17 ส.ค. 2020 เวลา 02:38 • ไลฟ์สไตล์
เลือกซื้อไวน์อย่างไร ตอนที่ 2
“ไวน์มีกี่ประเภท”
จากตอนที่แล้ว เราได้พูดเรื่องของ ไวน์คืออะไร และประเภทของไวน์อย่างคร่าวๆ
ในบทความนี้ เราจะลงลึกประเภทของไวน์ อย่างละเอียดกันครับ
อย่างที่ได้กล่าวไปว่า แม้คุณจะคิดว่าการแยกประเภทของไวน์ทำได้ง่ายๆด้วยตาเท่านั้น แต่จริงๆแล้ว ยังมีเรื่องของ กลิ่น รสชาติ ปริมาณแอลกอฮอร์ และอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการจำแนกประเภทของไวน์อีกด้วย
โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.Still wine หรือ Table wine
ไวน์ไม่มีฟอง แบ่งออกเป็น 3 ประเภทย่อย คือ
- ไวน์แดง (Red wine)
มีสีแดงเพราะ ทำมาจากองุ่นแดงหรือองุ่นดำ
ที่นำมาทั้งเปลือก ผล ขั้ว และเมล็ดองุ่น จึง
ทำให้หมักออกมาแล้วยังคงมีสีแดงของ
เปลือกองุ่นอยู่ พันธุ์องุ่นที่นิยมนำมาหมัก
ได้แก่
- Cabernet Sauvignon(กาแบร์เน โซวีญง)
- Merlot(เมอร์โล)
- Pinot Noir(พิโน นัวร์)
- Syrah/Shiraz(ซีร่า/ชีราส)
- Malbec(มาลเบค) เป็นต้น
- ไวน์ขาว (White wine)
ทำมาจากองุ่นขาวหรือองุ่นเขียว หรือแม้
กระทั่งองุ่นแดงและองุ่นดำที่แยกเปลือกออก
นำแต่น้ำองุ่นมาหมัก สีที่ได้จึงมีสีออกเหลือง
อ่อน ไปจนถึงเหลืองเขียว พันธุ์องุ่นที่นิยมนำ
มาหมัก ได้แก่
- Chardonnay(ชาร์ดอนเนย์)
- Sauvignon Blanc(โซวีญง บลอง)
- Riesling(รีสลิ่ง)
- Chenin Blanc(เชนิน บลอง) เป็นต้น
- ไวน์โรเซ่ (Rosé wine)
เป็นไวน์สีชมพูดอกกุหลาบ มีกรรมวิธีการ
ผลิตหลายวิธี เช่น การหมักองุ่นกับเปลือก
องุ่นแดงหรือดำเป็นเวลาสั้นๆแล้วแยกเปลือก
ออก หรืออีกวิธีที่นิยมคือ การนำไวน์แดงมา
ผสมกับไวน์ขาวเลย ก็จะได้ไวน์ที่มีสีชมพู
สวยงาม
2.Sparkling wine
เป็นชื่อเรียกไวน์ที่มีฟอง ซึ่งมาจากแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติจากกระบวนการหมัก หรือจากการอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเองในภายหลัง โดย Sparkling wine ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเลย ก็คือแชมเปญ(Chanpagne) นั่นเอง โดยแชมเปญคือ Sparkling wine ที่ผลิตจากแคว้น Champagne (ชองปาญ) ประเทศฝรั่งเศส ส่วน Sparkling wine จากที่อื่นๆ ก็จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน เช่น
- Prosecco(โปรเซกโก) จากประเทศอิตาลี
- Cava(คาว่า) จากประเทศสเปน เป็นต้น
3.Fortified wine
เป็นไวน์ที่มีการเติมแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น บรั่นดี ให้มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่าไวน์ทั่วไป (15-22%) ฟอร์ติไฟด์ไวน์ที่มีชื่อเสียง เช่น
- Sherry(เชอรี่) ผลิตจากไวน์ขาวจากประเทศสเปน เติมบรั่นดีและความหวานหลังจากบ่มไวน์เสร็จ
- Port (พอร์ท) ผลิตจากไวน์แดงจากประเทศโปรตุเกส โดยเติมแอลกอฮอล์จากเหล้าลงไปในไวน์ที่กำลังบ่ม ซึ่งแอลกอฮอล์ที่เติมเข้าไปนั้น จะไปฆ่ายีสต์ในถังบ่ม จึงทำให้ปฏิกริยาการหมักสิ้นสุดลง เหลือไว้แต่น้ำตาลที่ยังไม่ทันถูกเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์
- Madeira(มาเดียร่า)
- Marsala (มาร์ซาล่า) เป็นต้น
4.Dessert wine
ไวน์หวาน เป็นไวน์หวานที่นิยมรับประทานกับขนมหวาน ผู้ผลิตจะใช้วิธีต่างๆในการเพิ่มระดับความหวานของไวน์ เช่น
- การเก็บเกี่ยวผลองุ่นช้าลง (Late Harvest) เพื่อทำให้องุ่นแก่และสุกเต็มที่และมีความหวานมากขึ้น
- อีกวิธีที่นิยม คือ ice wine เกิดจากองุ่นที่โดนแช่แข็งตามธรรมชาติในไร่ จนทำให้ปริมาณน้ำในองุ่นลดลง ทำให้น้ำตาลในองุ่นเข้มข้นมากขึ้น เมื่อนำองุ่นเหล่านั้นมาทำไวน์ ก็จะได้เป็นไวน์ที่มีรสชาตหวานมากขึ้นนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ เรื่องของไวน์ยังมีอะไรที่สนุกอีกมากครับ หวังว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อย
โปรดติดตามชนิดของไวน์ พันธุ์องุ่น และการรับประทานคู่กับอาหาร ไปกับ Wine story ในบทความหน้า
“เลือกซื้อไวน์อย่างไร ตอนที่ 3”
แล้วพบกันครับ
Wine story by Dr.Art
Reference
โฆษณา