EP02 ความโลภและยาแรง
แพทย์คนหนึ่งพลาดพลั้งจากการผ่าตัด ส่งผลให้ชีวิตทางการงานของเขาล่มสลาย
โดนถอดใบอนุญาตทางการแพทย์ ติดคุก และโดนปรับเงิน
ครอบครัวที่แสนสุขเริ่มมีปัญหา ภรรยาเริ่มป่วยอย่างเป็นปริศนา
ลูกสาวเริ่มป่วยตาม อะไรเป็นสาเหตุที่เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น จนกระทั่งเส้นผมบางๆ หนึ่งเส้นของภรรยาแพทย์ผู้นี้ได้ถูกนำไปตรวจ พวกเขาก็พบสิ่งที่น่าตกใจ
ครอบครัว Pignataro (ซ้าย)Debbie (ขวา) Dr. Anthony
Dr. Anthony Pignataro เป็นหมอฝึกหัด เขามาจากครอบครัวที่ดี
Anthony เดินรอยตามพ่อของเขาที่เป็นแพทย์ผ่าตัดมือหนึ่งในเมือง Buffaro
รัฐนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกา Anythony พบกับ Deborah Rago หรือ Debbie ซึ่ง
ตอนนั้นเธอได้ทำงานเป็นเภสัชกร พวกเขาแต่งงานกันในเวลาต่อมา และมีลูกด้วย
กัน 2 คน
Anthony มองหาลู่ทางที่จะสร้างครอบครัว เขาต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงิน และในฐานะของการเป็นแพทย์ Anthony คิดว่าการทำศัลยกรรมจะช่วยสร้างเม็ด
เงินได้อย่างมากมาย จากความรู้ที่เขาได้ร่ำเรียนมา และด้วยชื่อเสียงของพ่อเขาจากการเป็นแพทย์ผ่าตัดที่ได้รับการยอมรับ มันทำเขามุ่งมั่นมากขึ้น
Anthony ย้ายครอบครัวไปอยุ่ที่ชานเมือง Buffalo ทางตอนใต้ของ Seneca ที่นั่น
เขาได้เปิดคลีนิกศัลยกรรม เพราะรู้ว่ายังมีหญิงสาวมากมายที่ต้องการจะเปลี่ยน
แปลงตัวเองให้สวยขึ้น
ทุกอย่างเหมือนจะเข้าไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้ ถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อน
Sarah Smith คุณแม่ลูกสอง วัย 26 ปี
Sarah Smith คุณแม่ลูกสอง วัย 26 ปี มีนัดผ่าตัดเต้านมกับ Dr. Anthony
หลังฉีดยาชาไปสักพัก Sarah เริ่มบ่นว่าปวดหน้าอก Anthony เลยจ่ายยา Sodium Pentathol เพื่อบรรเทาอาการปวด แต่หลังจากการฉีดยาไป Sarah เริ่มไม่รู้สึกตัว
อวัยวะในร่างกายเริ่มไม่ทำงาน Anthony ตบหน้าเธอเบาๆ พร้อมกับเรียกชื่อ
แต่ไม่มีสัญญาณใดๆ จากร่างกายเธอตอบ
Sarah เสียชีวิตแล้ว
หลังพิสูจน์การเสียชีวิต เจ้าหน้าที่สืบสวนพบสาเหตุการตายของ Sarah ว่าเธอเสีย
ชีวิตจากการใช้ยาชามากเกินไป ทำให้เกิดการขาดอากาศหายใจ เมื่อตรวจสอบ
สถานที่ผ่าตัด ก็พบว่าคลีนิกของ Dr. Anthony ไม่มีวิสัญญีแพทย์ ไม่มีนางพยาบาลมืออาชีพ และไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ที่นั่นมีเพียง พยาบาลฝึกหัดที่ยังไม่ได้รับการ
บรรจุเป็นพยาบาล (เรียกง่ายๆ ว่ายังเรียนอยู่) ส่วนผู้ช่วยอีกคนก็ยังเรียนโรงเรียน
มัธยมปลายเท่านั้น
ที่สำคัญเมื่อตรวจสอบเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ก็พบว่า
Dr. Anthony ไม่มีใบประกาศทางด้านศัลยกรรมความงาม ที่สำคัญเขาไม่เคย
เรียนมาด้านนี้เลยด้วยซ้ำ
Dr. Anthony ถูกจับกุมเมื่อพบว่าเขาเปิดคลีนิกศัยกรรมแบบผิดกฎหมาย
Debbie บอกกับตำรวจว่า Anthony เป็นแพทย์ฝึกหัดด้านหู ตา คอ
แต่เขาเรียนไม่จบ นั่นหมายความว่า Anthony ก็ไม่ได้ถือเป็นแพทย์ที่แท้จริง
เมื่อมีการสอบสวนในเรื่องนี้มากขึ้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเฉพาะทางได้บอกว่า
Sarah จะไม่ตายเลยถ้ามีเครื่องมือกู้ชีพ แต่ว่าการผ่าตัดในลักษณะนี้ จำเป็นต้องมี
ขั้นตอนในการทำ การตรวจสอบ ที่สำคัญจะต้องทำในโรงพยาบาลเท่านั้น
เพราะเครื่องมือครบครันกว่า
Anthony แย้งว่าโอกาสของการเกิดอุบัติเหตุในลักษณะนี้เป็นเรื่องปกติ
แต่อย่างไรก็ตามเขาถูกจับคุมในความผิดฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา และถูกถอด
ใบอนุญาตทางการแพทย์ รวมถึงโดนปรับเป็นจำนวนเงิน $5,000 และ
จำคุกเป็นระยะเวลา 6 เดือนพร้อมชดใช้บริการสาธารณะเป็นเวลา 250 ชั่วโมง
เมื่อเป็นเหตุการณ์เช่นนี้ Debbie ในฐานะภรรยาเธอยังพร้อมอยู่เคียงข้าง Anthony เสมอ เมื่อ Anthony ออกจากคุก Anthony ตกงานเพราะใบประกอบอาชีพเขา
โดนยึด เขาหางานไม่ได้เลย แต่นั่นก็ยังห่างไกลกับคำว่าปัญหา
พวกเขาต้องพบกับมือปริศนาที่พ่นสีผนังหน้าบ้านของเขา
“ผู้ร้ายฆ่าคน” หรือบางครั้ง Anthony จะได้รับจดหมายขู่ว่า “แกจะต้องชดใช้การ
ตายของ Sarah” แม้ว่า Anthony จะหางานทำไม่ได้ แต่เขาก็เป็นพ่อที่ดีและดูแล
บ้านได้ดี แต่ไม่นานความตึงเครียดก็เกิดขึ้นกับครอบครัว Pignataro
Debbie จับได้ว่า Anthony นอกใจ เธอจึงขอแยกทางกับเขา แต่ด้วยความที่
Anthony ยังไม่สามารถหางานทำได้ และเขายังคงดูแลลูกๆ ได้ดี การเป็นรูมเมทจึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่เพียงไม่กี่เดือนพวกเขาก็กลับมาคืนดีกันและกลับมาอยู่ด้วยกันเช่นเดิม
Debbie Pignataro
วันหนึ่ง Debbie รู้สึกหน้ามืด เวียนหัว ร่างกายอ่อนแอ แต่คิดว่า คงเป็นแค่
อาการไข้หวัดน่าจะหายไปเอง แต่อาการไข้ของเธอกลับนานนับเดือน ส่วนใหญ่
เธอจะรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนและเวียนหัวอยู่เป็นพักๆ
ไม่นาน Debbie เริ่มเสียการทรงตัวและการเดิน บ่อยครั้งที่ยกแขนและขาไม่ได้
คล้ายกับคนไม่มีแรง แพทย์ผู้รักษาบอกกับเธอว่า น่าจะเป็นโรคไขสันหลังพิการ หรืออาจจะเป็นโรคตับอ่อน แต่ก็หาคำตอบของโรคที่แท้จริงไม่ได้ อาการของ Debbie
แย่ถึงขนาดเดินไม่ได้ต้องนั่งรถเข็น
คราวนี้ที่ Anthony เป็นฝ่ายอยู่เคียงข้างเธอบ้าง เขาแนะนำให้ Debbie ผ่าตัด
เอาถุงน้ำดีออก เพราะน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การทำงานของตับอ่อนแอลง แต่
แพทย์ไม่เห็นด้วย เนื่องจากร่างกายของ Debbie ค่อนข้างอ่อนแอมาก และมีความ
เสี่ยงต่อการผ่าตัด ร่างกายของเธอแย่มากถึงขนาดแพทย์บอกว่าเธออาจตายได้
ทุกเมื่อ
โชคดีที่อาการของเธอดีขึ้น แต่ก็แค่ระยะสั้นๆ อาการของเธอกลับมาแย่ลงเรื่อยๆ
ความจำของเธอหลงๆ ลืมๆ แต่ Debbie สังเกตเห็นว่า Lauren ลูกสาวคนโตของ
เธอก็เริ่มมีอาการป่วยคล้ายกับของเธอแต่ไม่รุนแรงเท่า
Debbie เริ่มนอนโรงพยาบาลเพราะอาการเริ่มหนักมากขึ้น ครั้งนี้แพทย์ลองนำไขสันหลังกระดูกของเธอไปตรวจ ผลออกมาพวกเขาก็บางอย่างที่คาดไม่ถึง
Arsenic หรือสารหนู
มันคือสารหนูที่มีส่วนประกอบของสารพิษที่ร้ายแรง มีพิษเป็นโลหะที่สามารถฆ่าคน
ได้อย่างง่ายดาย ในร่างกาย Debbie พบสารหนูสูงถึง 29,580 ไมโครกรัมต่อลิตร
มันเป็นระดับที่สูงมากในตัวมนุษย์เลยทีเดียว เพราะแค่เพียง 50 ถึง 100 มิลลิกรัมก็สามารถฆ่าคนได้แล้ว แต่ Debbie ได้รับมันถึง 80 ครั้ง มันเป็นเรื่องที่ปาฏิหารย์มากที่ Debbie ยังคงมีชีวิตอยู่
Debbie ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาและได้รับการคุ้มครองในทันที เจ้าหน้าที่สืบสวน
กลับมาอีกครั้งพร้อมกับตั้งคำถามว่าเธอถูกวางยาได้อย่างไร และใครเป็นคนทำ
คราวนี้แพทย์ได้ลองตรวจร่างกายของทั้งครอบครัว Pignataro และพบสารหนู
ในร่างกาย Lauren เกินปกติ ยกเว้นลูกชายและตัวของ Anthony เอง เจ้าหน้าที่สืบสวนลองตรวจสอบน้ำในดินเผื่อจะค้นเจอต้นตอของสารหนู แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร
เจ้าหน้าที่คิดว่า Debbie อาจจะเป็นคนลงมือวางยาตนเองซะเอง แต่ Debbie
ยืนกรานว่าเธอไม่มีทางทำแบนนั้นแน่ๆ โดยเฉพาะกับลูกของเธอ
Anthony สงสัยว่าอาจจะเป็นฝีมือของ Dan สามีของ Sarah Smith ที่ยังคงโกรธ
แค้นเลยมาเล่นงาน Debbie แทน เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจค้นบ้านของ Dan แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ รอบนี้เจ้าหน้าที่หันมาสอบถาม Lauren ลูกสาว Debbie แทน
เพราะเธอมีอาการใกล้เคียงกับแม่ของเธอ เริ่มจากอาหารมื้อเช้าที่เธอกินในวันที่เธอเริ่มมีอาการป่วย ลูกสาวของเธอตอบว่าเธอกินซุปที่เหลือจากห้องครัว และในคืนนั้น
เองที่เธอเริ่มอาเจียน
Anthony เป็นคนทำซุปนั้น
LaurenลูกสาวคนโตของAnthony และ Debbie (ที่สามจากซ้าย)
เพื่อที่จะมั่นใจว่า Debbie ได้รับสารหนูมากพอสมควร แพทย์ได้ลองนำเส้นผมของ
เธอไปตรวจเพื่อค้นหาสารพิษในร่างกาย เพราะเส้นผมจะโตขึ้นเดือนละ 1 ซม. เมื่อ
เส้นผมโตขึ้น จะทำให้รากผมแข็งแรง และมันเป็นแหล่งรวมสารอาหารต่างๆ ที่ไหล
เวียนในเลือดภายในร่างกายของคน ดังนั้น สารพิษยังคงตกค้างที่เส้นผมนั่นเอง
เจ้าหน้าที่ตัดเส้นผมของ Debbie อย่างละ 1 เซนต์เพื่อดูว่าเธอเริ่มโดนวางยาตั้งแต่
เมื่อไหร่ เมื่อตรวจสอบกับเครื่องมือหาสารพิษแล้ว เขาก็พบว่าเธอเริ่มโดนวางยาพิษตั้งแต่ Sarah Smith ได้เสียชีวิตลง แต่ช่วงนั้นครอบครัวของ Sarah ได้ย้ายไปอยู่
เมืองอื่นตั้งแต่จัดงานศพเธอไปนานแล้ว และร่างกายของเธอได้รับสารหนูเพิ่มมาก
ขึ้นๆ เรื่อยนับจากนั้น
ตอนนี้ เหลือผู้ต้องสงสัยเพียงคนเดียว คือ Anthony
หลัง Anthony กลับมาคืนดีกับ Debbie และอยู่ด้วยกัน Debbie จึงได้เริ่มป่วย
และเป็นหนักมากขึ้นในเดือนถัดมา Lauren ได้ให้การกับตำรวจว่า ในช่วงที่พ่อเธอ
กลับมาอยู่ที่บ้าน ได้นำเครื่องดักหนูมาไว้ที่บ้านหลายอันมาก เมื่อตรวจสอบเครื่อง
ดักหนูก็พบว่ามันมีสารหนูในนั้นด้วย
ตอนนี้ตำรวจสาวลึกลงไปเกี่ยวกับ Anthony มากขึ้น เขาพบว่า Anthony ได้คบค้า
สมาคมกับเพื่อนในคุกตอนที่เขาถูกจำคุกและได้เริ่มเสพเฮโรอีน แถมยังได้นอกใจ
Debbie ไปมีผู้หญิงคนอื่น แต่เขากลัวความลับเหล่านี้จะถูกเปิดเผย เพราะคนที่ยื่น
มือมาช่วยเรื่องการเงินมาตลอดคือแม่ของเขา อีกทั้งแม่ของ Anthony ปลื้มลูกสะใภ้คนนี้มาก ถ้า Anthony หย่าก็อดได้ความช่วยเหลือทุกอย่างจากแม่ของเขา
แต่นั่นยังไม่ใช่แรงจูงใจแค่เพียงอย่างเดียว เจ้าหน้าที่สืบสวนพบว่า Anthony ได้
ร่างสคริปต์ชื่อว่า MD: Mass Destruction (วิธีทำลายทางด้านการแพทย์) มันเป็น
เรื่องราวทางด้านการแพทย์ของเขาที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด การปรักปรำเขาให้
กลายเป็นผู้สูญเสียอาชีพ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าสิ่งที่เขาเขียนคือพยายามทวงคืน
ใบอนุญาตการประกอบอาชีพแพทย์กลับมา และการที่ Debbie ได้รับสารพิษจะทำ
ให้เกิดอาการในกระเพาะอาหาร
จากนั้นเขาจึงพยายามยุให้ Debbie ผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้า
Debbie ทำการผ่าตัด เธอจะต้องตายระหว่างการผ่าตัดในโรงพยาบาลแน่ๆ ซึ่ง
Anthony ก็จะสามารถเถียงกับสภาแพทย์ได้ว่า การตายในระหว่างการทำการผ่า
เป็นเรื่องปกติ แม้แต่ในโรงพยาบาลก็ไม่สามารถการันตีอะไรได้เล
Anthony ก่อนจะโดนจับกุม
เจ้าหน้าที่ยังพบอีกว่า Anthony เป็นคนพ่นสีเขียนคำข่มขู่ที่ฝาผนังบ้านของเขาเอง
เพื่อให้ Debbie เข้าใจว่าเป็นฝีมือของครอบครัว Sarah Smith
โชคดีของ Debbie ที่เธอยังมีชีวิตรอด โดยไม่ได้รับรู้ถึงภัยจากคนที่เธอรักและอยู่
เคียงข้างเขามาโดยตลอด
Anthony ถูกดำเนินคดีฐานเจตนาฆ่าคนตายและจำคุก 15 ปี
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
