Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หามาเล่า
•
ติดตาม
13 ส.ค. 2020 เวลา 11:27 • การศึกษา
สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า "วาฬสีน้ำเงิน" หรือ The Bloop
เวลาเราพูดถึงสิ่งลี้ลับ สิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ หรือหลายๆอย่างบนโลกที่ยังมีการค้นหา เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะนึกถึงอย่างแรก คือ มนุษย์ต่างดาว และสิ่งที่อยู่ในอวกาศ
ตามหลักฐานและข้อมูลที่หามา ไม่ได้มีการพบเห็นแบบเป็นตัว หรือมีการถ่ายภาพได้ แต่ The Bloop ที่พูดถึงถูกค้นพบจากการใช้เครื่องตรวจหาคลื่นเสียงในท้องทะเล ซึ่งคลื่นเสียงที่ออกมาได้นั้นจะมีเสียงต่ำ และร้องอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับเสียงของวาฬสีน้ำเงิน โดยข้อมูลตรงนี้ได้บันทึกไว้ว่า ได้มีการค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2540 โดยองค์การสมุทรและบรรยากาศของ USA หรือ National Oceanic and Atmospheric Administration หรือเรียกสั้นๆก็คือ NOAA นั่นเอง โดยบันทึกการตรวจจับเครื่องเสียงนี้ได้ได้บอกไว้ว่า คลื่นเสียงนี้ถูกตรวจพบครั้งแรกในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ถูกบันทึกได้โดย หน่วยนาวิกโยธิน ของสหรัฐอเมริกา ในขณะนั้นพวกเขาได้ใช้เครื่องตรวจหาคลื่นเสียงใต้ท้องทะเลเพื่อที่จะหาเรือดำน้ำของสหภาพโซเวียตในตอนนั้น แต่ในขณะที่พวกเขาได้ทำการใช้เครื่องนั้นอยู่ ปรากฏว่าเขาได้พบคลื่นเสียงประหลาดเกิดขึ้น แต่คลื่นเสียงนั้นไม่ใช่คลื่นเสียงที่มาจากเครื่องยนต์ของเรือดำน้ำ แต่เป็นคลื่นเสียงที่มีความถี่ต่ำ มีเสียงคล้ายกับสิ่งมีชีวิตกำลังโหยหวนอยู่ และคลื่นเสียงนี้มีความคล้ายกับวาฬสีน้ำเงินมาก ที่สำคัญคือคลื่นเสียงตรงนี้ไม่ได้ได้ยินแค่สั้นๆ แต่ได้ยินเสียงเป็นระยะเวลานานพอสมควรและดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนสัตว์ที่กำลังโหยหวนอยู่ตลอดเวลา และคลื่นเสียงนี้ก็มีมาตั้งแต่ พ.ศ.2540 และถูกถกเถียงกันมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ว่าเสียงนี้มันคืออะไรกันแน่ และจากการที่ไปหาข้อมูลมาปรากฏว่าได้ทฤษฎีหลักๆ มา 3 ทฤษฎีด้วยกัน
ทฤษฎีแรกที่เขาตั้งกันนั่นก็คือ คลื่นเสียงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ โดยข้อมูลตรงนี้ จากการที่ได้หามา เขาคาดการณ์กันว่า เสียง The Bloop คือคลื่นเสียงที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ อาจด้วยจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง แต่ถ้ามองในยุคเวลาตอนนั้น ที่เป็นช่วงปลายสงครามโลกหรือสิ้นสุดสงครามโลกไปแล้ว ก็ยังมีสงครามเล็กสงครามน้อยกันอยู่ อาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นคลื่นเสียงก่อกวน หรือรบกวน เพื่อหลอกล่อให้ศัตรูเข้าใจผิดก็เป็นได้ แต่ตรงนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ 1 อย่าง นั่นคือคลื่นเสียงที่พูดถึงตรงนี้เขาบอกว่ามีระยะการกระจายเสียงมากกว่า 5,000 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นแล้วมันจะมีอะไรสักอย่างในยุคเมื่อประมาณปี 2540 ที่จะสามารถส่งคลื่นเสียงที่ดังขนาดนี้ และไกลได้ขนาดนี้ได้อย่างไร แต่ก็เป็นทฤษฎีที่คนตั้งขึ้นมาและคนสนใจพอสมควร
ส่วนทฤษฎีที่ 2 คือทฤษฎีที่คนเชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้มากที่สุด นั่นก็คือ คลื่นเสียง The Bloop นี้เกิดจากการที่ก้อนน้ำแข็งหรือภูเขาน้ำแข็งในทะเลเคลื่อนตัวและเสียดสีกัน
ส่วนทฤษฎีสุดท้ายนี้ ไม่ใช่ทฤษฎีที่คนให้ความสนใจหรือเชื่อถือมากที่สุด แต่เป็นทฤษฎีที่คนตั้งข้องสงสัยและให้ความสนใจมากที่สุด โดยทฤษฎีนั้นนั่นก็คือ เสียงของ The Bloop ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มันคือเสียงที่มาจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่อาจจะใหญ่กว่าวาฬสีน้ำเงินหลายสิบเท่า นี่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น อย่างที่บอกไปว่าคลื่นเสียงขนาดกว่า 5,000 กิโลเมตร ไม่ใช่สัตว์ตัวไหนจะสามารถปล่อยออกมาได้ และปล่อยได้ไกลขนาดนี้ แต่สำหรับทฤษฎีนี้ที่คนเชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิต มันไปไกลได้ถึง 5,000 กิโลเมตร แสดงว่าต้องใหญ่กว่าสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างวาฬสีน้ำเงิน ฉะนั้นแล้วเป็นไปได้มากว่า The Bloop น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์เราอาจจะยังค้นพบไม่เจอหรืออาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตยุคโบราณที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกเราก็เป็นได้ และนี่ก็คือ 3 ทฤษฎีทั้งหมดเกี่ยวกับ The Bloop ที่รวบรวมมา อย่างที่บอกไปคือทุกคนเพ่งเล็งไปที่ทฤษฎีที่ 2 และเชื่อถือทฤษฎีที่ 2 กันมากที่สุด ถามว่าใน ณ ปัจจุบันนี้สามารถยืนยันได้ไหมว่ามันคือเสียงที่เกิดจากการเสียดสีของภูเขาน้ำแข็ง แต่ตรงนี้ยังไม่มีใครยืนยัน คนส่วนใหญ่และนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อในทางทฤษฎีที่ 2 ที่บอกว่าน้ำแข็ง 2 ลูกหรือภูเขาน้ำแข็งเกิดการเสียดสีกัน จนทำให้เกิดการแผ่เสียงไปกว่า 5,000 กิโลเมตรนั่นเอง
2 บันทึก
3
1
2
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย