Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บ้า(น)ประวัติศาสตร์ The History Geek
•
ติดตาม
13 ส.ค. 2020 เวลา 08:52 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น "ยุคคามาคูระ"
หลังจากที่ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับการรุกรานญี่ปุ่นของชาวมองโกลแล้วนั้นผมก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ผมน่าจะเล่าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในยุคนี้บ้างเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสังคมญี่ปุ่นซึ่งถูกปกครองโดยโชกุนแทนที่องค์จักรพรรดิและชนชั้นต่างๆในสังคม ยุคสมัยที่วัฒนธรรมญี่ปุ่นมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแทนที่การรับมาจากแผ่นดินจีนอย่างในยุคก่อนๆและเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมในยุคต่อมา ซึ่งยุคที่ผมกล่าวถึงนี้นี้มีชื่อว่า "ยุคคามาคูระ"
พระใหญ่แห่งวัดโคโตคุอัน สัญลักษณ์แห่งเมืองคามากูระ จังหวัดคานางาว่า สร้างขึ้นราวๆปี ค.ศ. 1252 ในยุคคามากูระ
จุดเชื่อมต่อระหว่างยุคเฮอังและยุคคามากูระ
หากจะกล่าวถึงประวัติศาสตร์ในยุคคามากูระ ก็จำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงประวัติศาสตร์ในยุคก่อนหน้านี้เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนของยุคและเหตุใดต้องชื่อ "คามากูระ"
ยุคคามากูระนั้นเกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดสงครามเก็งเป ซึ่งเป็นสงครามระหว่างซามูไรตระกูลมินาโมโตะและตระกูลไทระ ในช่วงปลายยุคเฮอังอำนาจการปกครองประเทศซึ่งเป็นขององค์จักรพรรดินั้นได้ตกไปอยู่ในมือของตระกูลไทระจนหมดสิ้นทำให้ตระกูลไทระมีอำนาจสูงสุดและมีสิทธิ์ในการแต่งตั้งหรือปลดองค์จักรพรรดิได้ตามที่ต้องการ สร้างความไม่พอใจต่อตระกูลมินาโมโตะเป็นอย่างมาก
สงครามเก็งเปเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้นำตระกูลไทระนามว่า ไทระ โนะ คิโยโมริ แต่งตั้งหลานชายของเขานามว่า อันโตคุ ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทนที่เจ้าชายโมจิฮิโตะสร้างความไม่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังผู้นำตระกูลมินาโมโตะนามว่า มินาโมโตะ โนะ โยริโทโมะ ตระกูลมินาโมโตะจึงประกาศสงครามต่อตระกูลไทระและทำสงครามรบพุ่งกันซึ่งกินเวลาถึง 5 ปี นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1180 - ค.ศ. 1185
ในท้ายที่สุดตระกูลมินาโมโตะก็มีชัยเหนือตระกูลไทระ ทำให้ตระกูลไทระหมดอำนาจและก่อตั้งรัฐบาลบะกุฟุขึ้น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองในระบอบศักดินาสวามิภักดิ์โดยมีโชกุนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งด้านการปกครองและด้านการทหารและมีองค์จักรพรรดิเป็นเสมือนสมมติเทพและประมุขของประเทศ การปกครองในระบอบโชกุนนี้สืบเนื่องต่อไปอีกกว่า 600 ปี จนกระทั่งสิ้นสุดยุคเอโดะ
เหตุที่นักประวัติศาสตร์ให้ชื่อยุคนี้ว่า คามากูระ สันนิษฐานว่ามาจากชื่อของเมืองทีเป็นฐานอำนาจเดิมของตระกูลมินาโมโตะในการรวบรวมไพร่พลและต่อสู้ขับเคี่ยวกับตระกูลไทระจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นเป็นผลสำเร็จ ปัจจุบันเมืองคามากูระตั้งอยู่ในจังหวัดคานางาวะ เขตภูมิภาคคันโตใกล้กับกรุงโตเกียวและเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศอีกด้วย
ชุดเกราะของซามูไรในช่วงปลายยุคเฮอังจนกระทั่งสิ้นสุดยุคคามากูระ จะสังเกตได้ว่าอาวุธหลักของซามูไรจะเป็นดาบและธนู
ระดับชนชั้นทางสังคม
ในยุคคามาคูระมีการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจนโดยยึดเอาความสำคัญในหน้าที่ของแต่ละชนชั้นเป็นที่ตั้ง ซึ่งชั้นต่างๆสามารถแบ่งออกได้ดังนี้
1. องศ์จักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์ต่างๆ
ถึงแม้ว่าองค์จักรพรรดิจะไม่ได้มีอำนาจในการปกครองหรือทางทหาร แต่ก็ได้รับการเทิดทูนว่าเป็นบุตรแห่งอามาเทระสึ เทพธิดาแห่งอาทิตย์อุทัย ที่ต้องได้รับการเคารพบูชาเสมือนดั่งเทพ รวมถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์ด้วย
2. โชกุน
โชกุนและขุนนางต่างๆนั้นถือเป็นชนชั้นปกครอง มีหน้าที่ในการแต่งตั้งเจ้าแคว้นหรือไดเมียวไปปกครองในดินแดนที่ห่างไกลจากเมืองหลวง ร่างกฏหมายต่างๆขึ้นบังคับใช้ การทูตระหว่างประเทศและการจัดการกองทัพ ซึ่งหน้าที่หลักๆของโชกุนนั้นจะเป็นการควบคุมดูแลเหล่าไดเมียวในแคว้นต่างๆให้จัดเก็บภาษีเข้าสู่ส่วนกลางและระดมพลยามมีศึกสงคราม อีกทั้งยังเป็นผู้ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทระหว่างไดเมียวอีกด้วย ซึ่งตำแหน่งโชกุนในระยะแรกนั้นจะได้รับการแต่งตั้งจากองค์จักรพรรดิ แต่ต่อมาก็ได้ใช้ระบบการสืบสันตติวงศ์แทน
3. ไดเมียว
ไดเมียว คือ เจ้าผู้ครองที่ดินซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากโชกุน มีอำนาจในการปกครองดินแดนที่ได้รับมอบ และมีอำนาจในการเรียกระดมพลในเขตพื้นที่ของตนโดยไม่ต้องขออนุญาตจากโชกุน เมื่อใดก็ตามที่มีการเรียกระดมพลจากเมืองหลวงเหล่าไดเมียวจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการกบฏต่อรัฐบาลในขณะนั้น
4. ซามูไร
คำว่า ซามูไร มีความหมายว่า ผู้รับใช้ มีหน้าที่หลักคือการปกป้องเจ้านาย การออกศึกสงครามเพื่อเจ้านายและเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยในยามสงบศึกอีกด้วย ซามูไรนั้นจะได้รับการคัดเลือกจากไดเมียว จากนั้นจะได้รับการฝึกฝนให้ใช้อาวุธทุกชนิดได้อย่างชำนาญโดยเฉพาะดาบ(ดาจิ)และธนู(ยูมิ) ซามูไรทุกคนจะต้องมีเจ้านายและจะต้องรับใช้นายผู้นั้นไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากเจ้านายถูกสังหารในสงครามหรือถูกโทษทัณฑ์ให้ต้องหมดซึ่งอำนาจ ซามูไรเหล่านั้นจะกลายเป็นโรนินหรือซามูไรผู้ไร้นาย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าอับอายและไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมซามูไรส่วนมากจึงเลือกที่จะทำพิธีเซ็ปปุกุ (การคว้านท้องด้วยมีดสั้น) เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศแห่งวิถีบูชิโด และหากซามูไรได้รับความพ่ายแพ้ก็จะต้องกระทำฮาราคิรีเพื่อหนีจากความอับอายเพราะการพ่ายแพ้ต่อศัตรูถือเป็นเรื่องที่น่าอายและมิอาจรับได้สำหรับซามูไร
5. ชาวนา
เป็นชนชั้นที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ซึ่งทหารระดับล่างนั้นจะถูกเกณฑ์จากชาวนาและเป็นกำลังหลักในกองทัพยามออกศึก เมื่อเสร็จศึกก็กลับไปเป็นชาวนาดังเดิมหรือหากมีความดีความชอบหรือมีฝีมือโดดเด่น ก็อาจจะได้รับการคัดเลือกขึ้นเป็นซามูไรในลำดับต่อไป
6. ช่างฝีมือ
ช่างฝีมือต่างๆรวมถึงกรรมกรถือเป็นชนชั้นที่มีความสำคัญต่อการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น บ้านเรือน ปราสาท และช่างฝีมือที่ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในสงครามและสินค้าต่างๆที่เหล่าพ่อค้านำมาขายในตลาดล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างสรรค์โดยชนชั้นนี้ทั้งสิ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่ต่ำกว่าชาวนาที่ผลิตอาหารเพื่อเลี้ยงคนทั้งประเทศ
7. พ่อค้า
พ่อค้าเหล่านี้ถูกจัดอยู่ในอันดับล่างสุดเนื่องจากไม่ใช่ผู้ผลิตแต่นำสิ่งที่ผู้อื่นผลิตมาขายอีกทีเพื่อเอาผลกำไรเข้าตัวเองจึงไม่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง แม้จะร่ำรวยจากการขายสินค้าแต่ก็ไม่ทำให้ลำดับชนชั้นสูงขึ้น
จุดจบแห่งยุคคามาคูระ
จุดจบของยุคคามาคูระเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1331 เป็นเวลา 50 ปีหลังจากการรุกรานของมองโกล สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นเนื่องจากแผนการล้มล้างรัฐบาลบะกุฟุ ของจักรพรรดิโกะ-ไดโงล้มเหลว องค์จักรพรรดิจึงลี้ภัยออกจากเมืองหลวง แต่ก็ถูกจับได้และถูกเนรเทศไปยังเกาะโอะกิ เหล่าซามูไรฝ่ายจักรพรรดินำโดย คุซุโนะกิ มะซะชิเงะ ยังคงยืนหยัดต่อต้านอำนาจของตระกูลโฮโจที่นำโดยขุนพลโฮโจ ทะกะโตกิ ผู้สำเร็จราชการแทนโชกุนและเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในขณะนั้น สงครามครั้งนี้เรียกว่า สงครามปีเก็งโก ต่อมาในปี ค.ศ. 1333 จักรพรรดิโกะ-ไดโง ทรงหลบหนีออกมาจากเกาะโอะกิได้ ทำให้ขุนพลฝ่ายบะกุฟุนามว่า อะชิกะงะ ทะกะอุจิ แปรพักตร์มาเข้าร่วมกับฝ่ายจักรพรรดิ และนำทัพเข้ายึดเมืองเกียวโตได้สำเร็จ อีกด้านหนึ่งฝั่งขุนพลนิตตะ โยะชิซะดะ ก็สามารถเข้ายึดเมืองคามากูระได้เช่นกัน ขุนพลโฮโจ ทะกะโตะกิ นำสมาชิกตระกูลโฮโจและเหล่าสมาชิกบะกุฟุทำพิธีเซ็ปปุกุเพื่อหนีความอับอายจากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ เป็นจุดสิ้นสุดยุคคามากูระของญี่ปุ่นที่มีอายุยาวนานถึง 148 ปี
ภาพพิธีกรรมเซ็ปปุกุ
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
1. ยาบุซาเมะ คือการยิงธนูบนหลังม้ารูปแบบหนึ่งโดยจะตั้งเป้าไว้เป็นระยะๆในทางที่ม้าวิ่งและซามูไรบนหลังม้าจะต้องยิงธนูให้เข้าเป้าทั้งหมดในขณะที่ม้ากำลังวิ่ง มินาโมโตะ โนะ โยริโทโมะ ใช้ยาบุซาเมะในการฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมของเหล่าซามูไรก่อนที่จะออกศึก หากซามูไรคนไหนที่แสดงฝีมือได้แย่จนไม่อาจรับได้อาจถูกสั่งให้กระทำฮาราคิรีต่อหน้าสาธารณะชน และยาบุซาเมะนี้ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ทำให้ตระกูลมินาโมโตะเอาชนะตระกูลไทระที่มีจำนวนไพร่พลมากกว่าได้
2. มีซามูไรหญิง(ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า อนนะ บุเกอิชา)จำนวนมากที่เข้าร่วมการต่อสู้ โดยส่วนมากแล้วจะเป็นหญิงในชนชั้นสูงหรือผู้เป็นภรรยาของซามูไร โดยพวกนางจะได้รับการฝึกฝนให้ใช้อาวุธเยี่ยงซามุไรและต้องฝึกใช้มีดสั้นให้ชำนาญอีกด้วย โดยส่วนใหญ่พวกนางจะใช้นางินาตะหรือง้าวญี่ปุ่นในการต่อสู้ หน้าที่หลักๆจะเป็นการป้องกันเมืองและปกป้องสมาชิกครอบครัวหากข้าศึกบุกประชิดเมืองหรือปราสาทได้
การได้รับเลือกให้เข้าร่วมเทศกาลยาบุซาเมะถือเป็นเกียรติอย่างสูง ซึ่งในสมัยโบราณจะคัดเลือกเฉพาะนักรบที่ฝีมือดีที่สุดเท่านั้นและผู้ชนะจะได้ผ้าสีขาวเป็นรางวัล ซึ่งหมายถึงการอวยชัยจากเทพเจ้า
การแต่งกายของอนนะ บุเกอิชา ในยุคคามากูระ
จบกันไปแล้วนะครับสำหรับประวัติศาสตร์สมัยคามากูระฉบับย่อที่ผมนำมาเขียนในวันนี้ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับความสนุกจากการอ่านบทความนี้ หากมีข้อสงสัยใดๆสามารถถามมาได้ในคอมเมนท์นะครับยินดีตอบทุกคำถามเลย และหากมีข้อผิดพลาดใดๆ ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณที่ครับ
4 บันทึก
13
9
4
4
13
9
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย