7 ส.ค. 2020 เวลา 08:03 • ยานยนต์
รู้ป่ะว่า...”ไฟผ่าหมาก” ควรหมดไปจากโลกนี้
แสงไฟสีเหลืองที่กระพริบเป็นจังหวะจากรถยนต์คันหนึ่งทางด้านขวามือซึ่งกำลังวิ่งเข้าสี่แยก พร้อมกันกับที่รถของผมกำลังจะวิ่งตรงไป
โครม!!! เสียงดังชนกันดังสนั่น ชายสูงวัยลงจากรถ พร้อมกับผมที่เปิดประตูลงมาด้วยความหัวเสีย เพราะแน่นอนว่าแสงไฟที่เห็นทำให้ฝั่งผมมองเห็นว่าเค้าต้องการเลี้ยวซ้าย คงไม่มีใครจะมองเห็นไฟอีกฝั่งได้แน่นอน
เสียงเอะอะโวยวาย ของรถคู่กรณีที่ยืนยันว่าตนเองนั้นเป็นฝ่ายถูก เพราะเปิด “ไฟผ่าหมาก” ขอทางมาตั้งนานแล้ว ผมเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ยอมให้ทางเค้า
เราเถียงกันอยู่พักนึง รอจนกระทั่งประกันฝ่ายผมเดินทางมาถึง ชายสูงวัยก็ยังไม่วายเถียงเพื่อยืนยันว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก
แต่บทสุดท้ายไม่ได้เป็นแบบหนังไทย...
ชายสูงวัย ต้องจำนนต่อความผิดที่คิดว่าถูกของตนเอง บนสถานีตำรวจ ด้วยการโดนค่าปรับจราจรและค่าซ่อมรถผมไปเป็นที่เรียบร้อย
ผมขอรณรงค์ให้คำว่า “ไฟผ่าหมาก” หมดไปจากโลกนี้เสียที และควรเน้นย้ำให้ใช้คำว่า “ไฟฉุกเฉิน” แต่เพียงเท่านั้น
เพราะคำว่า “ผ่าหมาก” มีรากศัพท์มาจากการผ่าหมากของคนไทย คือการผ่าลงไปตรงกลาง ถ้าผ่าไม่ตรงก็จะทำให้หมากกลิ้งออกไปได้ คนไทยเราเลยเอาคำนี้มาใช้กับกริยาที่หมายถึงการ “ตรงไป”
ฉะนั้นหากคำว่า “ไฟผ่าหมาก” นี้ยังคงอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนไทย เราก็จะใช้ไฟฉุกเฉินกันเป็นนิสัยโดยอัตโนมัติเพราะความหมายจะกลายเป็นไฟที่มีไว้เพื่อให้คันอื่นรู้ว่าเราต้องการวิ่งตรงไป แต่มัน ผิด!!!
แต่หากเราใช้คำว่า “ไฟฉุกเฉิน” แน่นอนว่าก่อนจะกดปุ่มทุกครั้งจิตใต้สำนึกก็จะต้องคิดว่า เราจะกดปุ่มไฟฉุกเฉินทำไม ในเมื่อเราแค่ต้องการวิ่งตรงไป รถก็ไม่ได้เป็นอะไร
ต่อนี้ไป ผมว่าหากเราเจอรถคันไหนเปิดไฟฉุกเฉิน ควรเข้าไปถามด้วยความหวังดีว่า “รถเป็นอะไรรึปล่าว เห็นเปิดไฟฉุกเฉิน” เพียงเท่านี้ก็น่าจะทำให้เปลี่ยนความคิดได้บ้างหละน่า 😁
โฆษณา