9 ส.ค. 2020 เวลา 14:54 • การศึกษา
"สัญญาไม่เที่ยง สังขารปรุงแต่งซ้ำอีก"
มันพันกันจนไม่รู้ว่าเรื่องไหนที่เกิดขึ้นจริง
เรื่องไหนคิดไปเอง
เรื่องไหนจงใจปกปิด
เรื่องไหนพูดจริงเพียงครึ่ง
ต่างฝ่ายก็ต่างคิดว่า "ฉันพูดความจริงนะ"
จากข่าว กรณีของ "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารย์กันอย่างมาก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นหลักอยู่ที่เรื่องของการจัดการผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวกัน
โดยมีฝ่ายเจนนี่ ที่เป็นเจ้าของค่ายเพลง กับ น้องเก้า นักร้องชาย ที่มาร่วมร้องเพลง ในเพลงดัง "เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว"
ทาง น้องเก้า บอกว่า เจนนี่สัญญาใจว่าจะแบ่งรายได้จากยูทูปให้ ในสัดส่วน70:30 แต่ทางเจนนี่ บอกว่า ไม่ได้พูดแบบนั้น แต่เคยเสนอว่า ถ้ามาเป็นนักร้องในสังกัดก็จะแบ่งรายได้ในส่วนงานต่างๆให้ ซึ่งก็เป็นไปตามข้อตกลงของนักร้องในสังกัด
ทางน้องเก้าก็ออกมายืนยันอีกว่า
มีสัญญาใจที่ว่านั้นจริงๆ
เจนนี่ก็ยืนยันอีก ว่าไม่มีจริงๆนะ!! ...
ต่างฝ่ายต่างยืนยันว่า พูดความจริงทั้งคู่ จนถึงขั้น ร้องท้าให้สาบานกัน..เดือดร้อนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเป็นพยานอีก..
ในส่วนเรื่องราวของเขาจะลงเอยกันอย่างไรก็ว่ากันไปตามเหตุปัจจัย ของเขาละกันนะ..เราอยู่ของเราทางนี้ก็เรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น
ชาวเนตหลายท่านให้ความเห็นว่า ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโกหก เพราะเรื่องมันไม่ตรงกัน และดูเหมือนกระแสด้านลบจะเทไปทาง เจนนี่ ที่เป็นเจ้าของค่าย..
เอาจริงๆแล้ว คนนอกอย่างเราๆเนี่ย ไม่รู้ความจริงทั้งหมดหรอก เราก็ได้แต่วิจารณ์ตามสิ่งที่รู้มา ตามกิเลศ ตามประสบการณ์ของแต่ละคน ใครรู้สึกอินไปทางไหนก็วิ่งไปอยู่ข้างนั้น แล้วก็ตั้งป้อมยิงอีกฝ่ายที่เห็นต่าง
ความจริงอาจจะรู้เพียง2คนที่เป็นคู่กรณีกัน หรือ อาจไม่มีใครรู้ความจริงเลยก็ได้..
ห๊ะ!!ยังไงนะ..
55ใช่แล้วเพื่อน.. เพื่อนฟังไม่ผิดหรอก ..
อาจไม่มีใครรู้ความจริงเลย
แม้แต่คนสองคนที่เป็นคู่กรณีกันนี้แหละ
ก็ไม่รู้ความจริง..
มันจะเป็นไปได้เหรอ??
..เป็นไปได้สิ เพื่อน..
เพื่อนเคยทะเลาะกับแฟน หรือ ทะเลาะกับใครไหม? แบบทุ่มเถียงกัน ..จนเมินกัน ไม่คุยกัน.. ต่างฝ่ายก็คิดว่า ฉันทำถูกนะ เธอนั่นแหละผิด เธอต้องขอโทษฉัน.. จนห่างกันไปสักพัก เริ่มงงๆ ว่าเราทะเลาะกันด้วยเหตุใดกันแน่ บางทีก็จำเรื่องราวผิดเพี้ยนไป เพราะมันหลายเหตุการณ์ หลายชอตผสมกัน บางครั้งเราก็เข้าใจเขาผิด บางครั้งเขาก็ดันเข้าใจสิ่งที่เราสื่อไปอีกอย่างหนึ่ง มันมั่วๆซั่วๆกันไปหมด
ใครทะเลาะกันแล้วมาคืนดีกันได้ ถ้าได้มาคุยทบทวนกันดู บางทีอาจจะหา เหตุที่แท้จริงไม่เจอเลยก็ได้ เหตุที่แท้จริงมันอาจจะหายไปแล้ว แต่ที่ทะเลาะกันอยู่ เพราะ แต่ละคนนำสิ่งอื่นมายึดเป็นเหตุแทน.. เช่น คำพูดที่ไม่ถูกหู ..ท่าทางที่ไม่ถูกใจ..หรือแม้กระทั่ง การปรุงแต่งที่นึกคิดไปเอง เช่น..ทำแบบนี้แปลว่า ไม่ให้เกียรติฉัน อย่าอยู่ด้วยกันเลย!!! ย๊ากกกส์... (55)
ทั้งหมดข้างต้นที่ยกมา
ใครเคยมีประสบการณ์ก็จะเข้าใจไม่ยาก
ใครยังไม่มีประสบการณ์ ก็ไปลองหาเรื่องทะเลาะกับคนใกล้ตัวดูนะ(ซะงั้น!อ่ะ)
มนุษย์ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ที่มีการเก็บข้อมูลและประมวลผลได้เป๊ะๆ100%
แต่ละคนมีความจำที่จำกัด และมักเลือกจำในสิ่งที่ตนคิดว่าถูกด้วย อีกทั้งแต่ละคนก็จะปรุงแต่งความรู้สึกผสมปนเปไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนมันกลายเป็นหนังเรื่องใหม่ไปเลยก็ได้
ในทางพุทธ ก็บอกแล้วว่า "ขันธ์5 ไม่เที่ยง"
สัญญา(ความจำ)ไม่เที่ยง
สังขาร(การปรุงแต่ง)ก็ไม่เที่ยง
มนุษย์อย่างเราๆท่านๆก็คือ ขันธ์5
แล้วจะหาความจริง ความเที่ยงแท้ แน่นอน
จากมนุษย์ได้อย่างไรกันเล่า??
ดังนั้น ต่อไปนี้ เวลาคุยตกลงกับใคร หรือใครมาตกลงรับปากกับเรา อย่าลืมอัดเสียง จดบันทึก ประทับตรา เซ็นชื่ออะไรให้เรียบร้อยด้วยนะ จะได้ไม่มีปัญหาภายหลังเหมือนกรณีข่าวที่เกิดขึ้น..(55+)
แต่ใครจะทำก็คงต้องดูกาละเทศะเป็นคราวๆไปตามเหตุการณ์ อันไหนเป็นทางการก็ทำไป อันไหนไม่เป็นทางการก็ต้องปล่อยวาง ขืนต้องมาอัดเสียง ประทับตรา ลงชื่อกันตลอด.. คนรอบตัวอาจจะอึดอัด หาว่าเราเยอะไปก็ได้นะ มันจะไม่มีคนคบเอานะ55
ขอบคุณผู้ติดตามใหม่นะครับ
ช่วงนี้ผมกำลังฝึกสมาธิ ฝึกจิตอยู่ ..
จึงไม่ได้เข้ามาเขียนเป็นประจำเหมือนปกติ
ไว้อีกสักพักรวบรวมความรู้ที่ได้จากการฝึกมาก็จะมาเรียบเรียงเขียนเล่าให้เพื่อนๆอ่านนะครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา