10 ส.ค. 2020 เวลา 12:58 • ประวัติศาสตร์
Édouard Manet และการเริ่มต้นของศิลปะ Modern Art
ภาพวาดที่แสดงถึงความ Femininity ผ่าน Nude & Naked
ภาพวาดของ Alexandre Cabanel’s The Birth of Venus of 1863, French โดยได้แรงบันดาลใจมาภาพการวาดภาพของ Monet
ในบทความนี้เราขอพาเพื่อนๆออกจากโลกของ Branding & Marketing กันบ้างน้า
ไปดูเรื่องราวที่น่าสนใจของ Édouard Manet และ Modern Art กันดีกว่า
ปล. บทความนี้ไม่ใช่แนว 18+ นะเพื่อนๆ แต่ภาพทั้งหมดในบทความนี้คือศิลปะจากยุคศตวรรษที่ 19 และเป็นจุดเริ่มต้นจุดหนึ่งของ Modern Art ด้วยละ (แต่แน่นอนไม่ Modern หรือ Abstract เท่าสมัยนี้)
Édouard Manet คือใครนะ ?
- เป็นศิลปินนักวาดรูปร่วมสมัยชาวฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 19
- Manet เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังโดยภาพวาดของเค้าที่ออกมาในแนวโป๊เปลือย Nude and Naked จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินแนว Modern Art อย่าง Vincent van Gogh, Paul Cézanne, Paul Gauguin, Georges Seurat
- ซึ่ง Manet เองก็ยังได้ถูกยกย่องให้เป็น "the father of modern art" อีกด้วย
- แต่ในสมัยนั้นเองภาพวาดหลายๆภาพของ Manet ก็เป็นที่ถกเถียงกันเยอะมากในหมู่ผู้ชม และศิลปินเอง เพราะว่า มันค่อนข้างหลุดจากแนวเดิมๆ (นั้นก็คือภาพแนว Nude and Naked นี้ละ) ซึ่ง Manet ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น
อันนี้คือภาพที่เป็น Signature paint ของ Édouard Manet เลย ชื่อว่า Le Dejeneur sur l’Herbe (“The Luncheon on the Grass”), 1863.
Modern Art จะไม่ Modern หากภาพนั้นไม่มีความแตกต่างจากภาพเก่าๆ
- คำคมของ Manet ที่พูดถึง Modern Art คือ (อันนี้ขออนุญาตแปลในฉบับของตัวเอง) "Modern Art ไม่ใช่เพียงแค่การที่ภาพวาดสื่อถึงยุคสมัย หรือดูบริสุทธ์ แต่ความ MODERN มันคือการที่ภาพวาดนั้นๆมีความแตกต่างอย่างสังเกตุได้จากภาพก่อนหน้านี้"
- ก่อนหน้า Modern Art โดยคำนิยามของ Manet ก็จะเป็นยุคของภาพวาดแนว Mannerism, Baroque, Rococo, Neoclassicism, Romanticism and Realism ซึ่งโดยส่วนมากก็จะพูดถึงสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์เช่น รูปลักษณะของตึกรามบ้านช่องและความเสมือนจริงของภาพวาดอย่าง Baroque หรือ เทพเจ้า สงคราม และความรัก อย่าง Neoclassicism, Romanticism
- เพราะฉะนั้นสำหรับ Manet แล้ว ภาพที่เขาวาดจะต้องมีความแตกต่าง และมีจุดเด่นและสิ่งที่แสดงถึงความสมัยใหม่ รวมถึงการที่ทำให้เห็นว่าภาพสไตล์ใหม่และเก่ามีความแตกต่างอย่างชัดเจน
- Manet ต้องการเน้นความรู้สึกที่ Modern ซึ่งคือ Impressionism, Symbolism, Fauvism, Cubism, Futurism, Expressionism
ความหวือหวาเกี่ยวกับเรื่องเพศและภาพที่สื่อทางอารมณ์ที่ขัดแย้งเหรอ คือความ Modern ?
- นี้คือคำถามที่ผู้คนส่วนใหญ่เนี่ย สงสัยมากๆกับภาพวาด ของ Manet ในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19
The Surprised Nymph, 1859-61 by Edouard Manet
The Dead Christ with Angels by Edouard Manet
- ซึ่งจริงๆเราอยากจะบอกว่า Manet เค้าไม่ได้วาดแต่ภาพเหล่านี้นะจ้ะ ยังมีภาพอื่นๆที่แสดงความเป็น Modern มากกว่าเรื่องเพศด้วยเช่น
Chez le père Lathuille, 1879, by Edouard Manet
Nana, 1877 by Edouard Manet
จุดเริ่มต้นแห่งภาพอื้อฉาวของ Manet
- จากภาพ The Pastoral Concert ด้านล่างนี้ ที่เรื่องราวของภาพคือช่วง Summer ของ Paris ที่มีผู้ใหญ่ 4 คน ออกมารื่นเริง picnic กัน ซึ่ง 2 คนในรูปที่เป็นผู้หญิงอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า
- และความฉงนอีกอย่างนึงของภาพนี้คือ ผู้หญิงที่ยื่นเทน้ำที่ผู้คนต่างมีการมโนไปว่า เทสารเคมีอะไรสักอย่างลงในอ่างอาบน้ำ
- อย่างไรก็ตาม Emperor Napoleon III ตัวเค้าเองยังได้ออกมาวิจารณ์เองเลยว่า ภาพวาดนี้ของ Manet ช่างดูไม่เหมาะสมยิ่งนัก
Titian or Georgione, The Pastoral Concert
- มากกว่านี้ยังมีดราม่าอีกว่า ผู้หญิงที่ยืนเทน้ำอยู่ข้างหน้านี่ คือความไม่สมประกอบของภาพ เพราะดูเหมือนว่ามองจากเงาที่ค่อนข้างสั้นและห่างเกินที่จะอยู่ใกล้กันกับกลุ่มคน 3 คนที่มานั่ง picnic
- อย่างไรก็ตาม Manet ได้ออกมาพูดถึงภาพนี้ว่า เค้าต้องการแสดงให้เห็นถึงความ Modern ที่ไม่ใช่เรื่องของเพศและความ Nudity
- ซึ่งจริงๆแล้ว บุคคลในภาพเหล่านี้ถูกวาดภาพโดยพวกเค้านั้นนั่งอยู่ใน Studio ส่วน background ด้านหลังคือ Backdrop ตะหากละ
- แสดงที่ตกกระทบมาบนร่างอันล้อนจ้อนของหญิงสาวก็คือแสงไฟจาก Studio นี้แหละ
- และนี่คือความ Modern ของ Manet !
Nudes of academic painting ของ Manet คือต้นแบบความสวยงามของผู้หญิง (ที่มีแต่ในความฝัน)
แต่ Nudes painting ของ Manet ยังทำให้ผู้หญิงที่เป็นแบบต้องดูเสื่อมคุณค่าไปเช่นกัน
- กรณีนี้ถูกสังคมในสมัยนั้นมองสะท้อนมาจากภาพ Olympia (1865) ที่โด่งดัง โดยเป็นภาพหญิงเปลือย ซึ่งเธอชื่อว่า Victorine Meurent ก็ได้ถูกสังคมมองว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงขายตัว และยอมเปลืองตัวด้วยการไปเป็นแบบให้กับ Manet (คำว่า Olympia ในสมัยนั้นที่ฝรั่งเศสเหมือนกับเรียก ผู้หญิงขายตัวน่ะเพื่อนๆ)
- บ้างก็ว่า หรือเธอกับ Manet มีเรื่องอื้อฉาวกันแล้วอย่างแน่นอน (สมัยนั้นเค้าก็ยุ่งเรื่องชาวบ้านดีนะ)
- แต่ก็นั้นแหละ เป็นเพราะตัว Manet เองที่เลือกใช้ชื่อภาพว่า Olympia เหมือนกันสื่อถึง Symbolic อะไรสักอย่าง
Édouard Manet, Olympia, 1865
- โดยที่ต่อมาภาพ Olympia นั้นยังเป็นเหมือนภาพต้นแบบให้กับศิลปินรุ่นต่อมาเรื่อยๆ อย่างTitian’s Venus of Urbino (c. 1534)
- ซึ่งภาพด้านล่างนี้มีความคล้ายกับ Manet Olympia มากๆ เพียงแค่เสริม Object อย่างสุนัข และ เด็กเข้ามา
Titian’s Venus of Urbino (c. 1534) was an inspiration for Manet’s Olympia.
บทสรุปของ Édouard Manet กับศิลปะในยุคต่อๆมา
- ก็คือ มีการดัดแปลงศิลปะร่วมสมัย ที่มีการเอาร่างกายของคนเป็น 1 ในศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Naked หรือ Nudes
- เป็นการเน้นศิลปะเสมือนจริงมากๆ ทั้งคนและสิ่งของต่างๆที่เป็นแบบให้กับ Manet ล้วนมีอยู่จริง
- และนี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของศิลปะในยุคต่อมา "Impressionists"
จบแล้วจ้าเพื่อนๆ อ่านกันเพลินๆเนอะ ^^"
โฆษณา