจับมาทำเป็นหนังแปลงร่างเพื่อขายของเล่นในช่วงปีนั้น แต่ด้วย Condition ที่เปลี่ยนไป พวกเค้าจึงพยายามนำเสนอซีรีส์ในปีนั้นด้วยเสียงหัวเราะและความเฮฮา จนเป็นที่มาของ "เกคิโซวเซนไตคาร์เรนเจอร์"
ทาคาเทระ ชิเกโทริ โปรดิวเซอร์สายแหวกแนวของ TOEI ในยุคนั้น (ภายหลังแกได้มาสร้างคูกะ กับฮิบิกิจนกลายเป็นที่ฮือฮานั่นล่ะ) ถูกมอบหมายให้รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์หลักของขบวนการห้าสีเรื่องใหม่ แม้ของเล่นจะอยู่ในวังวนของสารบบซูเปอร์เซนไตอย่างยานพาหนะที่ถูกใจเด็ก ๆ แต่การนำเสนอที่แปลกกว่าเรื่องอื่นนั้น ก็ทำให้คาร์เรนเจอร์เป็นที่กล่าวถึงของผู้ชมจนถึงปัจจุบันในแง่ของความฮาบ้าบอที่หาสาระไม่ค่อยได้ แต่ก็ทำให้หัวเราะออกมาได้แบบไม่ต้องอายใคร
---------------------------//--------------------------
แก๊งซิ่งแห่งจักรวาล:
เรื่องราวของคาร์เรนเจอร์นั้นจะกล่าวถึง "แดบปุ" เอเลี่ยนเยาวชนที่ดูยังไงก็เหมือนอีทีไม่มีผิดเพี้ยน เค้าหนีมาจากดาวบ้านเกิดจากการทำลายล้างของแก๊งเด็กแว้นแห่งจักรวาล "โบซอร์ค"
เมื่อแดบปุมาถึงโลก ก็พบว่าพลัง "คุรุมาจิก" ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มดาวแห่งยานพาหนะในกาแลคซี่ต่าง ๆ (มันมีด้วยเรอะ!) นั้นเชื่อมต่อกับมนุษย์โลกห้าคน และไอ้ห้าคนนั้นดันเป็นพนักงานในอู่รถ "เพกาซัส" อีกด้วย พอดีกับที่แก๊งโบซอร์คเคลื่อนพลมาถึงโลกพอดี แดบปุจึงนำอุปกรณ์และเทคโนโลยีมาให้กับพวกมนุษย์สุดต๊องทั้งห้าเพื่อแปลงร่างเป็นคาร์เรนเจอร์ และปกป้องโลกด้วยเสียงหัวเราะแบบ Non Stop
อะไรที่เรื่องก่อนหน้าทำ คาร์เรนเจอร์ทำได้บ้ากว่า อะไรที่ล้อได้ คาร์เรนเจอร์ล้อหมด คุณจะได้เห็นแดบปุใส่เสื้อบาสเบอร์ 23 ของไมเคิล จอร์แดน ที่กำลังดังเป็นไอคอนของโลก ณ ช่วงเวลานั้น คุณจะได้เห็นการขยายร่างสุดฮาที่เกิดจากการกินมันต้มอัดแท่งของร้านอิโมะโชว และหากวันไหนกินขนมหมดอายุ พวกมันจะตัวหดแทน หรือคุณเกือบจะได้เห็นหุ่นมาxxก้าออกมาต่อยกับ RV Robo แบบไม่เกรงใจเจ้าของลิขสิทธิ์ (จริง ๆ เวอร์ชั่นอนิเมะเป็นของเครือเดียวกัน TOEI Animation) แต่ทีมงานก็เปลี่ยนใจก่อนเพราะหน้าตามันคล้ายเกินไป
และอีกสารพัดความฮาที่คุณอาจจะต้องเกาหัวว่า "ได้เหรอวะ" ที่คาร์เรนเจอร์พยายามนำเสนอให้คุณในแต่ละตอน และความสนุกจะเพิ่มขึ้นอีกถ้าคุณดูสื่อบันเทิงมามากพอ เพราะพวกเค้าจะกัดจิกทุกสิ่งอย่างจนทำให้คุณรู้สึกว่าผู้สร้างเล่นกันโหดพอ ๆ กับกินทามะฉบับอนิเมะเลยทีเดียว
---------------------------//--------------------------
ผลตอบรับจากชาวญี่ปุ่นในแง่ของการตลาดอาจจะไม่ตรงเป้าเท่าไหร่นัก เพราะยอดขายตกลงจากปีก่อนหน้าราว 20% แต่สวนทางกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนลุกขึ้นเดินหน้าต่อจากโศกนาฏกรรมอันเลวร้ายไปได้ คาร์เรนเจอร์กวาดเรทติ้งไปถึง 4.8% ซึ่งมากกว่าโอเรนเจอร์ที่ทำไว้ 4.5%
ส่วนบ้านเรานั้นก็มีความสัมสนกันนิดหน่อย เพราะราว ๆ พศ. 2539 นี่เป็นขบวนการเดียวที่ถูกนำมาฉายในเมืองไทยแล้วถูกเปลี่ยนชื่อ ...
ชื่อที่ถูกเปลี่ยนไปใช้นั้นก็คือ "เทอร์โบเรนเจอร์" ครับ เหตุผลก็เพราะว่าสปอนเซอร์หลักในตอนนั้นได้นำของเล่นที่มาจากซีรี่ย์ "Power Rangers : Turbo" หรือคาร์เรนเจอร์เวอร์ชั่นอเมริกาเข้ามาขาย เพื่อให้เด็กจำได้ รวมไปถึงขยายแบรนด์สินค้าได้ง่ายขึ้น คาร์เรนเจอร์ในเมืองไทยถึงถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเทอร์โบเรนเจอร์นั่นเอง
เอาเป็นว่าถ้าอยากจะหาอะไรดูแล้วทำให้สมองบินได้ หยิบคาร์เรนเจอร์มาดูให้จบเลยครับ
.
.
.
ปล. ฉากที่ผมประทับใจที่สุดในเรื่อง น่าจะเป็นการปรากฏตัวของ "โบโซเซนไต โซคุเรนเจอร์" ทีมล้อเลียนที่โคตรจัดเต็มด้วย OP ของตัวเอง (เอา OP หลักมาดัดแปลง) นั่นล่ะ แถมตอนสู้กันก็ล้อพวกซูเปอร์เซนไตรุ่นปู่กันแบบไม่เกรงใจเลย #ฮา
"ไม่ต้องกลัว ถ้าเพลงเปิดของเราขึ้น ยังไงต้องชนะแน่นอน"
- หัวหน้าแก๊งโซคุเรนเจอร์ -
มีคลิปยืนยันความฮา
https://youtu.be/d9FST34_ibU
อันนี้แบบ MAD
https://youtu.be/PCVR5oxLS8g
========================
ที่มาของข้อมูลเพิ่มเติม:
https://www.bbc.com/news/world-asia-35975069
https://w.atwiki.jp/shichouseiko/pages/66.html
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย