Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต Be Healthy, Be Happy
•
ติดตาม
4 ส.ค. 2020 เวลา 02:39 • สุขภาพ
เคล็ดลับ! เตรียมตัวอย่างไรให้มองชัดเท่าเด็กอายุ 20 หลังผ่าตัดต้อกระจก
ปัจจุบันนี้เทคนิคการผ่าตัดตาและเลนส์แก้วตาเทียมมีการพัฒนาไปมาก จึงเป็นโอกาสทองของหลาย ๆ คนที่เริ่มมีอาการตาเริ่มมัวแล้วต้องการผ่าตัดต้อกระจกเปลี่ยนเลนส์ตา ถามว่าทำไมต้องผ่าน่ะเหรอครับ ก็เพราะว่าคนเหล่านั้นต้องการกลับมามองเห็นชัดเหมือนตอนยังเป็นหนุ่มเป็นสาวและบางทีผลอาจดีกว่า แถมส่วนใหญ่จะทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้ไปนานตลอดชีวิตเลย
แต่นั่นแหละครับ การผ่าตัดก็ยังเป็นการผ่าตัด มันไม่ได้มีแต่ข้อดี ดังนั้นถ้าต้องการให้ผลลัพธ์ในการผ่าตัดต้อกระจกออกมาดีอย่างที่ฝันไว้ก็ต้องรู้เคล็ดลับ 3 ข้อนี้ก่อนที่จะไปปรึกษาคุณหมอ
1. จดรายการโรคประจำตัวและนำยาที่กินทั้งหมด...เอามาให้หมอดู
สิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินว่าการมองเห็นออกมาดีแค่ไหนหลังจากผ่าตัดต้อกระจกไปแล้วนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ “จะผ่าเมื่อไหร่” แต่มันอยู่ที่ว่า “เตรียมตัวดีแค่ไหน” ต่างหาก และนี่คือความลับที่หลายคนไม่รู้ครับ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องเตรียมคือจดรายการโรคประจำตัวและยาที่ใช้ทั้งหมดนำมาให้หมอที่จะรักษาคุณดู โดยเฉพาะยาที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน โรคความดันเลือด โรคหัวใจหรือยาละลายลิ่มเลือด และยาต่อมลูกหมาก
สำหรับคนที่วางแผนจะผ่าตัดต้อกระจกเปลี่ยนเลนส์ตาภายใน 1-2 เดือน หรือ 1 ปี แต่ว่ามีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง ผมแนะนำให้คุณบอกแผนการผ่าตัดต้อกระจกของคุณให้กับหมอประจำตัวที่รักษาโรคเบาหวานกับความดันให้รับรู้ เพื่อที่คุณหมอจะได้ช่วยคุณเตรียมควบคุมระดับน้ำตาลและความดันให้คงที่ ซึ่งจะช่วยให้การผ่าตัดต้อกระจกเป็นไปอย่างราบลื่นไม่มีสะดุด
2. เคยทำอะไรกับ “ตา” มาบ้าง...บอกหมอให้หมดเปลือก
บอกก่อนเลยครับว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ตกม้าตายกันมาเยอะแล้ว! คนไข้ที่ไม่บอกหมอว่าตัวเองทำอะไรกับดวงตามาแล้วบ้าง เพราะคิดว่าตอนที่หมอตรวจดูตาแล้วคงรู้เองว่าตนทำอะไรมา ซึ่งมันยากมากครับที่หมอจะรู้ เพราะบางอย่างก็ไม่สามารถเห็นและรู้ได้ขณะที่ตรวจ อย่างเช่น บางคนเคยทำเลสิก (LASIK) มาเมื่อ 20 ปีก่อน หากจะให้หมอตรวจแล้วรู้ว่าทำเลสิกมานั้นค่อนข้างยากมาก เพราะร่องรอยการทำแทบไม่มีเหลือให้หมอเห็นแล้ว
ดังนั้น ถ้าเคยทำอะไรกับดวงตามาก็ควรบอกคุณหมอให้หมด ไม่ว่าจะเคยทำเลสิกมาแล้วกี่ปี หรือเคยเลเชอร์ตามาไหม หรือแม้แต่งดใส่คอนแทคเลนส์มาแล้วกี่วันก่อนมาตรวจตา เรื่องพวกนี้เหมือนเส้นผมบังภูเขา ดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เชื่อผมเถอะครับว่ามันทำให้ผลการมองเห็นหลังการผ่าตัดต้อกระจกนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เรียกว่าผิดหวังกันทั้งหมอและคนไข้
3. ควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเลนส์แก้วตาเทียมบ้าง
อย่างที่ผมเปิดประเด็นตั้งแต่ต้นแล้วว่าปัจจุบันเลนส์แก้วตาเทียมได้รับการพัฒนาไปมาก มีหลากหลายประเภท ตั้งแต่เลนส์ธรรมดา เลนส์แก้สายตาเอียง เลนส์หลายระยะ เลนส์ 2 ระยะ เลนส์ 3 ระยะ เอาเป็นว่ามีเยอะ ซึ่งเลนส์แต่ละประเภทจะให้ผลการมองเห็นที่ไม่เหมือนกัน เลนส์บางชนิดเมื่อผ่าตัดไปแล้วมองใกล้ด้วยตาเปล่าไม่ได้จะต้องใส่แว่นช่วย แต่ในทางกลับกันเลนส์บางชนิดก็สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้เลยเกือบทุกระยะโดยไม่ต้องใช้แว่น ส่วนราคาในการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมก็จะขึ้นกับประเภทของเลนส์ เทคโนโลยีที่ใช้ผ่ารวมถึงความซับซ้อนในกระบวนการผ่าตัดว่ามีมากแค่ไหน อย่างเลนส์ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผ่าตัดราคาก็จะเป็นหลักแสน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ในส่วนตัวผมเวลาที่คุยกับคนไข้นั้น พบว่าถ้าคนไข้เตรียมตัวและมีความรู้พื้นฐานเรื่องเลนส์แก้วตาเทียมมาบ้าง กลับพบว่าการคุยกันให้เข้าใจนั้นง่ายขึ้น และการรับการปรึกษาใช้เวลาสั้นสง ที่สำคัญคือสุดท้าย คนไข้เข้าใจตั้งแต่ก่อนผ่าตัดว่าตัวเองกำลังจะได้รับอะไรและการมองเห็นรวมถึงชีวิตหลังผ่าตัดน่าจะออกมาประมาณไหน ซึ่งอันนี้ทำให้คนไข้มีความสุขและความพอใจหลังผ่าตัดมากขึ้นเยอะ
นั่นแหละครับเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้ผลการผ่าตัดต้อกระจกของคุณออกมาดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ... ชอบกดไลค์ ใช่เป็นประโยชน์ กดแชร์
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
นพ.กัปตัน วิริยะลัพภะ
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย