4 ส.ค. 2020 เวลา 11:39 • สุขภาพ
ยุทธศาสตร์ Zero New Case
ถ้ายังจำกันได้ ช่วงแรกๆ ของการระบาดของ COVID 19 มีการพูดถึงยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า Hammer and Dance หรือ ทุบด้วยค้อนแล้วต่อด้วยเต้นระบำ ซึ่งมีที่มาจากนักวิชาการต่างประเทศ และมีหลายประเทศนำหลักการนี้ไปประยุกต์ใช้รวมทั้งประเทศไทย
ความหมายของยุทธศาสตร์นี้ก็คือ ใช้มาตรการที่เข้มข้นสุดๆ ในช่วงแรกเพื่อให้อัตราการระบาดของโรคลดต่ำลงอย่างรวดเร็วจนถึงต่ำสุดๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนคลายเพื่อให้เศรษฐกิจยังไปต่อได้ และยอมรับหากว่าจะมีการระบาดของโรคอยู่บ้างในระดับต่ำในขนาดที่ระบบสาธารณสุขของประเทศยังพอรับไหว
อย่างไรก็ตาม คนไทยเราร่วมใจกันทำได้ดีเกินคาด ทำให้ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศติดต่อกันเกิน 2 เดือนแล้ว
แต่ก็ต้องแลกด้วยความบอบช้ำทางเศรษฐกิจ ประเมินว่าจีดีพีอาจจะติดลบถึงเลขสองหลัก
แน่นอนว่า เราเริ่มผ่อนคลายทีละขั้น เราเริ่มเต้นระบำทีละจังหวะ เริ่มจากสโลว์แล้วค่อยๆ เร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าสังเกตจะพบว่า รถเริ่มติดเหมือนเดิม คนเริ่มทานอาหารนอกบ้าน เดินห้าง จับจ่ายใช้สอย เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ
กิจกรรมในประเทศเริ่มกลับมาแม้จะยังไม่เหมือนเดิม
เราเคยหวังไว้ว่า ในที่สุดถ้าสถานการณ์ดีขึ้น เราจะสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ
แต่ถ้าดูจากสถานการณ์การระบาดของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จะพบว่ายังลุกลามอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งประเทศที่เคยควบคุมได้ดีก็มีรายงานว่าเริ่มมีการระบาดกลับมาใหม่ เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เวียดนาม
ถึงตอนนี้ ต้องกลับมาคิดว่าเราจะเร่งจังหวะการเต้นระบำกันต่อดีหรือเปล่า เช่น เปิดให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา
เราจะยังยอมรับการระบาดในระดับต่ำๆ เหมือนที่เราเคยคิดอยู่หรือไม่
ประเด็นเหล่านี้มีผลต่อการปรับยุทธศาสตร์ในการต่อสู้กับการระบาด
สถานการณ์ของเราตอนนี้อยู่ในจุดที่ได้เปรียบกว่าหลายๆ ประเทศ เนื่องจากเชื่อว่าไม่น่าจะมีเชื้อในประเทศแล้ว การระบาดรอบใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเข้าประเทศโดยไม่มีการกักกัน หรือมีความหละหลวมในระหว่างการกักกัน
เป้าหมายของเราน่าจะเปลี่ยนจากการยอมรับการระบาดในระดับต่ำๆ เป็นการพยายามป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศเลย หรือ zero new case
เหตุผลก็คือ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะสามารถควบคุมการระบาดให้อยู่ในระดับต่ำได้ หลายประเทศที่มีระบบการแพทย์และสาธารณสุขแนวหน้าของโลกก็พลาดมาแล้ว การควบคุมโรคที่มีช่วงระยะฟักตัวยาวและแพร่เชื้อได้แม้ในช่วงที่ไม่มีอาการนั้นไม่ง่ายเลย
วิธีการทำให้เกิด zero new case นั้นง่ายกว่ามาก ก็คือการกักกันผู้เข้าประเทศอย่างน้อย 14 วันอย่างเคร่งครัดแบบที่ทำกันอยู่เวลานี้ ที่สำคัญต้องทำโดยไม่มีข้อยกเว้น
อีกประการหนึ่ง หากเปิดประเทศแล้วเกิดมีการระบาดแม้จะอยู่ในระดับต่ำ นักท่องเที่ยวต่างชาติก็คงไม่อยากมาบ้านเราอยู่ดี ตรงกันข้าม อาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทยด้วยกันเองมากกว่า กิจกรรมในประเทศที่กำลังเริ่มฟื้นตัว อาจถอยกลับไปเหมือนเดิม
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างก็คือ การผลิตวัคซีนคืบหน้าอย่างรวดเร็วมาก และมีแนวโน้มที่จะประสบผลสำเร็จในการป้องกันโรค แม้ว่าจะยังไม่แน่นอน แต่น่าจะคุ้มค่าในการที่จะรอเมื่อเทียบกับความสูญเสียหากเกิดการระบาดในระลอกที่สอง
ถ้าอยากจะเต้นรำ เรามา”รำวง”กันดีกว่า อย่าถึงกับเต้นร็อคแอนด์โรลล์เลย
โฆษณา