12 ส.ค. 2020 เวลา 05:41 • ธุรกิจ
5 เรื่องจริงของกองทุนรวมเฮลธ์แคร์เล็กพริกขี้หนู KFHRALTH-A
เมื่อ COVID ยังดูไม่หนีหาย Aging Society ก็คืบคลายเข้ามาไม่หยุดหย่อน ยิ่งตอกย้ำถึงกระแสความแรงของการเติบโตในธุรกิจ Health Care ทั่วโลก แบบนี้ทาง Geturgoal จึงต้องขอหยิบยกกองทุน Health Care เทพอีกตัวมาอวดผลงานแบบปังๆ ที่สวนกระแสเศรษฐกิจโลก
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้มีการหยิบกองทุนระดับตำนานอย่าง BCARE และ กองทุนน้องใหม่ไฟแรงอย่าง TGHDIGI มากะเทาะเปลือกให้พี่ๆดูกับไปแล้ว (ย้อนไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) วันนี้เราจึงขอหยิบกองทุนเฮลท์แคร์ไซส์เล็กที่ความสามารถคับแก้วมาให้พี่ๆได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งกองทุนนั้นก็คือ.....
กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเฮลธ์แคร์อิควิตี้-ชนิดสะสมมูลค่า (Krungsri Global Healthcare Equity Fund-A) หรือ KFHEALTH-A
KFHEALTH-A นับเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่เกิดขึ้นมาในช่วงหลัง เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2561และจัดตั้งมาในรูปแบบของ Feeder Funds ที่มีมีนโยบายเน้นการลงทุนในธรกิจ Health Care ทั่วโลก
1. ลงทุนในหน่วยลงทุนของ JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund ชนิดหน่วยลงทุน Class C (acc) – USD
ถึงแม้กอง KFHEALTH-A จะถือเป็นกองไซส์เล็กที่จัดตั้งมาไม่นาน แต่สำหรับกองแม่อย่าง JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund นั้นนับเป็นกองขนาดใหญ่ที่จัดตั้งมานานและมีความเก๋าเกมส์มานานกว่า 10 ปี และมี JPMorgan Asset Management (Europe) S.à r.l. เป็นผู้บริหารงาน นโยบายการลงทุนจะเน้นไปที่ตราสารทุนของบริษัทใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรม Health Care ทั่วโลก
เนื่องจากกองทุน KFHEALTH-A นี้เป็นกองทุนที่ทำการซื้อขายหน่วยลงทุนเป็น USD ผู้ลงทุนจึงต้องระวังในเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย เพราะถึงแม้ว่าทางกองทุนจะแจ้งว่ามีนโยบายการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินตามความเหมาะสม แต่ในความเป็นจริงแล้วกองนี้ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแต่อย่างใด
2. นโยบายการลงทุน(อ้างอิงจากJPMorgan Funds – Global Healthcare Fund)
มีนโยบายการบริหารแบบ Active Management ที่เน้นการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ และมีการกระจายตัวไปยัง 4 หมวดธุรกิจย่อย ดังนี้ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2563)
- ธุรกิจยา (Pharmaceutical) – 31.2%
- ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) – 25.2%
- ธุรกิจเทคโนโลยีการแพทย์ (Medical Technology) – 22.3%
- ธุรกิจการให้บริการด้านสุขภาพ (Healthcare Service) – 17.7%
จะเห็นได้ว่าแม้กองทุนจะเน้นหนักไปที่ธุรกิจยา แต่สัดส่วนการลงทุนในแต่ละหมวด
นั้นก็ยังไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หรืออีกในหนึ่งก็คือทางกองทุนยังคงพยามรักษา
การถ่วงน้ำหนักการลงทุนของแต่ละหมวดย่อยให้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสมดุล โดย
รวม Geographic กองทุนนี้จะยังคงเน้นการลงทุนอยู่ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ
(75.3%) และ ยุโรป (19.6%) ซึ่งเป็นภูมิภาคหลักของบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ของธุรกิจ Health Care
3. ผลการดำเนินงานของกองทุน KFHEALTH-A
สำหรับผลการดำเนินงานของกองนี้จะเห็นได้ว่ากระโดดพุ่งแรงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ตั้งกองเลยทีเดียว โดยผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้นเติบโตสูงถึง 27.36% ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกองทุน Health Care อื่นๆ ในประเทศไทยที่อย่างมี นัยสำคัญเลยทีเดียว
น่าสนใจไม่ใช้เล่นเลยใช่มั้ยหล่ะคะ สำหรับกอง Health Care เล็กพริกขี้หนูอย่าง KFHEALTH-A ถ้าพี่ๆรู้สึกว่าเจ้ากองนี้เริ่มจะเข้าตามาบ้างแล้วหล่ะก็ เราไปดูกันต่อเลยดีกว่าค่ะ ว่ากองนี้เขาไปลงทุนในอะไร ทำไมมันถึงได้โตได้โตดีอย่างนี้
4. บริษัทที่มีสัดส่วนการลงทุนมากที่สุด 5 บริษัทแรก
เนื่องจากกองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนที่เน้นไปที่บริษัทใหญ่ๆ พี่ๆก็คงจะคุ้นหูคุ้นตากับชื่อบริษัทเหล่านี้มาบ้างแล้วนะคะ แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จัก เรามาดูพร้อมกันเลยค่ะว่าบริษัทเหล่านี้เขาเป็นใครกันบ้าง
อันดับที่ 1 UnitedHealth
กลุ่มบริษัท Health Care ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลก (ตามรายได้ปี 2019) UNH
เป็นบริษัทจดทะเบียนใน New York Stock Exchange และมีมูลค่าหลักทรัพย์สูง
กว่า 3 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐเลยทีเดียว
ธุรกิจของ UNH มุ่งเน้นไปที่การบริหารจัดการระบบสาธารณะสุข และการสร้างสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลและการดูแลสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมไปตั้งแต่การจัดการสวัสดิการให้กับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึงสวัสดิการยามเกษียณเลยทีเดียว และด้วยกระแส Aging Society ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง UNH สามารถมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับเกือบ 10% ได้เลยทีเดียว
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับที่ 2 Roche
บริษัทยาชื่อดังจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่ชื่อน่าจะคุ้นหูพี่ๆกันดีอยู่แล้ว โดยในปี 2562 ROG นับเป็นบริษัทยาที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกเลยทีเดียว นอกจากความโดยเด่นในเรื่องของผลิตภัณฑ์ยาซึ่งคิดเป็นรายได้ราว 80% รายได้ทั้งหมดแล้ว อีกธุรกิจนึงที่สำคัญของ ROG เลยก็คือการพัฒนานวัตกรรมในการตรวจวินิจฉัยโรค ซึ่งคิดเป็น 20% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท (ข้อมูลปี 2562)
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับที่ 3 Johnson & Johnson
อีกหนึ่งบริษัทสัญชาติอเมริกาที่เชื่อว่าน้อยคนมากที่จะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน และบริษัท JNJ นี่เองที่ครองอันดับรายได้อันดับ 1 ของโลกในกลุ่มบริษัทยา อย่างไรก็ดีธุรกิจของ JNJ นั้นสามารถแบ่งได้เป็น 3 ธุรกิจหลักๆ นั่นก็คือ ธุรกิจยา ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค อย่างไรก็ดี ธุรกิจยานั้นก็ยังคงเป็นตัวสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 51% ของรายได้ เลยทีเดียว ขณะที่ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ครองอันดับ 2 ที่ 32% ส่วนธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 18% (ข้อมูลปี 2562)
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับที่ 4 Amgen
บริษัทสัญชาติอเมริกันที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมจากเทคโนโลชีวภาพเพื่อมาประยุกต์ใช้ในการบำบัดรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคไต โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคกระดูก และอื่นๆ ที่มักจะมีตัวเลือกหรือผลิตภัณฑ์ทดแทนในตลาดน้อย ซึ่งการครอบครองเทคโนโลยีระดับสูงที่จุดแข็งของ AMGN ที่ทำให้คู่แข่งสามารถเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดได้ยาก ในปัจจุบัน AMGN ได้มีการขยายธุรกิจไปแล้วในกว่า 75 ประเทศทั่วโลก ซึ่งก็แน่นอนว่ารวมปรเทศไทยของเราด้วยเช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
อันดับที่ 5 Thermo Fisher Scientific
ผู้นำระดับโลกด้านบริการทางวิทยาศาสตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริการ
ของ TMO คือการทำการวิจัยทางชีววิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาด้านการวิเคราะห์ที่มีความซับซ้อน ยกระดับการวินิจฉัยผู้ป่วย นำยาออกสู่ตลาด รวมไปถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาเพิ่มผลิตภาพในห้องปฏิบัติการ ซึ่งบริการของทาง TMO ก็ช่วยทำให้หน่วยงาน R&D ของบริษัทต่างๆสามารถพัฒนายาหรือเครื่องมือทางการแพทย์ใหม่ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม
5 ค่าธรรมเนียมของกองทุน KFHEALTH-A
ในส่วนของค่าธรรมเนียม เมื่อเปรียบเทียบกับกองทุนขั้นเทพอีก 2 ตัวที่เรานำมาตีแผ่ให้พี่ๆดูไปแล้วก่อนหน้านี้ จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องของการเก็บค่าธรรมเนียมพอสมควร โดยที่กอง KFHEALTH-A นั้นจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อและการสับเปลี่ยนขาเข้าที่ 1.5% แต่จะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมในการขายและสับเปลี่ยนออก ซึ่งหากมองในแง่มุมว่าเรามีการคาดหวังราคาที่สูงขึ้น ณ ตอนขายแล้วนั้นการเก็บค่าธรรมเนียมแค่ขาเข้านั้นจะเป็นประโยชน์กับฝั่งนักลงทุนมากกว่า นอกจากนี้กองทุน KFHEALTH-A นั้นยังมีการคิดค่า Management Fee ที่ 0.80% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราต่ำกว่าอีก 2 กองเรียกเก็บอยู่ในปัจจุบัน
เป็นยังไงกันบ้างคะกับ KFHEALT-A กองทุนHealth Care ขั้นเทพกองสุดท้ายของเรา ที่ถึงขนาดกองจะเล็กแต่ก็ลงทุนในกองแม่มือฉมังอย่าง JPMorgan Funds – Global Healthcare Fund แถมแต่ละบริษัทที่เลือกลงทุนยังเป็นบริษัทระดับโลกที่ยังคงมีโอกาสเติบโตชัดเจนตามเทรนของโลกในปัจจุบัน หวังว่ากองนี้ก็จะถูกใจพี่ๆไม่แพ้กองก่อนหน้านี้นะคะ
หากพี่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือข้อเสนอแนะสามารถ คอมเมนท์ที่ด้านล่างบทความได้เลยค่า
แต่ถ้าหลังจากอ่านบทความ 3 อันไปแล้วยังลังเลรักพี่เสียดายน้อง หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกกองทุนไหนดีที่จะเหมาะกับความต้องการของตัวเองมากสุด ในบทความหน้า เราจะนำ 3 กองทุนน้าเปรียบเทียบกันแบบหมัดต่อหมัด ว่าแต่ละกองมีจุดเด่นจุดแข็งต่างกันยังไง แล้วใครเจ๋งกว่าใครด้านไหนบ้าง
สำหรับวันนี้ GETURGOAL ต้องขอลาไปก่อนนะคะ อย่างลืมกดติดตามกดไลค์เป็น
กำลังใจให้เรานะคะ
โฆษณา