Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ยิปซี สำนักพิมพ์
•
ติดตาม
25 ส.ค. 2020 เวลา 10:30 • ประวัติศาสตร์
รู้หรือไม่ ? ทหารโรมันต้องสร้างทางลาดขนาดยักษ์ เพื่อยึดป้อมมาซาด้า
สงครามปิดล้อม (siege warfare) เป็นศาสตร์พิชัยสงครามแขนงหนึ่ง ที่ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์สูงไม่แพ้การรบแบบประจันหน้า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตั้งรับจะอยู่หลังกำแพงเมือง ป้อมปราการ ปราสาท หรือค่ายรบ ย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอถ้าเตรียมพร้อมรับมือดี ส่วนฝ่ายโจมตีต้องเตรียมแผนการยึดที่มั่นศัตรูอย่างรอบคอบที่สุด เพราะการปิดล้อมอาจนานเป็นสัปดาห์ เดือน หรือเป็นปี ยิ่งฝ่ายโจมตีต้องการเผด็จศึกเร็วเท่าไหร่ ยิ่งต้องหากลเม็ดเด็ดพรายมากขึ้นเท่านั้น
1
ปีคริสตศักราชที่ 66 ชาวยิวในแคว้นยูเดีย (Judea) ของจักรวรรดิโรมันก่อกบฎครั้งใหญ่ จนถูกรัฐบาลโรมันปราบปรามอย่างรุนแรงด้วยกองทัพขนาดใหญ่ กระทั่งเมืองเยรูซาเล็ม เมืองหลวงของชาวยิว ถูกปิดล้อมและตีแตกในปี ค.ศ. 70 ทำให้ชาวยิวจำนวนมากถูกฆ่า ถูกขายเป็นทาส หรือกระจัดกระจายไปทั่วดินแดนปาเลสไตน์และแคว้นอื่นๆ ของโรมัน
กระนั้น ยังมีที่มั่นอีกหลายแห่งที่ฝ่ายกบฎหนีไปตั้งหลัก รวมถึง มาซาด้า (Masada) ซึ่งแปลตรงตัวว่า 'ป้อมปราการ' มาซาดาตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายยูเดีย สูงจากระดับน้ำทะเลเดดซีประมาณ 400 เมตร ยอดเขามีหน้าเรียบ รูปทรงสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด มีหน้าผาสูงชันล้อมรอบ โดยหน้าผาทิศตะวันออกสูงประมาณ 400 เมตร ส่วนเนินลาดด้านทิศตะวันตกสูง 90 เมตร มีทางขึ้นเพียงทางเดียว แถมยังคดเคี้ยวและแคบ
ขนาดคนเดินสวนกันลำบาก จนมีฉายาว่า 'เส้นทางอสรพิษ' (The Snake) มาซาดาเป็นป้อมปราการสุดท้ายของชาวยิว และเป็นปราการที่ไม่มีวันพิชิตได้
ในปี ค.ศ. 72 รัฐบาลโรมันส่งกองทัพ 15,000 นาย ประกอบด้วยทหารกองพลลีเจียนที่สิบ เฟรเตนซิส (Legio X Fretensis) 4,800 นาย กองทหารช่วยรบและ
ทาสประมาณ 4,000 ถึง 10,000 นาย และให้ข้าหลวงโรมันประจำแคว้นยูเดียนามว่า ลูคิอุส ฟลาวิอุส ซิลวา (Lucius Flavius Silva) เป็นแม่ทัพ ขณะที่เวลานั้นป้อม
มาซาด้ามีกลุ่มซิคาริไอ (Sicarii) ชาวยิวสายสุดโต่งที่หนีจากเยรูซาเล็ม และพลเมืองยิวอีกจำนวนหนึ่ง รวมตัวกันได้ 967 คน โดยมีเอเลียซาร์ เบ็น ยาอีร์ (Eleazar ben Ya'ir) เป็นผู้บัญชาการ
การปิดล้อมเริ่มต้นปี ค.ศ.73 และดำเนินไปถึงปลายปี ค.ศ. 74 โดยทหารโรมันแสดงศาสตร์การปิดล้อมและทำลายปราการหลายด้าน เช่น สร้างแนวกำแพงและป้อมล้อมที่ราบสูงมา
ซาด้า เพื่อป้องกันศัตรูโจมตีตอบโต้ หรือกำลังเสริมและเสบียงจากภายนอก สร้างทางลาด (ramp) ด้วยหิน ดิน และซุงจำนวนหลายพันตัน เพื่อขนเครื่องปิดล้อม (siege engine) ไปประชิดกำแพง เช่น หอรบ เพื่อโจมตีแนวกำแพง
และทหารศัตรู และส่งทหารขึ้นกำแพงอีกฝ่าย และเครื่องกระทุ้งกำแพง เพื่อทำลายโครงสร้างกำแพง
ในที่สุดกำแพงมาซาด้าก็แตก ณ วันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 73 แต่ในป้อมกลับแทบไม่เหลือผู้รอดชีวิต เพราะส่วนใหญ่ฆ่าตัวตายตั้งแต่เมื่อรู้ว่าป้อมจะแตกในไม่ช้า ยอมปลิดชีพตนเองดีกว่าตกเป็นทาส มีเพียงผู้หญิง 2 คนและเด็กอีก 5 คนที่รอดชีวิต โดยซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำ ขณะที่อาคารส่วนใหญ่ถูกเผา ยกเว้นยุ้งฉาง ยุทธการปิดล้อมมาซาด้า (Siege of Masada) คือเกียรติประวัติด้านแสนยานุภาพทางทหารของจักรวรรดิโรมัน บนกองเถ้าถ่านและซากศพผู้เสียชีวิตนับพัน.
5 บันทึก
11
5
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย