18 ส.ค. 2020 เวลา 23:38 • การศึกษา
สมการแห่งความมั่งคั่ง
หลายคนคงแปลกใจ ความมั่งคั่งมีสมการด้วยเหรอ สมัยเรียนนั้น การที่จะหาคำตอบให้กับโจทย์วิชาคณิตศาสตร์ ก็ล้วนแล้วแต่ต้องมีสมการ ถ้าเราเข้าใจว่าสมการของโจทย์นั้นคืออะไร เราก็จะสามารถแก้สมการ เพื่อหาคำตอบนั้นได้
ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราอยากมั่งคั่ง เราก็ต้องเข้าใจสมการของความมั่งคั่งก่อน ฉะนั้น เรามาเริ่มเรียนรู้กัน ตั้งแต่ความหมายกันเลยนะคะ
ความมั่งคั่ง (Wealth) คือ ทรัพย์สินทั้งหมดที่เราหามาได้ แต่ทีนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะมีแต่ทรัพย์สินเท่านั้น บางครั้งก็อาจจะมีหนี้สินด้วย ซึ่งถ้ามีหนี้สินก็ต้องนำมาหักออกด้วย แล้วทำไมต้องหักออก
1
ขออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของทรัพย์สินหละหนี้สินแบบง่ายๆ กันอีกนิดนะคะ ทรัพย์สิน ก็คือ สิ่งที่สามารถสร้างเงินเข้ากระเป๋า ส่วนหนี้สิน ก็คือ สิ่งที่เป็นภาระต้องจ่ายที่ทำให้เงินออกจากกกระเป๋านั่นเอง
ดังนั้น ถ้าอยากทราบว่า มีทรัพย์สินสุทธิเท่าไร ก็ต้องเอา ทรัพย์สินทั้งหมด หักออกด้วย หนี้สินทั้งหมดค่ะ
จึงกลายเป็นสมการแห่งความมั่งคั่ง ดังภาพนี้ค่ะ
เมื่อได้สมการออกมาแล้ว ก็คงจะแก้โจทย์กันต่อได้ไม่ยากใช่ใหมคะ ทีนี้ เมื่อแก้โจทย์ได้ผลลัพธ์ออกมาแล้ว
📌 ถ้าทรัพย์สินสุทธิเป็นบวก (+) แสดงว่า ทรัพย์สินที่มีทั้งหมด เมื่อถูกนำไปชำระหนี้สินทั้งหมดแล้ว ก็ยังคงมีทรัพย์สินเหลืออยู่ ยิ่งทรัพย์สินสุทธิเป็นบวกมากเท่าไร โอกาสที่จะนำเงินไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่งได้ ก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
📌 ถ้าทรัพย์สินสุทธิเป็นลบ (-) แสดงว่า ทรัพย์สินทั้งหมดที่มีไม่สามารถชำระหนี้สินทั้งหมดได้ นั่นหมายความว่าสถานะทางการเงินของเราค่อนข้างแย่ ยิ่งทรัพย์สินสุทธิติดลบมากเท่าไร ก็ยิ่งบั่นทอนความมั่งคั่งของเราให้ลดลงไปเรื่อยๆ
1
💥 เราควรจะกลับมาวางแผนทางการเงินของเราใหม่ ถ้าสถานะทางการเงินของเราติดลบ เพราะถ้าปล่อยไว้ในระยะยาวสิ่งที่ตามมาก็คือความลำบากในการใช้ชีวิต ที่จะยิ่งฝืดเคืองหนักลงเรื่อยๆ จากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ แถมซ้ำเติมด้วยไวรัสมรณะ Covid-19 ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้
เราควรจะติดตามและตรวจสอบฐานะทางการเงินของเราอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจจะตรวจสอบเป็นประจำทุกๆ 3 เดือน เพื่อเป็นการตรวจเช็คและเฝ้าระวังความมั่งคั่งของเราให้ยังคงเป็นปกตินั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะมีคำถามว่า แล้วจะสร้างความมั่งคั่งได้อย่างไร แน่นอนว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินแน่นอนค่ะ
ทรัพย์สิน มีหลายประเภท เช่น บ้าน ที่ดิน รถยนต์ เงินสด เงินฝากธนาคาร หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ โดยทรัพย์สินเหล่านี้เราสามารถนำไปสร้างรายได้เพิ่ม โดยการนำไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซึ่งการลงทุนในแต่ละธุรกิจ ล้วนมีความเสี่ยงและผผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ดังนั้นเราจึงต้องศึกษาแผนธุรกิจให้ดี ก่อนที่จะลงทุนในธุรกิจนั้นๆ
โดยผลตอบแทนจากแต่ละธุรกิจ ก็จะแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะอยู่ในรูปของค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล หรือรายได้จากธุรกิจที่ลงทุนไป
ถ้าหากทรัพย์สินเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ได้มากกว่ารายจ่าย แสดงว่า คุณเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จด้านการสร้างความมั่งคั่งและสามารถมีอิสรภาพทางด้านการเงินด้วยค่ะ
ความมั่งคั่งหรืออิสรภาพทางด้านการเงิน สามารถตรวจสอบได้ ด้วยอัตราส่วนความมั่งคั่ง (Wealth Ratio) นี้
📌 ถ้าอัตราส่วนความมั่งคั่ง > 1 แสดงว่า คุณมีอิสระภาพทางด้านการเงิน สามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่สร้างรายได้ได้มากกว่ารายจ่ายที่จ่ายออก
📌 ถ้าอัตราส่วนความมั่งคั่ง < 1 แสดงว่า คุณยังไม่มีอิสระภาพทางการเงิน คือมีการจ่ายเงินมากกว่ารายได้ที่ได้รับ
อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งสามารถสร้างกันได้ทุกคน แต่เราต้องถามตัวเองว่าเราต้องการที่จุดไหน ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนด้วย และเราต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน จากนั้นค่อยมากำหนดแผนเพื่อที่จะบริหารความมั่งคั่งให้ถึงเป้าหมาย
โดยแนวทางในการบริหารความมั่งคั่ง ก็พอจะมีวิธีการ ดังนี้
👉 การวางแผนการออม
👉 การใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อลดภาษี เช่น การซื้อกองทุนรวม SSF RMF เป็นต้น
👉 การทำประกัน
👉 การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ดังนั้นการบริหารความมั่งคั่งควรที่จะวางแผนการเงินในทุกๆ ด้าน จัดการรายได้ รายจ่ายให้เหมาะสม ควรวางแผนสำรองค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในยามฉุกเฉิน และบริหารให้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วย เพื่อที่เราจะสามารถก้าวไปสู่ความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงินได้อย่างภาคภูมิใจค่ะ
ช่องทางอื่นในการติดตาม เพจลงทุนในบัญชีและภาษี
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ขอบคุณทุกการไลค์ แชร์ คอมเม้นท์ และการติดตามนะคะ 😊😘

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา