19 ส.ค. 2020 เวลา 09:44 • ประวัติศาสตร์
อนนะบุเกอิชา ซามูไรหญิงแห่งแดนอาทิตย์อุทัย เขียนโดย El_Maestro
"Onna-bugeisha" Female Samurai of Japan by El_Maestro
ภาพเหมือนของ 2 ใน 4 อนนะ-บุเกอิชาที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น (ภาพจากวิกิพีเดีย) The portrait of 2 of 4 famous onna-bugeisha in Japanese history (Picture from wikipedia)
ถ้าหากเอ่ยถึงซามูไร ผมเชื่อว่าหลายคนจะต้องนึกถึงชายกลุ่มหนึ่งที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ด้วยดาบและพกดาบเดินไปไหนมาไหนอยู่เสมอ หรืออาจจะเป็นภาพนักรบสวมชุดเกราะซึ่งทำจากหนังที่เย็บติดซ้อนๆกันเหมือนเกล็ดมังกร พร้อมทั้งสวมหน้ากากที่ดูดุดันและน่าเกรงขาม แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ายังมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีทุกอย่างเหมือนซามูไรทุกประการเพียงแต่พวกเขาเหล่านั้นหาใชบุรุษไม่ แต่กลับเป็นเหล่าสตรีที่มีความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวและไม่เกรงกลัวต่อความตาย สตรีเหล่านี้ถูกเรียกขานว่า "อนนะ-บุเกอิชา"
If mentioned about samurai, I believed that most people would imagined about the group of men who were professional sword fighter and take the katana along with them anywhere they go or the men in armor which made from pieces of leather, sewed them tight like a dragon scale and wearing mask with aggressive face to be threatening. But few people knew that there were some people who were as same as the samurai but only they were not men. They were women who had courage, bravery and do not fear death. These women were called "Onna-bugeisha"
ความเป็นมาของอนนะ-บุเกอิชา
คำว่า "อนนะ-บุเกอิชา" มีความหมายว่า สตรีที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ พวกนางจะได้รับการฝึกฝนให้ใช้อาวุธหลากหลายชนิด เช่น ดาบ หอก ง้าว ธนู และอื่นๆ รวมถึงทักษะการขี่ม้าด้วย นอกจากวิชาอาวุธที่กล่าวมาแล้วมีอีกหนึ่งวิชาที่พวกนางต้องฝึกนั่นก็คือ วิชา "ทันโตะจุทสึ"หรือวิชาการต่อสู้ด้วยมีดสั้น สตรีเหล่านี้จัดว่าอยู่ในชนชั้นเดียวกันกับซามูไร มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่านักรบหญิงเหล่านี้มีมาก่อนที่จะถึงยุครุ่งเรืองของซามูไรซะอีก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสตรีเหล่านี้จะมาจากชนชั้นสูงซึ่งอาจเป็นสตรีที่มาจากครอบครัวของซามูไรหรือครอบครัวของไดเมียว แม้กระทั่งสตรีที่มาจากชนชั้นกษัตริย์ก็สามารถเป็นได้ ตัวอย่างเช่น จักรพรรดินีจิงงู ที่นำทัพเข้ารุกรานเกาหลีในปี ค.ศ. 200 หลังจากที่จักรพรรดิชูไอพระสวามีของพระนางถูกสังหารในการสู้รบ
The Origin of Onna-bugeisha
"Onna-bugeisha" means female martial artist. They had to practice to fight with various weapons such as katana (Japanese sword), yari (spear), naginata (Japanese polearm), yumi (bow) etc., including horse riding skill. Other than the mentioned weapons, these women also had to practice "Tantojutsu", short knife fighting and they were included in the samurai class. According to the evidence, these female warriors were existed long before the rising of samurai. Most of them came from the noble family such as the samurai or the daimyo's family even the royal family for example, Empress Jingū who led the invasion of Korea in 200 AD after her husband, Emperor Chūai was slain in battle.
จักรพรรดินีจิงงู นำทัพบุกกาหลี (ภาพจากวิกิพีเดีย) Empress Jingū led the invasion of Korea. (Picture from wikipedia)
หน้าที่หลักๆของนักรบหญิงเหล่านี้คืออะไร
เมื่อใดก็ตามที่เกิดศึกสงครามขึ้นไม่ว่าจะเป็นศึกภายนอกประเทศหรือภายในประเทศ เหล่าชายฉกรรจ์จะถูกเกณฑ์เพื่อเข้าร่วมสงครามจนหมดสิ้น โดยเฉพาะครอบครัวของเหล่าซามูไรทำให้เหลือแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่อยู่ดูแลครอบครัว สตรีเหล่านี้จึงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนการต่อสู้เพื่อคอยปกป้องบ้าน สมาชิกในครอบครัวและเกียรติแห่งตระกูล แต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่ต้องเข้าร่วมกองทัพและออกศึกเพื่อบ้านเมือง ในยามที่ศึกเข้าประชิดเมือง อนนะ-บุเกอิชาจะทำหน้าที่ในการป้องกันเมืองและสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับซามูไร อาวุธหลักที่ใช้จะเป็นง้าว ดาบ มีดสั้นและธนู แต่ในยุคหลังที่มีการใช้ปืนโดยแพร่หลายในการรบ พวกนางก็จะหันมาฝึกยิงปืนด้วย
What is the main purpose of these female warriors?
Whenever the war broke out both in or out of the country, all male population will be drafted to join the battle, especially the samurai family. The women will be left to take care of the family. These women had to practice fighting to protect their household and family's honor. In some occasion, they will join with the army and fight for their land. When the battle came to the city, these onna-bugeisha will do their duty to defend the city alongside with the samurai. Their main weapons were katana, tanto (short knife) and bow but in the late period, they practiced long-range weapon like gun due to these weapons were widely used in battle.
อนนะ-บุเกอิชา จัดกำลังเพื่อป้องกันปราสาท (ภาพจากเกม Shogun 2 : Total War) Onna-bugeisha prepared to defend the castle. (Credit to Shogun 2 : Total War)
อนนะ-บุเกอิชาที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์
1. จักรพรรดินีจิงงู พระมเหสีในองค์จักรพรรดิชูไอ พระจักรพรรดิลำดับที่ 14 แห่งญี่ปุ่น พระนางมีชื่อเสียงเลื่องลือจากการเข้าร่วมทัพในการพิชิตเกาหลีในปีค.ศ. 200 จากนั้นก็ได้ขึ้นเป็นผู้นำทัพหลังจากที่พระสวามีของพระนางสิ้นพระชนม์ในการสู้รบ
2. โกเซ็น โทโมเอะ นักรบหญิงผู้เข้าร่วมกองทัพของขุนพลมินาโมโตะ โนะ โยชินะกะในสงครามเก็นเปและเคยเป็นผู้นำซามูไร 300 นายเข้าสู้กับทหารตระกูลไทระ 2,000 นาย อย่างกล้าหาญ ชื่อเสียงของนางเริ่มจากการตัดศีรษะของขุนพลฮอนดะ โนะ โมริชิเงะแห่งตระกูลมุซาชิ ครั้งที่สองจากการสังหารขุนพลอุชิดะ อิเอโยชิในสนามรบ และครั้งที่สามจากการหลบหนีการจับกุมของขุนพลฮาทาเคยามะ ชิเงทะดะ
3. โฮโจ มาซาโกะ อนนะ-บุเกอิชาของตระกูลโฮโจแห่งแคว้นอิซุ นางไม่ได้มีชื่อเสียงในการรบมากนักนอกจากการเป็นภรรยาของโชกุนคนแรกแห่งประวัติศาสตร์อย่างมินาโมโตะ โนะ โยริโทโมะ
4. นากาโนะ ทาเคโกะ อนนะ-บุเกอิชาแห่งเขตปกครองไอซุ มีชื่อเสียงจากการเข้าร่วมการต่อสู้ในสงครามโบชิน ในศึกการป้องกันสะพานยานากิ เขตนิชิบาตะ จังหวัดฟุกุชิม่า ทาเคโกะนำกองกำลังบุกเข้าโจมตีกองทัพจักรพรรดิแห่งเขตปกครองโองากิ เหล่าทหารแห่งจักรพรรดิรู้สึกตกใจและประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นกองกำลังที่วิ่งเข้าหาพวกตนล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น ในขณะที่กำลังงุนงงและลังเลที่จะยิงอยู่นั้น นักรบหญิงเหล่านั้นก็ได้เข้าประชิดและสังหารข้าศึกได้มากมาย ตัวทาเคโกะเองได้ใช้ง้าวสังหารข้าศึกไป 5-6 คน ก่อนที่จะถูกยิงเข้าที่หน้าอกจนบาดเจ็บสาหัส ด้วยความต้องการที่จะรักษาเกียรติไม่ยอมให้ข้าศึกมาย่ำยีศพของตน ทาเคโกะได้ขอให้น้องสาวนามว่า นากาโนะ ยูโกะ ตัดศีรษะของตนซะ หลังจากนั้นร่างของนางก็ได้ทำพิธีฝังอย่างสมเกียรติใกล้วัดโฮไกของตระกูล จึงถือได้ว่านากาโนะ ทาเคโกะ นั้นเป็นหนึ่งในซามูไรกลุ่มสุดท้ายก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม
The famous onna-bugeisha in history
1. Empress Jingū, the consort of Emperor Chūai, the fourteenth emperor of Japan. She was famous by joining the conquest of Korea in 200 AD then became the leader of the army after her husband was slain in battle.
2. Gozen Tomoe, female warrior who joined the force of Minamoto no Yoshinaka in Genpei war and bravely led 300 samurai against 2,000 warriors of Taira clan. Her fame started by beheaded Honda no Morishige of Musashi clan. The second, slain Uchida Ieyori in battle. The third, prevented being capture by Hatakeyama Shigetada.
3. Hojo Masako, Hojo clan's onna-bugeisha of Izu province. She was not famous in battle but she was the first shogun's wife, Minamoto no Yoritomo.
4. Nakano Takeko, onna-bugeisha of the Aizu domain who was famous by joining the fight in Boshin war. In the defending of Yanagi bridge in the area of Nishibata, Fukushima province. Takeko led the charge against the Imperial army of Ogaki domain, the imperial soldiers were panicked and surprised to notice that the army of women charging toward them. In the confusion, the female warriors killed a lot of enemy soldiers. Takeko herself could killed 5-6 soldiers with her naginata before got a shot on her chest and fatally wounded. By desperately need to protect her honor, she asked her younger sister named "Nakano Yuko" to behead her for preventing her body fell into enemy possession. Her body was honorably bury nearby Hokai temple of her family. Nakano Takeko has been considered to be one of the last samurai after Meiji reforms.
ซามูไรหญิงคนสุดท้ายของญี่ปุ่น (ภาพจากวิกิพีเดีย) The last female samurai of Japan (Picture from wikipedia)
จบกันไปแล้วนะครับกับเรื่องราวความกล้าหาญของนักรบหญิงแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งบทความนี้จะค่อนข้างยาวสักหน่อยเพราะผมต้องการที่จะลองเขียนเป็นสองภาษา เผื่อว่าวันหนึ่งอาจมีชาวต่างชาติเข้ามาอ่านจะได้สามารถเข้าใจในบทความนี้ได้ ถ้าชอบบทความนี้กรุณากดไลค์ กดแชร์และกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับและหากมีข้อผิดพลาดประการใดผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
That's the story of the brave female warriors of Japan. This article is quite long because I would like to try to write in 2 languages. For one day. my article would be read by the foreigners so they could understand what it is about. If you like my article, please give me like, share my article and follow, If I did something wrong, I would like to apologize. Thank you for reading.
โฆษณา