9 ส.ค. 2020 เวลา 08:29 • ประวัติศาสตร์
"The Russian Sleep Experiment" ว่ากันว่ามันคือ ปฏิบัติการทดลองจับมนุษย์ผู้เป็นเชลยศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มา "อดนอน" เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม
โดยมีนักวิจัยคอยจับตาดู 24 ชั่วโมง แต่ทำไปทำมานักวิจัยกลับทำการทดลองได้เพียง 15 วันเท่านั้น
เพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น แล้วการทดลองนี้จะเป็นจริงเพียงใด บทความนี้จะชวนคุณไปหาคำตอบกัน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะนั้นรัสเซียอยู่ในสถานะสหภาพโซเวียต พวกเขาเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในฐานะหนึ่งในพี่ใหญ่ทั้งสี่ อันประกอบไปด้วย สหรัฐ อังกฤษ สหภาพโซเวียต และจีน เพื่อทำสงครามกับฝ่ายอักษะที่นำโดยนาซีเยอรมัน ในช่วงปี 1939 ก่อนจะสิ้นสุดด้วยชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในปี 1945
แต่ก่อนจะจบสงคราม เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1940 มีรายงานออกมาว่ารัสเซียได้ทำการทดลอง จับมนุษย์มาอดหลับอดนอน เพื่อศึกษาดูว่ามนุษย์เหล่านั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
การทดลองนรกนี้ เริ่มขึ้นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้รับการสนับสนุนจากนายทหารกลุ่มหนึ่งของกองทัพโซเวียต
พวกเขาจับผู้ทดลองมาทั้งหมด 5 คน ทุกคนล้วนเป็นนักโทษทางการเมือง
โดยหน้าที่ของผู้ทดลองคือ จะต้องอยู่ในห้องปิดสี่เหลี่ยมที่มีเพียงไมโครโฟนและกระจกกลมสำหรับสังเกตการณ์เป็นระยะเวลา 30 วัน ซึ่งใน 30 วันนี้ พวกเขาจะไม่ได้นอนเลยแม้แต่วันเดียว
นักวิจัยรัสเซียให้ข้อเสนอกับผู้ทดลองว่า หากพวกเขาอยู่จนครบ 30 วัน จะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระทันที แน่นอนว่านี่คือสัญญาณแห่งอิสระภาพ ผู้ทดลองทั้ง 5 คน ยินยอมแต่โดยดี
การทดลองครั้งนี้ ได้รับการบันทึกทุกพฤติกรรมของผู้ทดลอง ก่อนจะถูกเปิดเผยออกมาภายหลัง โดยเฉพาะบนโลกโซเชี่ยลของต่างประเทศที่มีการหยิบยกมาพูดถึงมากที่สุด รวมไปถึงบนโลกออนไลน์ของไทยบางส่วนด้วยเช่นกัน
และต่อไปนี้คือรายละเอียดของ "The Russian Sleep Experiment" บันทึกบทสรุปการทดลองจับมนุษย์มา "อดนอน" ของรัสเซีย ปี 1940
ขอให้ทุกท่านใช้ "วิจารณญาณ" ในการอ่าน
- วันแรกของการทดลอง -
ในวันแรก นักวิจัยได้ปล่อยแก๊สที่ผสมสารเคมีบางอย่างออกมา โดยปฏิกิริยาของแก๊สนี้ จะทำให้ผู้ทดลองไม่สามารถนอนหลับได้ พวกเขาจะตื่นอยู่ตลอดเวลา
ในช่วง 4 วันแรกของการทดลอง ทั้งหมดยังอยู่ในสภาพ "ปกติดี" มีการพูดคุยต่อกัน นักวิจัยผู้สังเกตการณ์อยู่ข้างนอก บันทึกได้ว่า พวกเขาเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีต และเริ่มพูดถึงเหตุการณ์ที่เจ็บปวดต่างๆ ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ตลอด 4 วันที่ผ่านมานี้ นักวิจัยเห็นผู้ทดลองในสภาวะ "Normal" และยังไม่เห็นวี่แววแปลกๆ แต่อย่างใด
กระทั่งเข้าสู่วันที่ 5 จุดเริ่มต้นแห่งการทดลองนรกของจริง จึงได้เริ่มขึ้น
เมื่อผู้ทดลองทั้ง 5 คนตกอยู่ในสภาพหวาดระแวง พวกเขาไม่คุยกันเหมือนในช่วง 4 วันแรก แต่ละคนเริ่มพูดคุยแบบเบาๆ ผ่านไมโครโฟน ในขณะที่นักวิจัยเริ่มจับตาดูอย่างใกล้ชิด
นักวิจัยต่างคาดว่า การเริ่มหยุดสนทนาของผู้ทดลองคือ สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และหลังจากวันที่ 5 เป็นต้นไป น่าจะได้ข้อมูลแปลกใหม่จากการทดลองนี้แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะยังไม่ให้สัญญาณจากภายนอกต่อผู้ทดลองใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อต้องการดูว่าในช่วงหลังวันที่ 5 นี้ จะมีพฤติกรรมใดที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
4 วันผ่านไป เข้าสู่วันที่ 9 ผู้ทดลองทั้งหมดยังคงไม่ได้นอนเช่นเดิม ในขณะที่นักวิจัยยังคงสังเกตการณ์และควบคุมปริมาณแก๊สและสภาพแวดล้อมให้เป็นปกติ
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ "พฤติกรรมของผู้ทดลอง" ที่เริ่มแสดงพฤติกรรมเบี่ยงเบนแบบแปลกๆ ออกมาให้นักวิจัยเห็นแล้ว
โดยผู้ทดลองคนหนึ่งกรีดร้องออกมา และแสดงความโวยวาย นักวิจัยบันทึกได้ว่าเขากรีดร้องเสียงดังจนหยุดไปเอง คาดว่าน่าจะเกิดการอักเสบของเส้นเสียง
ส่วนผู้ถูกทดลองอีก 4 คนที่เหลือ ยังคงไม่คุยต่อกัน ต่างฝ่ายต่างแยกกันไปพูดคุยผ่านไมโครโฟนแบบกระซิบกระซาบ
การทดลองในวันนี้ถือว่า "เริ่มเห็นผล"
บันทึกตัดจบมาวันที่ 12
เข้าสู่วันที่ 12 นักวิจัยเห็นว่าผู้ทดลองไม่มีบทสนาต่อกัน พวกเขาเช็คเสียงจากไมโครโฟนพบว่า ไม่มีการพูดคุยผ่านไมค์เหมือนที่ผ่านมาแล้ว ในขณะที่ระดับออกซิเจนพร่องลงราวกับว่ามีการออกกำลังกาย
สำหรับนักวิจัย การสังเกตการณ์ในวันนี้ถือว่า "มีบางสิ่งผิดปกติ"
วันที่ 14 จุดจบของการทดลอง
เข้าสู่วันที่ 14 สถานการณ์ดูแปลกๆ นักวิจัยเริ่มได้กลิ่นของความผิดปกติ เพราะผ่านมา 14 วันแล้ว ผู้ทดลองยังคงไม่แสดงพฤติกรรมใดๆ ออกมา พวกเขาดูแน่นิ่งราวกับว่าเสียชีวิตไปแล้ว
ดังนั้น ในวันนี้นักวิจัยจึงตัดสินใจเปิดไมโครโฟนเพื่อกระตุ้นผู้ทดลอง โดยประกาศเสียงผ่านลำโพงเข้าไปในห้องว่า
"พวกเราจะเปิดห้องเพื่อเข้าไปเช็คไมโครโฟน เพราะฉะนั้นอยู่ให้ห่างจากประตู นอนราบกับพื้น ไม่อย่างนั้นจะถูกยิง คนที่เชื่อฟังจะได้รับการปล่อยตัว"
หลังจากการประกาศนี้ผ่านไป ผู้ทดลองคนหนึ่งได้เปิดไมโครโฟนแล้วพูดออกมาว่า "เราไม่ต้องการอิสระ"
คำพูดนี้ สร้างความตื่นตะลึงให้กับกลุ่มนักวิจัยมากๆ ดูเหมือนว่าพฤติกรรมนี้อาจเกิดจากแก๊สที่พวกเขากำลังสูดดมอยู่ก็ได้
กระทั่งในวันที่ 15 กลุ่มผู้วิจัยจึงทำการเปิดห้องทดลองเพื่อเช็คดูว่า พวกเขามีสภาพร่างกายและสภาวะจิตใจอย่างไรกันแน่
นักวิจัยทั้งหมดเปิดระบบดูดแก๊สในห้องทดลองออกจากห้องจนหมด แล้วเปิดประตูเข้ามาในห้อง พร้อมทหารคุ้มกัน
สิ่งที่พบคือ ผู้ทดลองหนึ่งคนเสียชีวิตไปแล้ว ในขณะที่อีก 4 คนที่เหลือยังมีชีวิตอยู่
สภาพศพของผู้เสียชีวิต พบว่ามีบางส่วนของกล้ามเนื้อและผิวหนังเสียหาย เหมือนถูกกระชากออกไปจากร่างกาย ซึ่งความเสียหายของผิวหนังและกระดูกที่โผล่ออกมาจากปลายนิ้วแสดงให้เห็นว่า บาดแผลเหล่านี้เกิดจากการใช้มือดึงออกมา
ส่วนสภาพของอีก 4 คนที่เหลือ พบว่ามีการทรมานตัวเอง พวกเขาจึงถูกนำตัวส่งไปรักษา
และจากผลการทดลองทั้งหมดทั้งมวล จึงทำให้นักวิจัยตัดสินใจยุติการทดลองนี้ทันที
และทั้งหมดนี้คือบันทึก "The Russian Sleep Experiment" การทดลองจับมนุษย์มาอดนอนของรัสเซีย ปี 1940 ที่ได้รับการเผยแพร่บนโลกออนไลน์มาสักพักแล้ว แม้แต่ในบล็อคดิทก็เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม มาถึงตรงนี้ หลายท่านคงสงสัยว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องแต่งหรือเรื่องจริงกันแน่ เพราะดูๆ แล้ว มันเหมือนจะมีที่มาที่ไป แต่บางครั้งก็ดูเหมือนบทละครยังไงยังงั้น
เรื่องนี้เราได้หาข้อมูลมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอตอบเลยว่า "ทั้งหมดนี้คือเรื่องแต่ง"
การทดลองจับคนมาอดนอนของรัสเซียนั้น ไม่มีอยู่จริง เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงการอุปโลกน์ขึ้นของเว็บไซต์ creepypasta เท่านั้น
โดยปัจจุบัน ยังมีหลายคนที่เชื่อว่าการทดลองของรัสเซียดังกล่าวเป็นเรื่องจริง
แต่ถึงอย่างนั้น การทดลองอดนอนใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะที่ผ่านมาเคยมีการทดลองใน "หนู" เมื่อปี 1980 โดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว
ซึ่งผลจากการทดลองในครั้งนั้น ได้บทสรุปออกมาว่า การอดนอนเยอะๆ จะทำให้เกิดความเครียด
ส่วนการทดลองอดนอนในคน ก็มีเช่นกัน แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไว้คราวหลังเราจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
ส่วนใครคิดเห็นอย่างไร สามารถแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระเลยเด้อ
โฆษณา