5 ส.ค. 2020 เวลา 11:49 • ไลฟ์สไตล์
"The Life shift."
ห้วงเวลาเปลี่ยน..ชีวิต
มีหลายคนกำลังนับวันถอยหลังรอวัน..หวั่นใจวัยเกษียณอายุกันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
บางคนอาจจะคิดกังวลว่าเมื่ออายุย่างหกสิบแล้วเกรงว่าไม่มีอะไรจะทำ แต่หารู้ไม่ว่ามีเรื่องมากมายเกินกว่าที่คาด และหากจัดการไม่ดี อาจมีเรื่องวุ่นวายหนักยิ่งกว่าเดิมซะอีก
เมื่อเริ่มต้นหกสิบพึงรู้ว่า การทำสิ่งที่สำคัญนั้นยิ่งจำเป็นยิ่งกว่าวัยหนุ่มสาวมาก ไม่ได้ลดน้อยลงเลย
หากคิดจะมีความสุขมาสู่ชีวิต พึงรีบตั้งสติ ก่อนที่จะคิดนำพาชีวิตกลับไปสู่วังวนเดิมๆในอดีตอีกอย่างไม่รู้จักเข็ดขยาด
จากประสบการณ์อันน้อยนิดที่เฝ้าเรียนรู้ดูตัวอย่างจากรุ่นพี่ๆ ที่มีความสงบในชีวิต จึงอยากจะนำมาแบ่งปัน เพื่อสร้างหนทางแห่งความสุข มี16 แนวทางสำคัญ ที่เรียกว่า"โสพฬอันเป็นมงคล"ดังนี้คือ
1."ทำใจ..เพื่อเข้าใจ"
เพราะสภาพแวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปจากวิถีชีวิตเดิมๆที่คุ้นชิน ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่มีสิ่งที่เป็นสิ่งที่ได้ ...ย่อมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง..ไม่เที่ยงแท้ทั้งสิ้น..ใจพึงพร้อมรับได้
2."ให้อภัยทุกสิ่ง ทิ้งไว้ที่นั่น"
การอโหสิกรรม และขอขมา ไม่อาฆาตพยาบาท เป็นการไถ่บาปทั้งกาย..วาจา..ใจ ต่อทุกสิ่งที่มีทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น
คือการปลดปล่อยสิ่งที่ค้างคาใจทั้งหลาย ทุกอคติที่เคยมี เคยรู้สึก กับใครก็ตาม สลัดทิ้งไปจากใจไม่ติดตามตัวให้ได้ โดยเร็ววัน
3"เปลี่ยนความคิด จากกรอบเดิมให้ได้"
วิธีการคิดตัดสินใจทุกสิ่ง กำลังจะเปลี่ยนไป สิ่งที่ดีที่สุดคือการมีทัศนคติแห่งความเป็นอิสระในชีวิต
กรอบคิดใหม่นี้กำลังจะเริ่มต้นแล้ว ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ ชีวิตของเราจะเริ่มปรับตัว
4."พึ่งตนเองให้ได้..ใช้ตนเองให้เป็น"
คือจุดเริ่มต้นที่ต้องทำให้ได้ เพราะแม้มีเงินมากสักแค่ไหนก็ตาม แต่ในที่สุดแล้วคงมีหลายสิ่งที่เงินอาจจะซื้อไม่ได้
จงเริ่มหัดทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองให้ได้มากที่สุด เพื่อลดการพึ่งพาผู้อื่น หัดใช้ตนเองให้ช่วยตนเองทำงาน
5."เดินเข้าหาและเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต"
ความจริงของชีวิตที่คนเราย่อมพบกับความเสื่อมเป็นธรรมดา ในโลกธรรมทั้งแปดประการ จะเผยโฉมให้ปรากฏตรงหน้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
หนทางเดียวคือการดำรงตนให้พร้อมในทางสายเอก เพื่อรู้เท่า รู้ทัน ไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นอันไม่เที่ยง จนพบความสงบในใจตน
6."ลดอัตตา ละความยึดมั่น"
ความรู้สึกที่เคยเป็น เคยมีที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ล้วนค่อยๆผ่านห้วงเวลาและยุคสมัยของเราไปแล้ว ไม่มีวันย้อนหวลคืนมาได้อีก
หากใจเรายังไปยึดมั่นถือมั่น ก็ยิ่งจะเติมเชื้อไฟให้เป็นความทุกข์ทางใจมากขึ้น พึงฝึกปล่อยวางลงที่ละน้อย ลดละทีละหน่อยจนรู้สึกเบาไม่ต้องแบกสิ่งใด มากเกินไปอีกแล้ว
เมื่อไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่ของเรา ความอยากมีอยากได้ย่อมลดระดับลง
7."ทำในสิ่งที่ชอบและชอบในสิ่งที่ทำ"
บางครั้งความถนัดที่เคยชอบอยู่ลึกๆภายในใจ แต่ถูกภารกิจอันเร่งรีบในชีวิตปิดบังไปหมด บัดนี้หากค้นพบว่ามีบางสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุขสบายใจก็จงทำ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม
เพราะสิ่งเล็กๆนี่แหละคือสิ่งที่จะช่วยสร้างความสุขทางใจให้กับเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นจึงควรค้นให้พบสิ่งนั้นโดยเร็ว
1
8."ดูแลสุขภาพ ตามความเป็นจริงไม่ทำตามใจ"
ใครๆก็รู้ว่าสุขภาพสำคัญ แต่สำคัญที่ใครให้เวลาเพื่อดูแลเอาใจใส่ได้สม่ำเสมอมากน้อยกว่ากัน
ออกกำลังกาย กินอาหาร อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพกายใจ ยืดหยุ่นผ่อนคลายทางอารมณ์ ไปตามสภาวะกำลังที่ทำได้ตามจริง ไม่หักโหมตามใจคือหัวใจ ย่อมอยู่ได้อย่างมั่นคง
9."เปลี่ยนชีวิตเป็นสามัญชน ที่เรียบง่าย"
เราอาจเคยมีชื่อเสียง เคยมีตัวตนยิ่งใหญ่สักแค่ไหน สุดท้ายก็ถูกคนลืมเลือนอยู่ดี จงฝึกการเป็นใครก็ได้ ที่อาจจะไม่มีใครรู้จัก และมีชีวิตเช่นปุถุชนคนธรรมดาให้เป็น
ฝึกฝนตนให้พร้อมใช้ชีวิตเช่นคนปกติ เข้าคิวรอทุกสิ่งได้ พร้อมเป็นคนของรัฐดั่งชาวบ้านอย่างเรียบง่าย
10."เปิดใจยืดหยุ่นไปตามธรรมชาติ"
ทุกสิ่งล้วนเคลื่อนไหวและเชื่อมโยงกันเป็นส่วนหนึ่ง ฝึกใจให้ยืดหยุ่นเสมือนสายน้ำพร้อมเผชิญสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ และสามารถปรับตัวปรับรูปร่างไปตามที่เป็นอยู่ให้ได้มากที่สุดในทุกสถานการณ์
ชีวิตที่เป็นธรรมชาติคือชีวิตที่วางใจเลื่อนไหลไปไม่ยึดติด..ได้ดั่งสายน้ำ
11."หยุดคิด หยุดทำสิ่งที่เกินตัวเกินกำลัง"
หมดเวลาที่ต้องใช้กำลังกาย พลังใจอย่างหักโหมเพื่อแลกกับเงินอีกต่อไป หากเป็นไปได้ควรปล่อยวางหาหนทางให้เงินทำงานแทน
และเรียนรู้วิถีการดำรงอยู่อย่างพอเพียงเท่าที่มี ให้พอเหมาะพอดีกับชีวิต ไม่สร้างตัวสร้างฐานะที่เกินกำลังอีกต่อไป
12."เรียนรู้สิ่งที่ต้องรู้ เพื่อชีวิต"
ไม่ว่าคนเราจะมีอายุมากน้อยเพียงใด คนเราก็ไม่สามารถที่จะหยุดการเรียนรู้ได้เลย
เพียงแต่ว่าการให้ความสำคัญว่า..ห้วงเวลาของชีวิตคนเรานั้นควรจะต้องเรียนรู้สิ่งใดเพื่อชีวิตของเราบ้าง ซึ่งย่อมแตกต่างกันไปจากวัยหนุ่มสาว
13."คบใกล้..ไม่คบไกล"พึงมีสังคมที่ใกล้ตัว..อย่ามองไกล"
คนเราเป็นสัตว์สังคม ย่อมมิอาจปลีกตัวหลบหนีไปจากสังคมได้ เพียงแต่ว่าเราคงต้องเลือกวงสังคมให้เหลือเท่าที่จำเป็นจริงๆอย่างสอดคล้องกับวิถีชีวิตของแต่ละคน
ปริมาณและความถี่ในการเข้าสังคมนั้นหาสำคัญเท่ากับว่าสังคมนั้นมีคุณภาพแห่งความเข้าใจกันดีเพียงใดมากกว่า
พึงรักษาสังคมที่ใกล้ตัวไว้..อย่ามองสังคมที่ไปไกลตัวนัก
14."ปรับการเดินทาง จากไกลมาสู่ใกล้"
ยามมีกำลังอยากไปไหน ก็จงจัดสรรไปในหนทางที่ไกลที่สุดก่อนเท่าที่ใจและกายมีกำลัง
เพราะสุดท้ายแล้วระยะทางของการเดินทางคงหดสั้นลงมาใกล้บ้านมากขึ้นเรื่อยๆเอง ตามเหตุและปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป
15."เป็น..อยู่..และมี ให้น้อยเพื่อสุขให้มากขึ้น"
ทรัพย์สินนอกกาย หาสำคัญเท่ากับการมีจิตใจสงบ ยิ่งสามารถขจัดทรัพย์นอกกายออกไปได้มาก ลดลงเหลือให้น้อยที่สุด ก็จะยิ่งไม่มีภาวะห่วงกังวล
ยามมีน้อยยิ่งมีความสุขเพราะหมดห่วงและสลัดทุกข์ทิ้งได้มาก
16."หยุดคิดได้มากเท่าไหร่..จิตยิ่งเงียบเท่านั้น"
เหนือสิ่งใดคือความสงบในใจ เพราะเมื่อใจสงบลงได้ ทุกสิ่งจะเคลื่อนตัวไปในพื้นที่ใหม่ที่ต้องอาศัยความรู้ทางปัญญา เพื่อเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต ที่ไม่มีอะไร ไม่แน่นอน ไม่มีของเรา และไร้ตัวตน
ดังนั้นชีวิตคนเราหลังหกสิบไปแล้ว คือการเริ่มต้นมีชีวิตอย่างอิสระ..ที่น่าสนใจยิ่งนักและไม่ใช่การใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อให้คุ้มค่า เสมือนดั่งการเรียกคืนกำไรใดๆให้แก่ชีวิต
แต่คือการใช้ชีวิตที่มีอยู่ต่อไปนี้อย่างมีคุณค่าแห่งความหมาย เพื่อพร้อมจะเดินต่อไปได้ในหนทางที่ยาวไกลได้อย่างไรต่างหาก....จึงจะเรียกได้ว่า..อยู่อย่างมีกำไรในชีวิต"LL&L5/8/63
โฆษณา