7 ส.ค. 2020 เวลา 20:06 • ประวัติศาสตร์
มนุษย์รู้จักคำว่าอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมาตั้งแต่สมัย400 ปีก่อนคริสตกาล และได้เริ่มมีการบังคับใช้กฎข้อบังคับ รวมถึงเริ่มใช้อุปกรณ์เซฟตี้ต่างๆในช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเริ่มแรกนั้นอุปกรณ์เซฟตี้จะใช้กับคนงานเหมืองแร่ซะเป็นส่วนใหญ่
เรามาดูเรื่องราวคร่าวๆของประวัติความเป็นมาของ Occupational Health and Safety กัน
ประมาณ 400 ปี ก่อนคริสตกาล ฮิปโปเครติส (Hippocrates) ได้ทำการศึกษาและบันทึกเกี่ยวกับโรคต่างๆหลายโรค ที่เกี่ยวข้องกับความอันตรายของพิษตะกั่วในกลุ่มคนงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่
ช่วง ค.ศ. 80 ไพลนีส ซีคันดัส (Plinius Secundus) หรือ Pliny the Elder นักปราชญ์ชาวโรมัน ได้อธิบายถึงอันตรายจากการทำงานกับโลหะบางประเภท เช่น กำมะถัน, สังกะสี โดยเขาได้ประดิษฐ์และแนะนำให้ใช้หน้ากากซึ่งทำมาจากกระเพาะปัสสาวะของสัตว์ เขาบอกว่ามันจะช่วยป้องกันผู้ที่ปฏิบัติงานในที่มีฝุ่นและฟูมของตะกั่ว(Lead Oxide)ได้
ภาพเหมืองเก่าแก่ในยุคโรมันที่มีการค้นพบในประเทศสเปน
ต่อมาในราวๆ ค.ศ. 200 กาเลน (Galen) แพทย์ชาวกรีก ได้ทำการศึกษาพยาธิวิทยาของคนที่ได้รับพิษจากตะกั่ว และได้อธิบายถึงอันตรายของการสัมผัสละอองกรดจากการทำเหมืองแร่ทองแดง
ประมาณ ค.ศ. 1472 เออล์ริช เอเลนบอก (Ulrich Ellenborg) ได้ตีพิมพ์เอกสารวิชาการฉบับแรก ชื่อว่า “โรคและอุบัติเหตุจากจากการทำงานของคนงานเหมืองแร่ทองคำ” รวมทั้งเขียนบทความเกี่ยวกับความเป็นพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์, ปรอท, ตะกั่วและกรดไนตริก เขาเรียกมันว่าเป็นไอและควันที่เป็นพิษ หรือที่เรารู้จักกันว่า ฟูมโลหะ (Metal Fumes)
Ulrich Ellenborg นักวิชาการชาวเยอรมัน ผู้เขียนพอตเกตบุ๊คเกี่ยวกับพิษจากโลหะ
ประมาณ ค.ศ. 1541 พาราเซลซัส (Paracelsus) ที่รู้จักในนาม Father of Toxicology เขาได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับสารพิษจากสสารหลายชนิด และได้เขียนบทความตีพิมพ์เกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ และโรคปอดที่เกิดขึ้นเนื่องจากคนงานหายใจเอาสารทาทารัส (Tartarous) เข้าสู่ร่างกาย
ภาพของ Paracelsus
ต่อมาใน ค.ศ. 1556 อากริโคลา (Agricola) นักวิชาการชาวเยอรมัน ได้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า De Re Metallica เป็นภาษาละติน โดยหนังสือเล่มนี้ อธิบายถึงอันตรายและโรคที่เกิดขึ้นกับคนงานที่ทำงานในเหมืองแร่ รวมทั้งกำหนดวิธีการในการป้องกันอันตราย ในหนังสือ นอกจากนี้ยังแนะนำถึงระบบการระบายอากาศในการทำงานในเหมือง เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคนงาน รวมทั้งได้บรรยายถึงอุบัติเหตุและโรคที่เกิดขึ้นจากการทำเหมืองแร่ เช่น โรคซิลิโคซิส
ภาพx-rayปอดของผู้ป่วยโรคซิลิโคซิส
ใน ค.ศ. 1700 งานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเริ่มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดย เบอร์นาดิโน รามัสซีนี (Bernardino Ramazzini) ซึ่งเป็นแพทย์ชาวอิตาลี ผู้ซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งวงการอาชีวเวชศาสตร์ (Father of Occupational Medicine) ได้ทำการตีพิมพ์หนังสือที่ครอบคลุมงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ในหนังสือที่มี ชื่อว่า De Morbis Artificum Diatriba (The Diseases of Workmen) ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “โรคของคนทำงาน” โดยในหนังสือของเขาได้อธิบายถึงโรคและอาการที่เกิดจากพิษของสารปรอทและสารตะกั่ว นอกจากนี้เขายังให้ความสำคัญกับการดูแลสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้น
ภาพโรงงานฯในเมือง Manchester, ประเทศอังกฤษ ในช่วงปลายค.ศ. 1700
เราจะเห็นว่าในช่วงยุคก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่18 หรือเรียกว่า “ยุคกลาง” นั้น การพัฒนาด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก จะมีก็แต่นักวิชาการ หรือแพทย์ที่ให้ความสำคัญ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าลักษณะการทำงาน รวมถึงเครื่องจักร และอุปกรณ์ต่างๆนั้นยังไม่ซับซ้อนเท่าไรนัก อีกทั้งคนที่มาเป็นแรงงาน ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกทาส คนคุก หรือพวกอาชญากรต่างๆ นั่นเอง
บทความครั้งหน้า เราจะมาต่อด้วย ประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เมื่อถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมกันค่ะ...
อ้างอิงจาก
• Module 6 – Impacts of Tragedies and Society Brief History of OSH Hippocrates (460-377 BC) Pliny the Elder (23-70 AD) Ulrich Ellenborg (1473) A German physician: Published by Kenneth Johnson
• Safety and Health Movement Then and Now Published by Zechariah Week
• พื้นฐานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดย อาจารย์ ดร. เชต ใจกัลยา มสธ. https://www.stou.ac.th/
• วิวัฒนาการของการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในอดีต โดย อาจารย์นันทิดา โหวดมงคล มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
โฆษณา