12 ส.ค. 2020 เวลา 02:12 • ธุรกิจ
ที่ดินกำไร 600 % แบบคุณตัน !!!
ถ้าพูดถึงคุณตันแล้ว ทุกคนในแวดวงเครื่องดื่มคงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงของ
“คุณตัน ภาสกรนที” หรือคุณตัน เจ้าของอิชิตัน เจ้าพ่อชาเขียวที่มีหลักคิดธุรกิจไม่
เหมือนใคร จนสามารถแจ้งเกิดและโด่งดังมาจนทุกวันนี้ แต่มีอีกมุมหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้ นั่นก็คือ มุมมองอสังหาของคุณตัน ที่มีเอกลักษณ์แตกต่าง
ไม่แพ้ธุรกิจชาเขียว เช่นกันและดัวยทรัพย์สินมูลค่ารวม 2.09 หมื่นล้านบาท
ทำให้คุณ “ตัน ภาสกรนที” ถูกจัดอยู่ใน "50 อันดับ มหาเศรษฐีไทย" จัดอันดับโดย Forbes ติดอันดับที่ 34 ในปี 2015
2
คุณ ตัน ภาสกรนที พื้นเพเป็นคนชลบุรี มีนิสัยเป็นคนขยัน อดทน ชอบค้าขาย คุณตันได้เริ่มงานครั้งแรก ที่ บริษัท ซากุระ เป็นพนักงานโกดังขนของ เขาเป็นคนทำงาน
หนักและมักจะกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายของบริษัทเสมอ ซึ่งแตกต่างจากพนักงานส่วนใหญ่ที่ทำเสร็จแล้วก็รีบๆกลับ ด้วยความขยันทำให้คุณตันได้เลื่อนเป็นผู้จัดการแผนกที่อายุน้อยที่สุด หลักจากนั้นคุณตันก็ได้ออกจากงานมาเปิดร้านหนังสือเป็นของตัว
เองในชลบุรี จากลักษณะที่เป็นคนช่างสังเกตการเลือกสินค้าของลูกค้า ทำให้คุณตันรู้ทันทีว่า ลูกค้ามาต้องหยิบหนังสือเล่มไหนโดยที่ลูกค้าไม่ต้องพูดซักคำ ทำให้ยอด
ขายแซงหน้าร้านอื่นๆอย่างน่าแปลกใจ
3
คุณตัน ก้าวมาในวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยได้เริ่มต้นขึ้นจากการ “ซื้อ-ขายใบจอง” ในช่วงนั้นเป็นช่วงฟองสบู่ของจริง ช่วงยุค พลเอกชาติชาย ชุณหวรรณ
มีคำกล่าวกันว่า “ใครตื่นเช้าได้ห้าหมื่น” หมายถึง แค่คุณไปยืนต่อคิวจองบ้านตั้ง
แต่ตีห้า กลางวันก็ขายได้แล้วกำไรห้าหมื่นบาท แต่ในช่วงนั้นมันน่ากลัวกว่าเดี๋ยวนี้มาก เพราะไม่ว่าจะโครงการไหนก็ขายได้ทั้งหมด ไม่ต้องดูว่าทำเลเป็นอย่างไร
ผู้ประกอบการเป็นใคร สมัยนั้นไม่มี สคบ.มาควบคุม ความหมายก็คือ ถ้าใครจ่าย
เงินจองคอนโดหรือบ้านไปแล้ว ถ้าดีเวลลอปเปอร์สร้างไม่ได้ ก็ไม่สามารถไปฟ้องได้ง่ายดายเหมือนสมัยนี้
คุณตัน เล่าว่า เขาจองเยอะมาก จนกระทั่งฟองสบู่แตก มีใบจองเหลือถือเต็มมือไป
หมด ต้องตัดขาดทุนกันกระจาย
เจ็บหนักมาก แต่กลับบอกว่า “ผมไม่ได้เจ๊งเพราะอสังหาฯ แต่ผมเจ๊งเพราะความโลภ” แล้วคิดว่าวันหนึ่ง จะต้องกลับมาเล่นอสังหาฯ อีกครั้งให้ได้
1
หลังจากนั้น วันที่เขาคิดไว้ก็กลับมาจนได้ โดยเกือบเคยได้รับฉายา “เจ้าพ่ออสังหา” จากการตั้งบริษัทใหม่ คือ ตัน แอสเซ็ท จำกัด เมื่อปี 2549 เมื่อเขาได้ขายหุ้นโออิชิ
ให้กับเสี่ยเจริญ ได้เงินสดมา 3 พันล้านบาท โดยได้แบ่งครึ่งกับเมียคนละ
1,500 ล้าน
1
แต่เขาเอาเงินเกือบทั้งหมดไปซื้อที่ดินเก็บในหลายๆที่ หลายแปลง
โดย 2 แปลงยักษ์ที่เห็นๆ คือในอารีน่า 10 ทองหล่อ พื้นที่ 14 ไร่ และ แถวเพลินจิต
อีก พื้นที่ 9 ไร่ เขาบอกในวันนั้นว่า ตอนนี้ผมจนกว่าเมีย เพราะเมียยังไม่ได้ใช้เงิน
เลย แต่เขาใช้ไปเกือบหมด แต่ในอนาคต ผมจะรวยกว่าเมียแน่นอน เพราะที่ดินตรงนี้ มันมีแต่มูลค่าจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนั้น เขาวาดฝันจะทำตึกสูง 50 กว่าชั้น
ลักษณะเป็น “มิกซ์ยูส” แต่ก็ได้ขายออกไปก่อน โดยขายในอารีน่า 10 ทองหล่อ
ไปได้มากกว่า 6 พันล้านบาท ขายแถวเพลินจิต ราคาประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อตา
รางวา มูลค่าร่วม 3,320 ล้านบาท เป็นประวัติศาสตร์การซื้อขายที่ดินที่แพงที่สุดในขณะนั้น (คือโครงการโนเบิลในปัจจุบัน) ถือว่าเขาพูดได้ถูกที่อนาคตเขาจะรวยกว่า
เมีย
2
ต่อมา ได้จับกลุ่มตลาดต่างจังหวัดบ้าง โดย คุณตัน ได้ตั้งบริษัท ร่วมทุน “ กล้วยก
ล้วย” บุกเมืองลพบุรีสร้างโปรเจกต์ มังกี้โลตัส และ“ ตลาดนัดบานานาสแควร์” เป็นตลาดนัดใจกลางจังหวัดลพบุรีด้วยเงินลงทุนกว่า 600 ล้านบาท การลงทุนครั้งนี้
เขาจะลงทุนกับกลุ่มนักลงทุนจากจังหวัดลพบุรี ในสัดส่วนการถือหุ้นของ บริษัท ฯ
เขาถืออยู่ที่ 81% และนักลงทุนท้องถิ่นอีก 19 % มีการจัดพื้นที่ให้บริการทั้งหมด
ประมาณ 4 หมื่นตารางเมตร พื้นที่ 76 ไร่
2
ส่วนที่ชลบุรี ศรีราชา ถิ่นเก่าของเขา ก็ได้สร้างตลาดนัดนินจาอมตะ ย่านชลบุรีอีก 80 ไร่ และก็มีโครงการจะพัฒนาออกมาหลายแบบ ทั้งคอนโด , โรงแรม , Mall
มีประเด็นที่น่าสนใจคือ ที่ดินที่เขาเคยวางแผนไว้ว่าจะทำ Mixed-use ที่มี Mall
คอนโด และโรงแรม เป็นที่ดินตรงใจกลางศรีราชาเลย แล้วก็ขายทำกำไรไป
20-30% โดยซื้อมาประมาณหนึ่งปี ซึ่งคนที่ซื้อไป ก็นำมาพัฒนาต่อในลักษณะเดียวกัน คือ ATARA HOTEL SRIRACHA
แม้หลายแปลงมีการขายออกเปลี่ยนมือไปแล้ว แต่อีกหลายแปลงของเขาตัดสินใจ
ลงทุนพัฒนาเอง โดยปัจจุบันอสังหาฯ ในมือมีทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ โรงแรม วิลล่า มาร็อค ปราณบุรี จำนวนห้องพัก 15 ห้อง, โรงแรม ยู นิมมาน จำนวนห้องพัก 147
ห้อง , คอมมูนิตี้ มอลล์ วัน นิมมาน พื้นที่ 13 ไร่ , อาคารสำนักงาน T-ONE ทองหล่อ อาคารสำนักงานเกรด A ปากซอยสุ ขุมวิท 40 ที่มีพื้นที่ให้เช่ากว่า 43,700 ตร.ม. , ตลาดกล้วยกล้วย และตลาดนัดนินจาอมตะ
แนวคิด อสังหา เพื่อรอวัน ปัง
1.จะใช้วิธีการหาพันธมิตรร่วมทุน หรือแบ่งขายที่ดินบางส่วนให้กับกลุ่มทุนที่มี
ศักยภาพในการพัฒนา
2.การซื้อที่ดินของคุณตัน เขาจะวาดฝันวางแพลนไว้แล้ว ว่าจะพัฒนาเป็นอะไร ไม่ใช่เป็นการซื้อมาดอง เพื่อเก็งกำไร แต่เป็นการวางแผนระยะยาว ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่
ถ้าในระหว่างทาง จะมีคนมาซื้อต่อ ก็ ไม่ได้ปิดกั้น แต่ต้องได้กำไรตามที่พอใจ ถึงจะขาย ก็เท่านั้นเอง
หลักการนี้ สามารถนำมาปรับใช้ได้ "ถ้าเราวางแผนลงทุนแบบระยะยาวแต่แรกแล้ว เราจะไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขายถูกๆ เหมือนคนที่เล่นแบบสั้น" "เราจะสามารถขายในราคาที่เราพอใจได้" "แล้วถ้าอสังหาที่เราเลือก มันเป็นสิ่งที่ใช่ รับรองว่า เราจะ
ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแน่นอน" ก็เหมือนกับที่คุณตันได้ทำมาให้เห็น อย่างที่
"เพลินจิต" และ "ศรีราชา"
3. การเอาที่ดินที่ยังทำราคาไม่ได้ในวันนี้ มาทำประโยชน์ก่อน เป็นการเลี้ยงที่ดิน
เพื่อรอความเจริญรอบข้าง รอวันที่มูลค่าที่ดิน เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น
7
4. ในการทำธุรกิจอสังหาฯ ที่เขายังยึดมั่น และใช้มาโดยตลอด ยกเว้นการลงทุนที่
เกินตัว นั่นก็คือ ลงทุนซื้อที่ดินผืนงามแทนการเก็บเงินสด
ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
บทเรียนความล้มเหลวยิ่งใหญ่ที่สุดของตันก็คือ "ธุรกิจอสังหาฯ"ในยุคที่อสังหาริม
ทรัพย์ไทยเฟื่องฟูสุดขีดในปี2540 ช่วงที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นหัวหน้า
รัฐบาล สูตรของคุณตันในช่วงนั้นคือ แค่วางมัดจำ กู้แบงก์ และจ้างเขียนแบบ ก็ขายได้แล้ว แถมขายดีแบบเทน้ำเทท่าเสียด้วย กระทั่งมาพลาด เมื่อคิดใหญ่ ในช่วงฟองสบู่แตก หลังจากที่ไต่ระดับไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียม
ในชื่อ ที.วาย.แกรนด์ซิตี้ ส่งให้เขาต้องจมอยู่กับกองหนี้มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
2
โฆษณา