1) ลองจินตนาการ…สมมติว่าเรามีลูกอายุ 3 ขวบกำลังเรียนเตรียมอนุบาลที่เราต้องไปส่งและรับลูกกลับจากโรงเรียนเป็นกิจวัตรของทุกวัน… ตอนเช้าผ่านไป เราก็ไปส่งลูกตามปกติ แต่ทันใดนั้นเอง… เกิดมีธุระด่วนช่วงเย็น… ทำให้เราต้องไปรับลูกสาย… ส่งผลให้คุณครูต้องอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหนูน้อยลูกเราจนกว่าเราจะไปรับ…ซึ่งสายกว่าปกติประมาณ 1 ชั่วโมง… เป็นเรา เราจะทำยังไง ระหว่าง…
.
ทางที่ 1 : กล่าวคำขอบคุณคุณครูที่ช่วยดูแลลูกให้เป็นพิเศษ
ทางที่ 2 : จ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้คุณครู
.
ถ้าเราเลือกที่จะกล่าวขอบคุณและซาบซึ้งที่คุณครูช่วยอยู่ดูแลเป็นกรณีพิเศษ เราก็น่าจะรู้สึกถึงความเกรงใจและจะพยายามอย่างสุดความสามารถไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก หรืออย่างน้อยก็ให้เกิดน้อยที่สุดใช่มั้ยล่ะครับ…โดยในบทความนี้ เราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “Social Norm”
.
แต่…ถ้าเราเลือกที่จะจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้ครู สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเราจะเริ่มรู้สึกว่าการที่ครูอยู่ดูแลลูกให้เรานั้นเป็นสิ่งที่ครู “ได้ผลประโยชน์” ซึ่งในที่นี้ก็คือ “เงิน” และในอนาคตเราอาจจะรู้สึกว่ามันก็อาจจะโอเคที่จะมารับลูกสายนิดๆ หน่อยๆ อาจเพราะอยากจะอยู่เคลียร์งานที่ออฟฟิศเพิ่มอีกซัก 20 นาที แล้วเดี๋ยวค่อยจ่าย “เงิน” ให้คุณครูก็ได้… โดยในบทความนี้ เราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “Market Norm”