4 ส.ค. 2020 เวลา 04:34 • สุขภาพ
นมสัตว์ มหันตภัยที่คนมองข้าม
ตั้งแต่เล็ก แม่คอพร่ำสอนมาตลอดว่าให้ดื่มนมจะได้สูงๆ ผมเชื่อว่าอีกหลายท่านก็เคยเจอมาซึ่งก็ไม่แปลกครับ เพราะเราต่างได้รับความรู้มาเหมือนๆกันว่านมนั้นดีต่อร่างกาย ต้องกินเยอะๆ แต่ใครหละเป็นคนบอกหรือเราฟังมาจากไหนว่านมดี แล้วมันดีจริงรึเปล่าวันนี้ขอนำเสนออีกมุมมองนึงเกี่ยวกับนม จะเชื่อหรือไม่เชื่ออันนี้แล้วแต่ทุกท่านเลย ผมมีหน้าที่แค่เพียงนำเสนอในสิ่งที่ไม่ถูกครอบงำจากบริษัทหรือนายทุนใดๆและไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครหรือกิจการใด แค่เพียงนำเสนอข้อมูลครับโดยรวบรวมมาจากหลายๆแห่ง
ก่อนอื่นเรามาดูกันทีข้อดีของนมที่เคยรู้กันมาว่ามีแคลเซียมสูง ถ้างั้นลองไปเทียบกับอาหารชนิดอื่นๆในบ้านเราดู
ในอาหาร กับ ในนมวัว
(มก.ต่อ น้ำหนัก 100 กรัม)
ประเภทอาหาร และ ปริมาณแคลเซียม
ปลาร้าผง 2,392
กุ้งแห้งตัวเล็ก 2,305
กะปิเคย 1,565
งาดำคั่ว 1,452
กุ้งฝอยน้ำจืด 1,339
ถั่วแดงหลวง 956
ใบชะพลู 601
มะขามฝักสด 429
แคยอดอ่อน 395
ผักกระเฉด 387
สะเดายอดอ่อน 354
เม็ดบัวดิบ 335
ถั่วเน่าแห้ง 292
เต้าหู้ขาวอ่อน 250
ผักคะน้า 245
ถั่วเหลือง 245
ปลาไส้ตัน 218
นมวัวสด 118
นมผสมแคลเซียม 160
แล้วค่านิยมดื่มนวัวมาจากไหนทั้งๆที่เมื่อก่อนบ้านเมือเราก็ไม่เคยเลี้ยลูกด้วยการให้ดื่มนมวัว?
ย้อนไปในปีประมาณ พ.ศ.2500 มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ เอาหางนมวัวมาบริจาคให้เด็กไทยสมัยนั้น นัยว่าฝรั่งสงสารเด็กไทยที่มีปัญหาขาดสารอาหาร แต่จริงๆคือการระบายหางนมที่ฝรั่งช้อนเอาเนยไปกินหมดแล้ว แทนที่เขาจะเอาหางนมไปทิ้งทะเล ก็บริจาคให้เด็กไทยกินจะได้ดูเป็นการกุศล แต่มีวาระซ้อนเร้น ศ.นพ.เสม พริ้งพวงแก้ว อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข เล่าว่า ในสมัยนั้นเด็กไทยที่ดื่มนมวัวบริจาคพากันท้องเสียหมด เพราะว่าเด็กไทยไม่คุ้นเคยกับน้ำตาลและโปรตีนในนม นั่นคือ เด็กไทยแพ้นมวัว แต่เรื่องดังกล่าวถูกมองว่าไม่ใช่ปัญหา ก็ให้เด็กค่อยๆชินกับนมวัวทีละนิดจนดูเหมือนเด็กจะดื่มนมได้ การบริจาคครั้งนั้นจึงเป็นการเปิดทางให้ฝรั่งขายนมวัวให้กับเมืองไทยนั่นเอง
( D. Rockyfeller ประธานมูลนิธิร๊ํอกกี้เฟลเลอร์ เป็นหนึ่งในผู้นำระดับสูงของกลุ่ม NWO ในสายธุรกิจอาหาร การแพทย์ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง FED 1ในตระกูลที่อยู่ในสมาคม Illuminati )
จากการศึกษาของรพ.จุฬาลงกรณ์ และ รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ พบว่า เด็กทารกที่มีคนในครอบครัวมีประวัติภูมิแพ้ หากดื่มนมวัวจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ 20% แต่ถ้าดื่มนมแม่แต่เพียงอย่างเดียว อัตราเสี่ยงต่อภูมิแพ้จะมีเพียง 0.5-1.5% เท่านั้น ในอังกฤษ มีการศึกษาในเด็ก 1,456 คน พบว่าหากเด็กดื่มนมแม่นานกว่า 3 เดือน เด็กจะป่วยด้วยโรคหอบหืด 10.3% หากดื่มนมแม่น้อยกว่านั้นจะเกิดหอบหืด 17.1%
มีงานวิจัยหลายสิบชิ้นตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ทั่วโลกยืนยันเรื่องการดื่มนม ส่งผลต่อโรคภูมิแพ้ รวมทั้งงานวิจัยของ ศ.นพ.สุขสวัสดิ์ เพ็ญสุวรรณ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ท่านทดลองให้พลทหารไทยดื่มนม แล้วส่องกล้องดูลำไส้ ปรากฏว่าพลทหารเหล่านั้น ต่างมีเยื่อเมือกลำไส้บวมหมดทั้ง 100% ของกลุ่มผู้รับการทดลอง
ถึงตอนนี้ท่านคงตั้งคำถามว่าอะไรในนมวัว ที่ทำให้เด็กแพ้ มีอย่างน้อย 2 อย่างครับคือ โปรตีนในนมชื่อว่า เบต้าแล็กโตโกลบูลิน และน้ำตาลในนมที่เรียกว่า แล็กโตส
เบต้าแล็กโตโกลบูลิน เป็นโปรตีนที่มีในนมวัว แต่ไม่มีในนมแม่ เนื่องจากโปรตีนในนมวัวตัวนี้เป็นโปรตีนขนาดเล็กจึงสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดของร่างกายได้ทั้งสาย โดยไม่ต้องย่อยให้เป็นกรดอะมิโนเสียก่อนแบบที่เราเคยเข้าใจ สมัยก่อนเราคิดว่าโปรตีนอะไรก็ตามจะไม่เข้าไปทั้งสายเต็มรูป นั่นคือโปรตีนทั้งหลายหากจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายก็จะต้องถูกน้ำย่อยทำให้ แตกตัวออกเป็นกรดอะมิโนก่อน แต่ปัจจุบันความเชื่อนี้เปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อนักวิทยาศาสตร์มีความรู้มากขึ้น เขาก็รู้ว่าโปรตีนบางชนิดมีขนาดเล็ก เช่น โปรตีนในนม กระทั่งโปรตีนที่เป็นเอนไซม์บางตัวสามารถถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายโดยคงรูป ไว้เช่นเดิม ดังนั้น โปรตีนในนมวัวจึงเข้าไปเป็นโปรตีนแปลกปลอมในร่างกาย และหากโปรตีนแปลกปลอมอย่างเบต้าแล็กโตโกลบูลินในน้ำนมวัวเกิดเข้าไปในร่างกายแล้วร่างกายก็จะโต้ตอบโดยมีปฏิกิริยาของภูมิแพ้
การที่แพ้น้ำตาลในนมวัว ที่แพ้เพราะแล็กโตส ข้อเท็จจริงแล็กโตส เป็นน้ำตาลในนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกประเภท ในน้ำนมคนก็มีน้ำตาลนี้ถูกย่อยโดยเอนไซม์แล็กเตส ได้เป็นกลูโคสและกาแล็กโตส ร่างกายเราใช้น้ำตาลแล็กโตสไม่ได้แต่ใช้ น้ำตาลกลูโคสและกาแล็กโตสได้ ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมถึงคนเรา เมื่อเกิดมาใหม่ๆ ทารกต้องดื่มนมเป็นหลัก ธรรมชาติก็ให้น้ำย่อยมาย่อยนมในลำไส้ แต่เมื่อเด็กโตขึ้นหรือสัตว์โตขึ้น เอนไซม์แล็กเตสก็จะหายไป และจะหายไปหมดเมื่อเด็กอายุประมาณ 2 ปี นี่คือสัญญาณทางธรรมชาติที่บอกว่า เด็กควรงดดื่มนมได้แล้วเมื่ออายุมากกว่า 2 ปี ท่านเคยเห็นสัตว์ที่โตแล้วอะไรบ้างที่ดื่มนม นอกจากมนุษย์
แล้วนมวัวสัมพันธ์กับโรคภูมิแพ้อย่างไร ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าร่างกายของเรามีวิธีจัดการกับโปรตีนแปลกปลอมหรือสาร ก่อภูมิแพ้ต่างๆอย่างไร ร่างกายเราจะนำอิมมูโนโกลบูลินหรือสารที่ทำหน้าที่ต้านทานชนิดหนึ่ง ไปจับกับสารแปลกปลอมเอาไว้ ซึ่งอิมมูโนโกลบูลินที่ร่างกายใช้กำราบสารแปลกปลอมคือ IgA
หากเด็กดื่มนมวัวเข้าไป ร่างกายจะเอา IgA ไปจับกับโปรตีนจากนมวัวสายนี้เอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้โปรตีนแปลกปลอมรุกล้ำเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิด ปฏิกิริยาภูมิแแพ้ที่อาจจะเป็นอันตรายได้ หากดื่มนมวัวเป็นประจำและดื่มเป็นจำนวนมาก ร่างกายก็จะเปลือง IgA มาก และเมื่อ IgA ถูกขนไปเรียงรายตลอดความยาวของลำไส้ IgA ที่อยู่แถวเนื้อเยื่ออ่อนของทางเดินหายใจและผิวหนังก็จะมีน้อยกว่าปกติ จนไม่อาจต้านทานโปรตีนแปลกปลอมอื่นที่อาจเข้าสู่ร่างกายทางนี้ได้ ยิ่งถ้าเป็นภูมิแพ้โดยกรรมพันธุ์อยู่แล้ว จะมี IgA ในร่างกายน้อยกว่าชาวบ้านเค้าก็เสร็จกันสิ ความเสี่ยงของอาการแพ้อากาศและผื่นแพ้ที่ผิวหนังก็มากขึ้นตามไปด้วย
เราไม่ควรดื่มนมอะไรเลยเหรอ?
นมที่ท่านดื่มได้และใกล้เคียงกับนมของมนุษย์มากที่สุดคือ นมแพะ นมแกะที่เลี้ยงตามธรรมชาติ ย้ำว่าตามธรรมชาติแต่ถ้าเอามาเลี้ยงตามที่เขาเลี้ยงกันทุกวันนี้ ทานไม่ได้ครับ สารพิษมหาศาล ยิ่งนมวัวนี่มีอะไรเกิดขึ้นครับ ฮอร์โมน สารกระตุ้นมีครบหมด พวกปฏิชีวนะติดมาหมดครับ
ทุกวันนี้พวกท่านทานนมทั้งหลายนั้นเป็นมะเร็งกันสลอนเลยครับ ท่านที่เป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูกต้องขอบอกว่านมพวกนั้นช่วยให้ท่านเป็นมะเร็งได้ง่ายมากเลยครับ ทานแต่ละทีมีทั้งเนื้อทั้งนม เสร็จเลยครับติดเข้าไป ไม่ใช่แค่ฮอร์โมน ปฏิชีวนะ มีสิ่งต่างๆเยอะแยะติดเข้าไปในนั้น
โปรตีนในนมวัวมันมีโปรตีนสูงมากโดยเฉพาะ "โปรตีนเคซีน" (ใช้เป็นส่วนประกอบของกาวติดไม้)ในนมวัว มันมีสูงมาก สูงกว่านมมนุษย์ถึง 4 เท่า นอกจากมีโปรตีนสูงแล้วยังมีแคลเซียมสูง มนุษย์เราไม่มีเอนไซม์ที่จะมาย่อยโปรตีนจากนมวัวที่มันมีมากมหาศาลนี้ได้ เพราะฉะนั้นพอเด็กทานเข้าไปท้องจะเสีย แล้วทีนี้นมวัวคนชอบให้ทานเพราะอะไร เพราะว่าโปรตีนกับแคลเซียมทำให้ร่างกายเจริญเติบโตเร็ว แต่นั้นคือสัตว์ครับ สัตว์มันต้องโตเร็ว ต้องไล่ล่าหรือหนีผู้ถูกล่าแต่เราเป็นมนุษย์ ในนมมนุษย์นั้นโปรตีนมีน้อยเป็นพวกโกโบรลิน แคลเซียมก็มีน้อย แต่มีฟอสฟอรัสสูง ฟอสฟอรัสในนมคนมันต้องเอามาพัฒนาสมองและระบบประสาท ซึ่งมีสูงกว่านมวัว เพราะว่ามนุษย์เราเนี่ย ต้องพัฒนาสมองหรือระบบประสาทก่อนที่จะมาพัฒนาการความเจริญเติบโตของร่างกาย โดยพัฒนาร่างกายไปช้าๆ เจริญเติบโตไปเรื่อยๆ แต่สัตว์มีสมองหรือประสาทเติบโตช้า เพราะมีฟอสฟอรัสน้อยแต่ร่างกายเติบโตเร็ว
ทีนี้พวกมนุษย์ทั้งหลาย พวกเราทั้งหลายอยากโตเร็วนะต้องกินนมเป็นไงครับ โตแต่ตัวแต่สมองเป็นไงครับ เห็นไหมเด็กทุกวันนี้ทำไมการวิจัยบอกว่าไอคิวต่ำ แต่ตัวเท่ายักษ์ ตัวใหญ่ก็บอกว่าเด็กเจริญเติบโตดีสนับสนุนให้กินเอาสารพิษมาให้ลูกหลานกินกันแท้ๆเลย ถ้าจะทานนมจริงๆ ทานนมถั่วเหลืองดูจะปลอดภัยกว่า แคลเซียมก็มีและโปรตีนคุณภาพจากนมถั่วเหลืองมีครบ ท่านไม่ต้องเอาโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งมีทั้งฮอร์โมนและสารพิษจากที่ผู้ผลิตยัดใส่เข้าไปให้ตายผ่อนส่ง
ดื่มนมเผชิญโรค
จากข้อสังเกตที่ว่า คนอเมริกันกินนมเยอะที่สุด และมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินพ่วงตามมาด้วย ผู้ชายอ้วน 27% ผู้หญิง 46% ในขณะที่สถิติ เรื่องอ้วนในคนไทยมีแค่ประมาณ 20% ทั้งหญิงและชาย
เรื่องเบาหวานในคนอเมริกันก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ เป็นเบาหวานมากกว่าคนไทยถึง 3 เท่า สถิติโรคกระดูก พรุน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ในคนอเมริกันล้วนแล้วแต่สูงกว่าคนไทยทั้งสิ้น น่าแปลก ที่ฝรั่งที่มาสอนให้เราดื่มนมป้องกันกระดูกพรุน กลับมีอัตรา เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนมากกว่าเราเกือบ 9 เท่า !
จึงมีคนเอะใจว่า การกินอาหารแบบอเมริกันน่าจะเป็น ตัวการสำคัญที่ทำให้เราเจ็บป่วยเสียแล้ว และเรื่องนมวัวก็ไม่หลุดรอดจากการ ตรวจสอบไปได้ ผลจากการตรวจสอบเราพบว่าปัญหาจากนมวัวเกิดเพราะ สถานการณ์ต่างๆ ในโลกได้เปลี่ยนไป สุขภาพคนไทยเปลี่ยนจากทุโภชนาการเป็นโภชนาการล้นเกิน
สถานการณ์แรกที่ต้องคิดถึงก็คือ การรณรงค์ให้ดื่ม นมวัวเริ่มสมัยหลังสงครามโลกใหม่ๆ สมัยนั้นเป็นสมัยที่คนไทยยังขาด อาหารอยู่ มีภาวะทุโภชนาการอยู่ทั่วไป แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนไป ในทางตรงกันข้าม คนไทยมีอาหารการกินอย่างเหลือเฟือจนโรคอ้วนถามหา กันเป็นทิวแถว การมาส่งเสริมให้ดื่มนมกลับเป็นการซ้ำเติมโรคอ้วน ให้แย่ลงไปอีก
มีวิจัยว่า นมวัวเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ไขมันใน เลือดสูง และโรคหัวใจหลอดเลือด แม้ว่าคุณจะดื่มนมพร่องไขมันแล้วก็ตาม แต่คำว่า พร่องไขมันในที่นี้ เป็นการเล่นคำ เพราะพร่องไขมันก็คือยังมีไขมันอยู่ แต่น้อย กว่าปกติเท่านั้นเอง
นมวัวเพิ่มความเสี่ยงต่อภูมิแพ้ - ไซนัสอักเสบ - หอบหืด
นมวัวเพิ่มความเสี่ยงต่อภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ และหอบหืดในคนไทยด้วย เพราะว่าพันธุกรรมของคนไทยนั้นมักจะแพ้ต่อนมวัว เคยมีการ วิจัยในอาสาสมัครคนไทยที่ให้ดื่มนมวัวแล้วนำมาส่องดูเยื่อบุโพรงจมูกและ เยื่อบุลำไส้ พบว่าคนเหล่านี้มีอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกและ ลำไส้ถึง 100%
ดื่มนมเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
เนื่องจากนมเป็นสาเหตุที่สำคัญของไขมันในเลือดสูง ดังนั้น นมจึงมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย ทั้งนี้นิ่วในถุง น้ำดีบางส่วนเกิดจากการที่มีสมดุลของน้ำดีและไขมันผิดปกติ ทำให้น้ำดีตก ตะกอนเป็นนิ่วได้
มะเร็งอาจถามหา
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1950-1975 หลังญี่ปุ่นแพ้สงคราม นักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่าคนญี่ปุ่นดื่มนมเพิ่มขึ้น 15 เท่า กินเนื้อสัตว์ เพิ่ม 7.5 เท่า ผลก็คือในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้หญิงญี่ปุ่นป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้มากกว่าเดิม 300% ซึ่งตรงกับงานวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ อเมริกาที่ว่า อาหารไขมันอิ่มตัวสูงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านม
"การประชุมกองทุนวิจัยมะเร็งโลก (WCRF) และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐ (AICR) ก็มีงานวิจัยการสรุปออกมาเหมือนกันว่านมเป็น ปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งของมะเร็ง แต่ด้วยความเกรงใจบริษัทที่มีส่วน ได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ ก็เลยมีการแก้ไขถ้อยคำให้รุนแรงน้อยลงหน่อยว่า นมอาจจะ เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง"
อาหารไทย สุดยอดทั้งความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการ
นมไม่ใช่แหล่งอาหารที่ดีที่สุด
การวิจัยว่าการที่ชาวตะวันตกเกิดโรคมากมายมีผลมาจากการดื่มนม 150 ลิตร/ปี หรือเฉลี่ยคือการดื่มนมมากเกิน 1.6 แก้ว/วัน แต่อย่า ลืมนะว่าฝรั่งน่ะตัวใหญ่กว่าเรานะ ดังนั้นการออกมารณรงค์ให้คนไทยที่ ดื่มนมวันละ 1 แก้วก็นับว่ามากจนเกินไป ในเมืองไทยยังมีอาหารดีๆอีกเยอะครับให้เลือกทานไม่หวาดไม่ไหวสมกับเป็นครัวโลก ก็แล้วแต่ท่านแล้วกันที่จะเลือกทาน ขอให้สุขภาพดีกันถ้วนหน้าครับ
1
โฆษณา